อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 8 (ต่อ) วันที่ 8 ก.ค. 55

{[['']]}
 

ดรุณีนั่งอ่านหนังสือ คุณย่านั่งปักผ้า แก้วเอานมเข้ามาให้ แล้วถามขึ้น
       
       “ไม่ไปเลือกเสื้อผ้า ไปร่วมงานแต่งคุณอาทิจหน่อยหรือคะคุณณี”
       ดรุณีส่ายหน้า
       “ไม่ล่ะ ถึงหนูจะยังเด็กแต่หนูก็ไม่อยากฝืนใจทำอะไรแบบคุณย่า พรุ่งนี้คุณย่าไปไหน หนูขอตามไปด้วย”
       อาทิจเข้ามา พร้อมเสื้อที่พับแล้วอยู่ในมือ
       “อ้าว..คุณอาทิจ ไม่รีบเข้านอนล่ะคะ พรุ่งนี้หน้าจะได้ผ่องๆ” แก้วหันไปถาม
       “ผมยังไม่ง่วงก็เลยแวะมาขออนุญาตคุณย่า เบิกเงินล่วงหน้าไปซื้อเมล็ดข้าวโพด
       แล้วก็กะหล่ำน่ะครับ เผื่อพรุ่งนี้คุณย่าอาจจะไปทำธุระที่ไหน”
       “เอาสิ จะไปซื้อเมื่อไหร่ล่ะ” ย่าแดงพยักหน้าให้
       “พรุ่งนี้ครับ”
       “กว่าจะเสร็จพิธี จะไปซื้อทันเหรอพ่อ ถ้าจะไปก็เอานายเกร็งไปเป็นเพื่อนสิ ขา
       นั้นเขารู้แหล่งที่จะซื้อ จะได้รีบไปรีบกลับ”
       อาทิจกราบที่ตัก
       “ขอบพระคุณครับคุณย่า”
       คุณย่ายิ้มแล้วเอามือลูบหัวอาทิจ ก่อนจะเหลือบเห็นเสื้อซึ่งชายหนุ่มวางไว้ข้างตัว
       “แล้วนั่นอะไรล่ะ”
       “เสื้อครับ ยังใหม่แล้วก็เป็นตัวโปรดของผมด้วย แต่ไม่ทราบไปโดนอะไรถึงได้ขาดเป็นรูตรงนี้ครับ ผมเห็นคุณย่าชุนผ้าขาวม้าให้ผมได้ประณีตมาก ก็เลยอยากจะรบกวนคุณย่าให้ช่วยดูให้น่ะครับว่า พอจะซ่อมไหวมั้ย”
       “แม่ณีดูให้พี่เขาทีซิ”
       อาทิจไม่อยากรบกวนดรุณี
       “เอ่อ..ถ้าคุณย่าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองซ่อมเอง”
       แก้วอธิบายให้ฟัง
       “ไม่ใช่ไม่สะดวกค่ะ ไอ้ผ้าขาวม้าผืนนั้นน่ะคุณณีเป็นคนชุนค่ะ ไม่ใช่คุณย่า”
       ย่าแดงพยักหน้า
       “ย่าสายตาไม่ดีแล้ว ชุนไม่ละเอียดเท่าแม่ณีหรอก”
       อาทิจหันไปมองดรุณี หญิงสาวสูดหายใจลึกแล้วยืดอกราวกับเป็นมเหสีของพระราชาในละครจักรๆวงศ์ๆ
       “เอาให้คุณณีสิคะคุณอาทิจ” แก้วบอกซ้ำ
       “เอ่อ..คือ..”
       “มาค่ะ” แก้วดึงเสื้อจากมืออาทิจมายื่นให้ดรุณี “จัดการให้เนี้ยบเลยนะคะคุณณี”
       ดรุณีรับเสื้ออาทิจมาวางบนโต๊ะข้างตัวทำเป็นไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาเชิดๆเริ่ดๆใส่ชายหนุ่ม
      
