อ่านละครแสบสลับขั้ว ตอนที่ 4 (ต่อ) วันที่ 8 ก.ค. 55

{[['']]}
เซียนนั่งใช้ความคิดอยู่ในห้อง ที่เปลี่ยนสภาพจากรกเรื้อกลายเป็นสะอาดสะอ้าน และข้าวของจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หน้าต่างเปิดให้ลมพัดเข้ามา เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงสายไหม
      
       “เซียน ป้าเข้าไปได้ไหม”
       “เชิญครับ”
       สายไหมเปิดประตูเข้ามา แล้วมองไปรอบๆ ห้องอย่างแปลกใจ
       “นึกยังไงถึงลุกขึ้นมาทำความสะอาดเสียเรี่ยมไปเลย”
       “ผมไม่ชอบห้องสกปรกครับ”
       “เฮ้อ...บอกตรงๆ นะ ป้าชอบผีที่มันเข้าสิงเอ็งจัง อยากให้มันสิงนานๆ”
       “คุณป้ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
       “เออใช่ เห็นห้องเอ็งสะอาดสะอ้านแล้วลืมไปเลย ยายปิ่นกับไอ้พิณเขาซื้อของมาให้เอ็งกิน”
       เซียนมีสีหน้าประหลาดใจแว่บหนึ่ง
      
       เซียนเดินออกมานอกชานบ้าน ขณะที่สายพิณเทเกี๊ยวน้ำร้อนๆ วางบนโต๊ะ ซึ่งมีบัวลอยไข่หวานวางไว้ 4 ถ้วย สำหรับทุกคน
       “เกี๊ยวน้ำของโปรดพี่เซียนจ้ะ”
       “ผมไม่รับประทาน Supper ครับ ซึ่งคุณยายกับคุณป้าก็ไม่ควรจะรับประทาน เพราะเท่าที่เห็นขนมนั่นมีแต่แป้ง ไข่และน้ำตาล” แต่ละคนมองเซียนเหมือนเห็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นตรงหน้า “ของพวกนี้...ขอโทษนะครับ ผู้สูงอายุไม่ควรรับประทานมาก โดยเฉพาะในเวลาก่อนนอนเช่นนี้” ยายปิ่นค่อยๆ วางช้อนลง “มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพครับ”
       “กูอยากจะบ้าตาย”
       “แต่ก็ต้องขอบคุณที่ซื้อมาฝาก” เซียนบอกแล้วขยับลุกขึ้น “ขอตัวก่อนนะครับ”
       เซียนเดินกลับเข้าห้อง
       “ทำไมต้องขอด้วยวะ ก็ตัวของมันแท้ๆ”
       “แหม มันเป็นคำพูดที่สุภาพไงจ๊ะ ในละครเขาชอบพูดกัน”
       ยายปิ่นมองอาหารตรงหน้า
       “เลยกินไม่ลงเลย...” ยายปิ่นมองไปที่ชามเกี๊ยว “แล้วไอ้อ๊ะเป้อร์เนี่ยล่ะใครจะกินชามละตั้ง 30 บาท”
       “ซัปเปอร์จ้ะ ยาย ...แปลว่าอาหารว่างรอบดึก”
       “อ้าว ไม่ได้แปลว่าเกี๊ยวหรอกเรอะ”
       “หนูกินเอง ใครไม่กินอย่ากิน”
       สายพิณดึงชามเกี๊ยวมาปรุงกินเอร็ดอร่อย
      
       เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่สายไหมกำลังเตรียมทำขนมไปขายอย่างเดิม เซียนโขยกเขยกมายืนมอง
       “ผมช่วยไหมครับ”
       สายไหมเงยหน้ามองเซียนเพ่งพิศครู่หนึ่ง
       “นี่แกแกล้งหรือเปล่า”
       เซียนสบตาสายไหมจริงจัง
       “หน้าตาผมเหมือนแกล้งหรือครับ”
       สายไหมวางของในมือลง แล้วถอนใจยาว
       “ตั้งแต่แกฟื้นขึ้นมาจนกลับบ้านได้นี่ รู้มั้ยว่าฉันนอนไม่ค่อยหลับเลย”
       “กลัวผมจะเป็นผีหรือครับ”
       “เออ... เอ๊ย ไม่ใช่ เพราะฉันเฝ้าแต่คิดว่าทำไมอุบัติเหตุทำให้แกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
       “คงไม่ใช่คุณป้าคนเดียวหรอกครับที่คิดอย่างนั้น ทุกคนที่บ้านผมก็คงคิดเหมือนกัน”
       “เซียน ป้ารู้ว่าแกอยากจะรวย อยากจะมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนพวกเศรษฐีมีเงิน แต่เราทำบุญมาแค่นี้”
       สายไหมบอกเสียงจริงจัง ขณะที่เซียนมีสีหน้าแน่วแน่และทรนงในตัวเอง
       “เรื่องบุญกรรมมันก็อย่างนึง แต่ผมจะไม่มีวันงอมืองอเท้ายอมรับชะตากรรมเด็ดขาด คุณพ่อเคยสอนไว้
       อย่างนั้น”
       สายไหมสะดุ้ง
       “สอนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
       เซียนหยิบกล้วยมาปอกเปลือกตามที่เห็นสายไหมทำโดยไม่โต้ตอบอีก สายไหมมองเซียนที่ตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเพ่งพิศ
      
       “2 เดือนผ่านไป”
       เซียนเดินมาหน้าปากซอกโดยเพื่อนๆ ทุกคนที่วินมอเตอร์ไซด์หันมามอง
       “หายดีแล้วเรอะ” ลุงป่องถาม
       “ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วครับ คุณมอมแมม”
       “ครับ...คุณเซียน”
       “ผมอยากให้คุณช่วยอะไรหน่อย”
       “ด้วยความยินดีครับ”
      
       เซียนขอให้มอมพาไปหาน้ำเพชร มอมจึงพาเซียนซ้อนมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านทอง เมื่อมาถึงเซียนลงจากรถอย่างระมัดระวังและไม่ถนัดนัก
       “ขอบคุณมาก”
       เซียนขยับจะเดินไป มอมตัดสินใจเดินตาม
       “คุณเซียน” เซียนหันมามอง มอมจึงพูดต่อด้วยท่าทางเรียบร้อย “คุณน่าจะรออยู่ที่นี่ดีกว่า ผมจะไปตามคุณน้ำเพชรให้”
       “ผมทราบดีว่าคุณเป็นห่วง แต่ไม่เป็นไรคุณน้ำเพชรเป็นเลขาฯของผม ผมมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย”
       สีหน้าเซียนดูมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
      
       น้ำเพชรตบเปรี้ยงจนเซียนหน้าหัน ท่ามกลางความตกใจจนอ้าปากค้างของที่ถืออยู่ในมือหล่นร่วงลงพื้น
       ของกิมฮวยและสุมาลีซึ่งกำลังจะปิดประตูอ้าปากค้าง และเติมศักดิ์เดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ ปืนเกือบร่วง
       “อีกซักทีดีมั้ย กำลังมันมือเลย”
       น้ำเพชรบอก เซียนพยายามข่มความเจ็บ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ
       “คุณน้ำเพชรมือหนักนะครับ”
       “ก็เออน่ะซิ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
       มือน้ำเพชรที่ยกขึ้นชี้หน้าเซียนเริ่มกระตุก
       “อาเซียน ลื้อออกไปก่อนที่จะหน้าเละ เห็นมั้ยมืออีกระตุกอีกแล้ว” กิมฮวยบอก
       “คุณน้ำ มองผมซิครับ มองอย่างพินิจพิจารณา แล้วจะรู้ว่าผมคือปลาใหญ่ ไม่ใช่นายเซียน”
       “ฉันมองยังไงๆ แกก็คือนายเซียน จะยืนมอง นั่งมองห้อยหัวมองตะแคงมอง แกก็คือไอ้เฒ่าทารกเซียน”
       มือน้ำเพชรกระตุกมากยิ่งขึ้น
       “อาเซียน ลื้อเชื่ออั๊วเถอะ ไปเสียก่อนที่แก้มจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ”
       “ทุกคนจำได้มั้ยครับ ตอนผมมาที่นี่ครั้งแรก ผมมาส่งคุณน้ำเพชรคุณพ่อคุณแม่คิดว่า คุณครรชิตเป็นประธานบริษัท และเรียกผมว่าอาตี๋เพราะนึกว่าผมเป็นลูกคุณครรชิต”
       สีหน้าแต่ละคนชะงัก หันมามองหน้ากันเหมือนประหลาดใจ
 เซียนเดินก้มหน้าก้มตามาที่มอม
      