       เมื่อกลับเข้าไปในห้องนอน ดรุณีนั่งชุนเสื้อแขนยาว ซึ่งเป็นเสื้อยีนส์แบบเก๋าๆเท่ๆของอาทิจมือเป็นระวิง ทำไปบ่นไป
       “ปากก็บอกไม่อยากแต่ง ไม่รักไม่ชอบเขา แต่รีบงัดเสื้อออกมาให้ซ่อมเชียว..เตรียมใส่พรุ่งนี้ล่ะซี้ โธ่เอ๊ย..นึกว่าฉันไม่รู้ไต๋ รึไงว่า ใจนายน่ะลอยไปอยู่กับเขาตั้งแต่คืนนี้แล้ว”
       แล้วจู่ๆดรุณีก็ชะงัก แปลกใจตัวเองที่ทำไมต้องรู้สึกร้อนวูบๆวาบๆอยู่ในใจ แล้วจะบ่นไปทำไมหงุดหงิดที่ต้องชุนผ้าให้อาทิจ หรือว่าหงุดหงิดที.หญิงสาวไม่กล้าคิดต่อ เพราะนั่นยิ่งทำให้เธอร้อนวูบขึ้นอีก
       ทางด้านอาทิจเดินบ่นตัวเองมาตามทาง เพื่อกลับไปที่บ้านพัก
       “ไม่น่าเลยเรา เขายิ่งไม่ชอบขี้หน้า ดันหางานไปให้เขาทำ ให้เขาเกลียดเพิ่มขึ้นอีกจนได้ แค่นี้เขายังเกลียดนายไม่พอรึไงห๊า นายอาทิจ เฮ้อ...”
       อาทิจแหงนหน้ามองดูพระจันทร์นวลผ่องบนท้องฟ้า ที่ยามนี้อยู่สูงและไกลเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับเขาและดรุณี ที่อยู่ไกลแสนไกลและนับจากพรุ่งนี้ไป เขาและเธอก็จะยิ่งห่าง..ไกล..และไกลออกไปทุกที
       เช้าตรู่วันใหม่อาทิจเดินออกมายืดเส้นยืดสายหน้าบ้าน แล้วชายหนุ่มก็เหลือบเห็นเสื้อเชิ้ตยีนส์
       แขนยาวของตัวเองพับอย่างเรียบร้อยวางอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน อาทิจเดินมาหยิบขึ้นคลี่ดู ก็เห็นรูโหว่ได้รับการชุนแล้วอย่างประณีต ชายหนุ่มมองซ้ายขวาเผื่อจะเห็นคนที่เอาเสื้อมาให้ ดรุณีรีบหลบวืดเข้าข้างต้นไม้ใหญ่ ต๊อดเดินเมาขี้ตาตามออกมาเว้าอิสานกับนาย
       “ยังไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวเหรอนาย” ต๊อดเห็นเสื้อในมืออาทิจ “นายจะใส่เสื้อนี่ไปตักบาตรเหรอ โห เจ้าบ่าวใส่เสื้อยีนส์เท่ชะมัด”
       ดรุณีแอบมองอาทิจ
       “หือ หน้าบานเชียวนะ”
       “นายใส่เบื่อเมื่อไหร่ แล้วโยนทิ้งมาทางนี้นะ”
       ต๊อดพยักพเยิดหน้าเข้าหาตัวเอง
       “ไม่ได้ ไม่เบื่อ ตัวนี้ตัวโปรดเว้ย”
       “มิน่าถึงได้ใช้เป็นเสื้อส่งตัว อยากให้เจ้าสาวน้ำลายหกล่ะสิ อย่างนายใส่อะไร แม่นั่นก็เซิ้งใส่อยู่แล้ว ยิ่งถ้าไม่ใส่อะไรเลย รับรองโดนเซิ้งไปเอาสวิงครอบหัวไปแน่ ผัวคะ ผัวขา มาให้ศรีปล้ำซะดีๆ มามะ”
       ต๊อดเตรียมจะเข้าไปกอด อาทิจรำคาญตั้งการ์ดจะชก ต๊อดไหวตัวทัน รีบกระโดดลงมาจากระเบียง
       “อะไรก็ซ้อม อะไรก็ลงมือ ใช่ซี้ นายจะมีเมียแล้วนี่ จะมาสนใจใยดีอะไรไอ้ต๊อดล่ะ”
       อาทิจส่ายหน้าขี้เกียจต่อปากต่อคำรีบเดินเข้าบ้าน
       “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะสิ เชอะ”
       ดรุณีค้อนขวับใส่อาทิจทั้งๆที่ชายหนุ่มหายเข้าไปในบ้านแล้ว สักครู่หญิงสาวก็ฉุกคิด เขาจะไปไหนจะทำอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา ดรุณีรีบสะบัดหัว ไล่ความคิดเดิมออกไปก่อนจะเดินออกมา
      