       “เป็นไงวะ เอ๊ย ครับ...เขาเชื่อ ...” เซียนเงยหน้าขึ้น เห็นแก้มแดงเป็นรอยนิ้วมือ มอมสะดุ้ง “เฮ้ย”
       “ผมเพิ่งรู้ว่า คุณน้ำเพชรมือหนักมาก หน้ายังสะเทือนไม่หาย”
       “กู...เอ๊ย ผมเตือนแล้วว่าเจ๊ คือมือตบหุ้มทอง หาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ”
       “ผมว่า ไม่เปล่าหรอก อย่างน้อยครอบครัวคุณน้ำเพชรต้องฉุกคิดกันบ้าง”
       เซียนบอกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง
      
       “อั๊วว่ามันแปลกๆ อยู่นะ ทำไมอีถึงรู้ว่าพวกเรา ...”
       กิมฮวยบอกอย่างแปลกใจ
       “ไม่ใช่พวกเรา ลื้อคนเดียว” เติมศักดิ์แย้ง
       “อาเติม อย่าลืมกฏข้อที่ 1 ...ห้ามเถียงอั๊ว”
       “หม่าม้าอย่าลืมว่า วันนั้นไอ้เซียนปลอมเข้ามาเป็นกุ๊ก เพราะฉะนั้นเขาต้องรู้อะไรหลายอย่าง”
       “แต่อีรู้ลึกเกินไป”
       เติมศักดิ์อ้าปากขยับจะพูด
       “อั๊วบอกแล้วว่า ห้ามเถียง!...หรือว่าอีจะเล่นของ อาน้ำลื้อต้องระวังตัวให้ดี”
       “โอ๊ย มันไม่กล้าทำอะไรน้ำหรอกค่ะ”
       “ลื้ออย่าประมาทเป็นอันขาด” เติมศักดิ์อ้าปาก “เอาอีกแล้ว อั๊วบอกว่าไม่ให้เถียง”
       “อั๊วไม่ได้เถียง อั๊วจะหาว”
       “หาวตอนอั๊วพูดก็ไม่ได้”
       เติมศักดิ์กำลังหาวรีบหุบทันที
       “น้ำไปทำงานก่อนนะคะ”
       “เดี๋ยวหม่าม้าจะให้อาพิชิตตามไปส่ง”
       “ตามไปเป็นภาระมากกว่าค่ะ ตัวของแกยังจะเอาไม่รอดเลย น้ำไปละค่ะ”
       น้ำเพชรไหว้พ่อแม่แล้วเดินออกไป
       “อั๊วให้อาหมอแม่นนั่งทางในดู”
      
       มอมพาเซียนซ้อนมอเตอร์ไซค์มาปากซอย เด็กแว้นท์กลุ่มหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้วตะโกนบอก
       “พี่เซียน คืนนี้ที่เก่าเวลาเดิมนะ”
       เซียนมองตามแล้วหันมาทางพรรคพวก
       “ที่เก่าเวลาเดิมอะไรครับ”
       “ก็ไปแว้นกับพวกมันไง”
       “แว้น...”
       “ไอ้เซียน เอ็งจำไม่ได้จริงๆ เรอะ”
       “ผมจำทุกอย่างในชีวิตได้ เช่นผมเป็นใคร มาจากไหน”
       “แล้วทำไมจำไอ้พวกแก๊งค์แว้นของเอ็งไม่ได้”
       “เพราะผมคือ ...”
       “ปลาใหญ่”
       ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน ปลาใหญ่ในร่างเซียนมองหน้าทุกคนแล้วถอนใจยาว
       “ไม่มีใครเชื่อผมอยู่ดี”
       เซียนเดินเข้าไปในซอย ทุกคนมองตามพินิจพิจารณา
       “หรือว่า มันจะเป็นปลาใหญ่จริงๆ”
       “เราต้องพิสูจน์”
       “พิสูจน์ยังไง”
       “ก่อนอื่น ต้องหาอาสาสมัคร 2 คน ให้ขับรถชนกันเอง...”
       “ข้าหาคนแรกได้แล้ว” ลุงป่องบอก
       “ใครฮึ ลุง”
       “เอ็งไง ช่างคิดดีนัก”
       “ฉันเป็นคนออกไอเดีย”
       กระหังและกระสือ ลงรถเมล์มาขณะที่ทั้งหมดคุยกัน
       “เฮ้ย จะไปมั้ย หรือว่าจะคุยกันไม่ทำมาหากินแล้ว จะได้รู้เอาไว้”
       “ไปจ้ะไป ไอ้ป๋อง ไอ้ชาย รับผู้โดยสาร 2 ท่านนี่ด่วน”
       “แล้วไป จะได้ไม่ต้องไปซื้อรถเบ๊นซ์”
       ทั้งคู่ขึ้นซ้อนท้ายป๋องและชายสี่ขี่ออกไป
       “หน็อย จะซื้อรถเบ๊นซ์”
       “ได้ยินนะเว้ย” กระสือหันมาตะโกน
       “ไอ้พวกหูผีจมูกมด” ลุงป่องต่อว่า
      