       หน้าทองประศรีได้รับการแต่งเติมอย่างฉ่ำโบ๊ะโป๊ะแตก หญิงสาวหันมาหาญาติพี่น้องที่ยืนห้อมล้อม ทองประศรีแต่งชุดไทยเต็มยศแบบจัดเต็มไม่แพ้หน้า แต่กระเดียดไปทางพระมเหสีในละครเจ้า ผมเกล้ามวย แถมมีมงกุฎประดับพระเกศาอีกต่างหาก ทองประสานชื่นชม
       “สวยจังเลยพี่ศรี”
       ทองประสมยิ้มปลื้ม
       “สวยกว่าพระธิดาหอยขม ในเรื่องเจ็ดจ้าวสมุทรอีกนะเนี่ย”
       ตุ๊ยิ้มแย้ม
       “ราศีหลานสะใภ้คุณย่าจับจริงๆ คืนนี้โดนเจ้าบ่าวจัดเต็มแน่”
       ทองประศรีขวยเขิน
       “แหมพี่ตุ๊ พูดอะไรก็ไม่รู้ เขินเลยอะ”
       คำมาเข้ามายิ้มแย้มบอก
       “อย่าลืมเคล็ดลับที่แม่สอนให้นะ”
       สิงห์ทองเตือน
       “ก่อนร่ายมนต์ก็อย่าลืมขอที่ทางมันสักห้าไร่สิบไร่ก่อนล่ะ”
       บรรยงพูดทีเล่นทีจริง
       “ถ้า...วันไหนมันไม่ใยดี น้องศรีอย่าลืมนะว่า พี่ยงอยู่ตรงนี้เสมอ”
       ทองประศรีค้อน
       “คงต้องยืนซับน้ำลายตัวเองไปก่อนน่ะพี่ยง เพราะคุณอาทิจเขาคงไม่ปล่อยฉันให้ใคร และฉันก็ไม่อาจทิ้งเขาไป สงสารผู้ชายตาดำๆ ไม่อยากทำร้ายจิตใจน่ะ”
       บรรยงจ๋อย ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวยิ้มปลื้มใจ ยามนี้ แม้แต่ตดทองประศรี ทุกคนก็ว่าหอมฟุ้งจรุงใจ ตุ๊แทบอ้วกกับลีลาและวาจาที่ดูมั่นใจเกินคนธรรมดาของทองประศรี
      
       ย่าแดงรดน้ำต้นไม้ ดอกไม้ที่หน้าบ้าน ดรุณีเดินกลับเข้ามา พร้อมๆกับแก้วซึ่งเดินออกมาจากในตัวบ้าน ย่าแดงหันมาเห็น
       “พี่เขาตื่นรึยังล่ะแม่ณี”
       “ตื่นแล้วค่ะ ท่าทางตื่นเต้นดี๊ด๊ามากเลยค่ะคุณย่า หนูว่าไม่มีอะไรน่าห่วง”
       ย่าแดงพยักหน้ารับรู้
       “เขาอาจจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็ได้ ย่าภาวนาอย่างเดียวขอให้แม่ทองประศรีเขาเป็นคนดี อย่างน้อยก็ขอให้มีสามัญสำนึกมากกว่าพ่อแม่เขาก็แล้วกัน”
       “ขอน้อยไปรึเปล่าคะคุณย่า แก้วว่ามีอีกร้อยแปดพันเก้าร้อยอย่างเลยนะคะที่เราต้องขอให้แม่นี่ปรับปรุงน่ะค่ะ”
       “ขอแค่สามัญสำนึกอย่างเดียวล่ะแม่แก้ว คนเราลองถ้ามีสามัญสำนึกแล้ว จะคิดทำอะไรมันก็ออกมาถูกต้องดีงามทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีเอาซะเลย ก็ต้องถือเป็นกรรมเวรของคนที่อยู่ด้วย”
       ดรุณีหันไปถามแก้ว
       “แล้วน้าแก้วยังไม่ไปเตรียมตัวอีกเหรอคะ ไหนว่าเขาจะตักบาตรกันตอนแปดโมงไม่ใช่เหรอ”
       “น้าแก้วไม่ไปหรอกค่ะ บอกตามตรงยังทำใจไม่ได้ ก็น้าแก้วรู้นี่คะว่า ผู้หญิงบ้านนั้นกำพืดเป็นยังไง”
       “โธ่แล้วมาบอกให้หนูเตรียมชุด ตัวเองก็ไม่ไปเหมือนกัน”
       แก้วหันไปชวนย่าแดง
       “ไปค่ะคุณย่า แก้วเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวต้องออกไปธุระกันไม่ใช่หรือคะ”
       ย่าแดงพยักหน้าให้แก้ว ดรุณีวิ่งไปปิดน้ำให้ แล้วทั้งหมดก็พากันเดินเข้าบ้านไป
      