       เซียนเดินมาที่ร้านสายไหม ขณะนั้นสายพิณกำลังตักข้าวแกง หันมามอง
       “ไปไหนมา พี่เซียน”
       “เอ็งจะรู้ไปทำไมฮึ ไอ้พิณ” ยายปิ่นถาม
       “ก็หนูอยากรู้นี่”
       “คุณป้าครับ ผมอยากจะขอยืมเงินคุณป้าสัก 500 บาท แล้วผมจะใช้ให้”
       “ฮั่นแน่ นึกแล้วว่ามาแผนสูง ไม่ให้โว้ย ทำเป็นคนดีมาตั้งหลายเดือนแล้วมาตลบหลังขอยืมเงิน ข้าไม่ให้เด็ดขาด ถ้าหากไม่คืนที่เคยยืมไปให้หมด”
       “เท่าไหร่หรือครับ”
       “ยังจะมีหน้ามาถาม 5 พันเว้ย ไปหามาใช้ข้าให้ได้ก่อน”
       สายพิณเดินมาใกล้
       “พี่เซียนจะเอาไปทำอะไร ตั้ง 500”
       เซียนมองหน้าสายพิณด้วยสีหน้าแน่วแน่
      
       สายพิณเดินนำเซียนมาหน้าบ้าน
       “รอตรงนี้แหละ” สายพิณไขกุญแจบ้าน
       “ขอบคุณมากนะครับ”
       สายพิณหันกลับมา
       “พิณจะพิสูจน์ดูซิว่า พี่ใช่พี่เซียนคนเดิมหรือเปล่า”
       “นายเซียนเขาไม่ให้คืนหรือครับ” สายพิณพยักหน้า
       “แล้วถ้าพี่เซียนยังทำแบบเดิม พิณจะไม่พูดกับพี่อีกเลยจนตลอดชีวิต”
       สายพิณเปิดประตูเดินเข้าไป
       “คุณสายพิณจะไปกับผมด้วยไหมล่ะครับ”
      
       เซียนถาม สายพิณหยุดเดินหันมามองหน้าเซียนเหมือนไม่แน่ใจ

ที่ร้านยายปิ่น เสียงยายปิ่นตะโกนใส่สายไหมซึ่งกำลังขายของอย่างฉุนๆ
      
       “ไม่ได้ยินเรอะนังไหม หลานแกกำลังหลอกเอาเงินไอ้พิณมัน”
       “ได้ยิน แล้วจะให้ทำยังไง”
       “แกก็ไปห้ามหลานแกซิ”
       “ไอ้เซียนมันเคยฟังฉันที่ไหน”
       “อ้าว พูดแบบนี้ก็เท่ากับแกสนับสนุนให้ไอ้เซียนปอกลอกไอ้พิณนี่หว่า หลานแกเป็นผู้ชายนะเว้ย”
       “อ๋อ ถ้าเป็นผู้หญิง สายพิณจะให้มันยืมเงิน”
       ยายปิ่นถือกระบวยตักแกงชี้หน้าสายไหม เต้นเหย็งๆ
       “นังสายไหม แกหาว่าหลานฉัน บ้าผู้ชาย หลานแกนั่นแหละแมงดา”
       ผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มรุมล้อมฟัง คนที่กินข้าวแกงอยู่ก็ถือโอกาสย่องมาตักเพิ่ม
       “หลานฉันแมงดา หลานแกก็นารีที่อยู่ในซ่อง” สายไหมสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
       “นี่แน่ะ มาหาว่าไอ้พิณเป็นโส”
       ยายปิ่นเหวี่ยงกระบวยใส่สายไหม สายไหมหลบแล้วหยิบมันสัมปะหลังขึ้นปาใส่ยายปิ่น
       “ฉันก็มีเหมือนกันเว้ย”
       ต่างฝ่ายต่างปาใส่กันจนเละเทะ โดยบรรดาไทยมุงต่างแบ่งเชียร์คนละข้าง
      