       สิงห์ทองและคำมารับไหว้ชาวบ้านที่เริ่มทยอยมาร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม ภายในร้านได้รับการตกแต่งด้วยกระดาษสายรุ้งและลูกโป่งสารพัดสี ระโยงระยางย้วยไปทั้งร้าน ชาวบ้านคนหนึ่งมองทองประศรีอย่างชื่นชม
       “โอ้โหวันนี้แม่ทองประศรีสวยจริงๆ อยากเห็นหน้าเจ้าบ่าวเร็วๆซะแล้วสิ อยากรู้ว่าจะหล่อสมกันรึเปล่า”
       คำมายิ้มร่าตอบ
       “หล่อสิจ้ะ ทั้งหล่อทั้งรวยเลยล่ะจ้ะ”
       ตุ๊สอดขึ้น
       “ถ้าไม่หล่อไม่รวย น้องศรีคงไม่จับทำผะ เอ๊ย ไม่แต่งงานด้วยหรอกจ้ะ”
       สิงห์ทองวางท่าคุยโอ่
       “เชิญ ทุกคนเชิญ...เชิญ เดี๋ยวขบวนเขาก็มาก็จะได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวกันทุกคนล่ะนะ”
       สิงห์ทอง คำมาช่วยกันรับซองและต้อนแขกเข้าบ้าน
      
       ย่าแดงแต่งตัวเตรียมออกจากบ้านพร้อมกับดรุณี อาทิจใส่เสื้อยีนส์ตัวโปรด เดินเข้ามาในบ้าน แก้วชื่นชม
       “หล่อจังเลยค่ะคุณอาทิจ แต่จะหล่อกว่านี้ถ้าเจ้าสาวมันงามสมกัน”
       ดรุณีขัดขึ้น
       “แล้วเขาไม่งามตรงไหนล่ะน้าแก้ว เขาก็น่ารักออก”
       “ถึงจะน่ารักยังไง แต่ถ้ากิริยาไม่งาม มันก็ดูไม่งามไปถึงหน้าตาด้วยล่ะค่ะ”
       ย่าแดงหันไปบอกอาทิจ
       “ย่าไปร่วมงานด้วยไม่ได้นะพ่อ พอดีทางชมรมเกษตรของอำเภอเขามีจดหมายมาเชิญย่าให้ไปร่วมสัมมนากับเขาน่ะ”
       “น้าแก้วก็ เอ่อ ต้องเตรียมกับข้าวให้คนงานน่ะค่ะ”
       “แม่ณีเขาจะติดรถย่าไปซื้อหนังสือในเมือง แต่จะให้บุญส่งพากลับมาก่อน อาจจะไปช่วยงานพ่อช่วงเย็นได้”
       ดรุณีรีบแย้งทันที
       “แต่หนู...”
       อาทิจแทรกขึ้นอย่างเข้าใจ
       “ตามสบายเถอะครับ ผมทราบว่าทุกคนมีธุระสำคัญที่ต้องทำ ผมมานี่ก็เพื่อจะขอกุญแจรถกระบะไปซื้อของตามที่เรียนคุณย่าไว้น่ะครับ”
       “เออ จริงสิ งั้นก็เอารถไปงานด้วยซะเลย นี่มันก็สายมากแล้ว เดี๋ยวทางนั้นเขาจะรอ ไปแม่แก้วไปหยิบกุญแจรถมาที”
       อาทิจหันมาสบตาดรุณีโดยบังเอิญ
       “ขอบคุณนะครับที่ชุนเสื้อให้ผม เรียบร้อยมากครับ”
       ดรุณีหลบตา
       “คุณย่าสั่งให้ทำอะไร ก็ต้องทำอย่างเรียบร้อย ไม่งั้นก็โดนดุแย่สิ”
       อาทิจรู้สึกได้ว่าดรุณีต้องการย้ำว่าเธอทำทุกอย่างเพราะคุณย่าจริงๆ ย่าแดงแอบเหล่หลานสาว แล้วได้แต่ส่ายหน้า
      