       เซียนรับซองเงินมาจากสายพิณ
       “ผมรับรองว่าผมจะคืนให้มากกว่าเงินจำนวนนี้”
       “สายพิณ...ไอ้เซียน ยายกับป้าพวกเอ็งตีกันระเบิดเถิดเทิงไปแล้ว”
       หมอแม่นรีบเข้ามาบอก
       “อ้าว เรื่องอะไรกันล่ะ”
       สายพิณพูดพลางเดินแกมวิ่งออกไป เซียนรีบตาม เสียงโทรศัพท์หมอแม่นดังขึ้นหมอแม่นหยิบขึ้นมาดู
       “อ้อ คุณนายกิมฮวยคนนี้นี่เอง ฮัลโหลจ้า...เมื่อไหร่จ๊ะ ... ได้จ๊ะได้ เย็นนี้นะจ๊ะ”
       หมอแม่นปิดโทรศัพท์เก็บ
      
       ที่ร้านยายปิ่นและสายไหม กับข้าวกับปลาเละเทะไปหมด ชาวบ้านต้องจับยายปิ่นและสายไหมแยกกันมานั่งดมยาดม ด้วยสีหน้าท่าทางของคนแก่เป็นลม สายพิณรีบเข้ามาโดยมีเซียนตามติดๆ ทั้ง 2 แยกกันไปหาผู้ใหญ่ของตัวเอง
       “เกิดอะไรขึ้นจ้ะยาย”
       “สายพิณ ต่อไปห้ามเอ็งคบกับไอ้เซียนเด็ดขาด”
       “ช่างหัวมัน ไอ้เซียน ผู้หญิงเยอะแยะไปในโลกนี้”
       “เออ เยอะแยะไป แต่ไม่มีใครเอามันซักคน”
       สายไหมแค่นหัวเราะเยาะ
       “แน่ใจเรอะ ข้าเห็นแถวๆ นี้ก็มีอยู่คนนึง”
       ยายปิ่นชี้หน้า อ้าปากจะพูด สายพิณจับนิ้วนั้นกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับนิ้วอื่นๆ แล้วดึงลงมา พลางชิงพูดขัดขึ้นก่อน
       “อย่าทะเลาะกันเลยจ้ะ ยายไม่อายพวกชาวบ้านเขาเหรอจ้ะ”
       สายไหมขยับจะพูดเช่นกัน แต่เซียนรีบห้ามไว้
       “มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันดีกว่านะครับ คุณป้าพอจะลุกขึ้นไหวหรือเปล่า”
       “แน่นอน ข้าสาวกว่ายัยปิ่นตั้งหลายปี”
       สายไหมลุกขึ้น แต่เซแซ่ดๆ เซียนรับไว้ได้ทัน ยายปิ่นหัวเราะเยาะ
       “พูดยังไม่ทันจะขาดคำ นี่แหละน้า”
       “กลับไปบ้านดีกว่ายาย”
       สายพิณประคองพายายปิ่นเดินไป
       “ไปครับ คุณป้า”
       “ไอ้เซียน ต่อไปเอ็งก็ไม่ต้องคบกับหลานยายปิ่นมัน”
       สายไหมสั่ง เซียนประคองสายไหมเดินออกไป คนแถวนั้นจัดการกับอาหารและขนมที่เหลือ
      