       ย่าแดงเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมอาทิจ ดรุณี แก้ว ต๊อด อึ่ง พันนำขบวนขันหมากที่อุตส่าห์เกณฑ์เพื่อนๆแบกกล้วย แบกอ้อยมาเซอร์ไพร์สอาทิจ ทั้งคณะ ช่วยกันร้อง ช่วยกันเซิ้ง ช่วยกันโห่ ช่วยกันฮิ้วเข้ามาอย่างสนุกสนาน ต๊อดตะโกนแซว
       “ใครรู้ตัวว่าเป็นเจ้าบ่าว ขอเชิญมายืนข้างหน้าเลยคร้าบ ได้เวลาฤกษ์งามยามดี ไปทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกับเจ้าสาวสุดเซ็กซี่แล้วคร้าบนาย”
       “ไปเถอะพ่อ” ย่าแดงแตะแขนอาทิจ “ย่าขออวยพรให้ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ของพ่อในวันนี้เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วย พลังแรงใจ ขอให้พ่อเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าก้าวแรกของพ่อมั่นคงแข็งแกร่ง ก้าวต่อไปก็จะแข็งแกร่งและมั่นคงตามกัน นะพ่อนะ”
       อาทิจก้มลงกราบเท้า ย่าแดงโอบกอดหลานชายไว้ด้วยความรักและสงสาร
       “ผมขอน้อมรับคำอวยพรของคุณย่าไว้เป็นมงคลกับชีวิตและการทำงานของผม ขอบพระคุณมากนะครับ ที่ให้โอกาสผมในการเริ่มต้นชีวิตใหม่”
       ลุงเกร็งวิ่งประหืดกระหอบเข้ามา
       “มาทันเวลาพอดี ไปกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ยครับคุณอาทิจ”
       อึ่งต่อว่าทันที
       “โห ยังจะมีหน้ามาถามอีกน้าเกร็ง ป่านนี้เจ้าสาวชะเง้อคอยาวเป็นคอห่านแล้ว”
       “ไม่ใช่แค่ห่านตัวเดียวด้วยเว้ย ต้องเอาห่านเป็นสิบตัวมาเย็บคอต่อกันด้วย”
       พันถอนใจ
       “พูดเป็นปริศนาธรรมอีกแล้ว จะบอกว่ายายทองโตต้องรอเก้อก็พูดมาตรงๆสิ”
       ลุงเกร็งพยักหน้า
       “เออ”
       ไพฑูรย์กับสามเกลอตกใจ
       “เฮ้ย”
       พันยิ้มแหยๆ
       “ฉันพูดเล่นนะน้าเกร็ง”
       “แต่ฉันพูดจริง ฉันมีธุระ”
       ไพฑูรย์ชะงัก
       “แต่ว่า แล้ว...เจ้าสาว...ยังไง...”
       “ผมต้องไปซื้อของมาเตรียมปลูกผักปลูกข้าวโพด ไม่มีเวลาไปร่วมงานหรอกครับ อีกอย่างผมก็ไม่เคยพูดว่าผมจะไปร่วมงาน เขาอยากแต่ง ผมก็จ่ายเงินตามที่ตกลงกันให้แล้ว มันก็หมดหน้าที่ของผม ไป...ลุงเกร็ง เดี๋ยวจะสาย” อาทิจยกมือไหว้ย่าแดง “ผมไปนะครับคุณย่า”
       ย่าแดงพยักหน้าอึ้งไปเหมือนกัน ในขณะที่แก้วก็ยืนเอ๋อ แต่ก็แอบสะใจอยู่ลึกๆ ขบวนขันหมากไม่ต้องพูดถึง เอ๋ออ้าปากหวอกันถ้วนหน้า ดรุณีเองก็เอ๋อ...แต่แอบค่อนอาทิจในใจอมอะไรอยู่ย่ะ ทำไมไม่พูดให้จะจะซะตั้งแต่แรก ปล่อยให้เข้าใจผิดกันอยู่ได้
      