       อีกด้านหนึ่งขณะนั้นครรชิตกำลังนั่งหน้ายุ่งสะสางงานของปลาใหญ่ จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น
       “เบอร์ใคร” ครรชิตทำท่าจะไม่รับแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “ฮัลโหล”
       “คุณครรชิต นี่ผมเองปลาใหญ่”
       “นั่นไม่ใช่เสียงคุณปลาใหญ่”
       “เพราะเป็นปลาใหญ่ในร่างนายเซียน”
       “มาอีกแล้ว...”
       “อย่าเพิ่งปิดโทรศัพท์ ฟังผมให้จบก่อน คุณครรชิตช่วยไปไขกุญแจโต๊ะทำงานผมให้หน่อย...ลิ้นชักเล็กทางซ้ายมือมีซองสี น้ำตาลอยู่ ในนั้นมีเงินสด 5 หมื่นบาท ที่ผมเก็บเอาไว้”
       “ถ้าไม่มีล่ะ”
       “ผมจะไม่รบกวนคุณอีกเลย...จะยอมรับชะตากรรมทุกอย่างแต่โดยดี เพราะสวรรค์ลิขิตให้ชีวิตผมเป็นอย่างนี้ ... ครับ ....ขอบคุณมาก”
       เซียนปิดโทรศัพท์ แล้วส่งให้สายพิณ
       “เขาว่ายังไง”
       “เดี๋ยวจะติดต่อกลับมา”
       เซียนมีสีหน้าเคร่งเครียด
      
       ครรชิตเข้ามาในห้องทำงานปลาใหญ่กับน้ำเพชร ทั้งคู่เดินเข้ามาโดยครรชิตพูดพลางแล้วเดินมาที่โต๊ะทำงานปลาใหญ่
       “เขาบอกว่าอยู่ในลิ้นชักเล็กทางซ้ายมือ”
       “คุณลุงเชื่อหรือคะ”
       “ไม่เชื่อหรอก แต่จะได้หมดเรื่องหมดราวไป”
       ครรชิตพูดพลาง ไขกุญแจที่หยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ครรชิตดึงลิ้นชักออกมาแล้วรื้อของขึ้นมา ครรชิต
       ชะงักเมื่อเห็นซองสีน้ำตาล
       “พบแล้วหรือคะ” ครรชิตหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมา น้ำเพชรมีสีหน้าประหลาดใจและงุนงง “เอ๊ะ นายเซียนรู้ได้ยังไง”
       “ลองนับดูก่อน”
       ครรชิตค่อยๆ เปิดซองออก แล้วดึงธนบัตรออกมาปึกใหญ่
       “โห...”
      
       ซองสีน้ำตาลถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องรับรองของบริษัท เซียนมองซองนั้นด้วยสีหน้าปกติ แล้วมองครรชิตและน้ำเพชรสลับกัน ในขณะที่สายพิณมีสีหน้าตื่นเต้น
       “หมายความว่าพี่เซียนพูดถูกใช่มั้ยจ้ะ”
       “เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง”
       “เบื้องหลังเบื้องหน้าบ้าบออะไร พูดแบบนี้สมคบกันจะโกงใช่มั้ยล่ะ”
       “เงิน 5 หมื่นบาทอาจจะทำให้เธอโกงได้ แต่สำหรับฉัน ไม่มีวัน”
       “อ้ะ พูดแบบนี้ก็สวยซิ”
       น้ำเพชรลุกขึ้นแล้วมือกระตุก
       “ยังไงก็ได้”
       “หยุดทั้ง 2 คน” เซียนบอกน้ำเสียงนิ่งๆ แต่เด็ดขาด สองสาวค่อยๆ ทรุดลงนั่ง หดมือลง “ผมไม่ได้ต้องการเงินจำนวนนั้น เพียงแต่แค่อยากจะให้พวกคุณสะกิดใจขึ้นมาบ้างว่า ทำไมผมถึงได้รู้ว่ามีเงิน 5 หมื่นบาทอยู่ในลิ้นชัก”
       สายพิณมองเซียนครุ่นคิด ขณะที่น้ำเพชรสบตากับครรชิต
      
       พอออกจากบริษัทเซียนและสายพิณมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง ทั้ง 2 ปรุงรสก๋วยเตี๋ยวเงียบๆ โดยสายพิณลอบมองสีหน้าเซียนเป็นระยะๆ
       “ผมมีอะไรผิดปกติหรือ”
       เซียนถามลอยๆ โดยไม่เงยหน้ามอง
       “พี่เซียนรู้ได้ยังไงน่ะ”
       “ผมเป็นคนเก็บเอาไว้เอง ทำไมจะไม่รู้”
       “นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนี้ พิณอยากรู้ความจริง”
       “ก็นี่แหละความจริง” สายพิณถอนใจเฮือก “ผมอยากเจอนายเซียน” สายพิณเหลือบตามอง “หมายถึงปลาใหญ่น่ะ”
       “เขาไม่ยอมมาพบเราหรอก”
       “มันต้องมีวิธีซิ”
       สายพิณมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
      
       สายพิณกับเซียนกลับไปแล้วแต่ครรชิตยังนั่งคุยอยู่กับน้ำเพชร
       “แต่มันก็น่าแปลก ทำไมนายเซียนถึงได้รู้เรื่องนี้”
       “หมายความว่า คุณลุงเชื่อที่เขาพูดหรือคะ”
       ครรชิตถอนใจเฮือก
       “ถ้าเรื่องนั้นเป็นความจริง มันก็ยิ่งแปลกไปใหญ่”
       น้ำเพชรนิ่งคิดครู่หนึ่ง
       “เราต้องพิสูจน์ค่ะ...พิสูจน์หลายๆ ครั้ง ให้มันรู้เรื่องกันไปเลย”
       ครรชิตพยักหน้าช้าๆ
      
       เย็นวันนั้นครรชิตมาหาปลาใหญ่ที่ห้องซึ่งปลาใหญ่ยังงัวเงียอยู่ในชุดนอน
       “จะไปทำงานแต่เช้าเลยเรอะ”
       “นี่มันหกโมงเย็นแล้วครับ”
       “หกโมงเย็น ตายจริง ทำไมเหมือนหกโมงเช้าเลย”
       “คุณปลาใหญ่ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมจะรออยู่ข้างนอกนี่”
       “ทำไม คุณคันจะพาผมไปไหน” ปลาใหญ่ถามอย่างระแวง
       “เดินเล่นข้างล่างนี่เองครับ”
       “ผม ...”
       “ผมจะรออยู่ข้างนอกนี่”
       ครรชิตตัดบทแล้วเดินไปนั่งรอ ปลาใหญ่มองตามแล้วจำใจปิดประตู
      
       ครรชิตและปลาใหญ่เดินเข้ามาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ปลาใหญ่มองไปโดยรอบอย่างตื่นตาตื่นใจ ครรชิตลอบสังเกตท่าทีนั้นครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นเอ็กซ์ออกมาแอบมองจากข้างเสา
       “พรุ่งนี้ คุณปลาใหญ่ตื่นแต่เช้าหน่อยนะครับ” ปลาใหญ่หันขวับมามองทันที ครรชิตยังคงพูดเรื่อยๆ “เพราะถึงเวลาที่คุณจะต้องไปตรวจโรงงาน”
       ปลาใหญ่สะดุ้ง
       “แล้วคุณอาก้องล่ะ”
       ครรชิตเดินมาถึงโต๊ะสนาม
       “นั่งก่อนซิครับ”
       ปลาใหญ่นั่งลง ครรชิตนั่งตาม
       “คุณปลาใหญ่ไม่ได้เข้าโรงงานเลยตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ พวกคนงานก็ลือกันไปต่างๆ นาๆ ... คุณปลาใหญ่ถึงต้องไปแสดงตัวให้เห็นว่าคุณหายเป็นปกติแล้ว”
       “คุณคันไปบอกเองก็ได้”
       “มันเป็นหน้าที่ของคุณปลาใหญ่ที่จะต้องไปดูว่าโรงงานเราก้าวหน้าไป ถึงไหนแล้ว...ยังมีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงบ้าง แล้วก็ให้นโยบายกับหัวหน้างานที่นั่น”
       “โหย แค่ฟังก็ปวดกบา...เอ๊ย ปวดหัวแล้ว”
       “อ้าว คุณปลาใหญ่เคยชอบเรื่องพวกไอที นี่ยังกับอะไรดี”
       “คนเรามันเปลี่ยนกันได้ แต่โอเค” ปลาใหญ่วางท่าภาคภูมิขณะลุกขึ้นยืน “ไปก็ไป ของๆ เราเองนี่นะ จริงมั้ย ... คุณคัน”
       “ต้องยังงี้ซิ คุณปลา”
       สองคนหัวเราะกัน ซึ่งปลาใหญ่ดูมีความกังวลแฝงอยู่ เอ็กซ์จับตามองแทบจะทุกอิริยาบถ
      
       “หัวเราะหาอะไรกัน”
 
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