       ชาวบ้านเริ่มนินทา และพากันกระสับกระส่าย ในขณะที่ทองประศรีและครอบครัวยืนร้อนใจ ชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาถาม
       “ยังไงล่ะตาสิงห์ทอง ขบวนเจ้าบ่าวยังไม่มาอีกรึไง นี่มันเลยเวลามาร่วมชั่วโมงแล้วนา”
       สิงห์ทองแสยะยิ้ม
       “ใจเย็นๆจ้า แขกมาร่วมงานเขาเยอะ ขบวนคงจะยาวเป็นโยชน์ หรือไม่ก็อาจจะรอๆกันอยู่น่ะ เป็นเจ้าเป็นนายคนก็ต้องแต่งตัวช้าเป็นธรรมดา” สิงห์ทองหันมาทำหน้าหงิกใส่พวกเดียวกันเอง “ทำไมมันยังไม่มาอีกวะ หรือมันจะเบี้ยว”
       บรรยงออกความเห็น
       “คงไม่กล้าเบี้ยวหรอกน้าสิงห์ เรามีหลักฐานมัดแน่นขนาดนั้นจะกล้าเบี้ยวได้ยังไง”
       คำมาหันไปสั่งลูกสาว
       “นังสานนังสมไปช่วยกันโทรตามมันซิ”
       ทองประสานส่ายหน้า
       “ฉันจะรู้มั้ยแม่ว่าเขาเบอร์อะไร”
       ตุ๊แจ๋เข้ามา
       “คุณอาทิจมีโทรศัพท์ใช้ที่ไหน เดี๋ยวฉันโทรหาพี่ฑูรเอง อาจจะติดขัดอะไรอยู่ก็ได้”
       ทองประศรีหงุดหงิด
       “มันจะติดขัดอะไรล่ะพี่ตุ๊ รถราก็ไม่ได้ติดแบบในกรุงเทพซะเมื่อไหร่”
       “รถไม่ติด แต่เจ้าบ่าวอาจจะเครียด เอ๊ย ตื่นเต้นจนขี้แตกอยู่ก็ได้ ใจเย็นๆน่า เป็น
       เจ้าสาวต้องยิ้มเข้าไว้”
       “ฉันแหกยิ้มตั้งแต่เช้า จนเหงือกร่นน้ำลายแห้งหมดแล้ว เจ้าบ่าวก็ยังไม่มา”
       สิ้นเสียงตัดพ้อของทองประศรี เสียงโห่ฮิ้วก็ดังกระหึ่มขึ้น ตามด้วยขบวนกล้วยอ้อยของคนงาน ทองประสมดีใจ
       “นั่นไง มากันแล้ว”
       ไพฑูรย์ ต๊อด อึ่ง พัน ช่วยกันเซิ้งส่ายนำขบวนใกล้เข้ามา สิงห์ทองประกาศลั่น
       “นั่นไง ขบวนขันหมากเจ้าบ่าวมาแล้ว ทุกคนหันไปดูกันเร้ว”
       ตุ๊แดงดันเบาๆ
       “ขบวนสั้นแค่หางอึ่ง ดีใจซะยังกะยาวเป็นหางว่าว...เว่อร์”
       ทองประศรีหน้าบานเป็นทานตะวัน
      
       แก้วกำลังจะออกไปที่โรงอาหารของคนงาน เวทางค์ขับรถสปอร์ตหรูพุ่งปร๊าดเข้ามาจอด แล้วรีบลงจากรถมาพร้อมวิยะดา ทั้งคู่อยู่ในชุดหรูหรากรุยกราย ราวกับมางานเต้นรำ
       “น้องณีล่ะแก้ว”
       “ไปแล้วค่ะ”
       เวทางค์หันมาโทษน้อง
       “เห็นมั้ย เป็นเพราะเราเลยยายวิ ไม่รู้จะตะบี้ตะบันปัดอะไรนักหนากับไอ้มาสคาร่านั่นน่ะ ปัดอยู่ได้เป็นชั่วโมง”
       “แล้วพี่เวล่ะ มัวแต่เลือกน้ำหอมเลือกสูทเลือกไทอยู่นั่นแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลับไปใส่ตัวแรกที่เลือกไว้อยู่ดี” วิยดาหันไปถามแก้ว “แล้วพี่อาทิจล่ะ ยังอยู่รึเปล่า”
       “ไปแล้วค่ะ”
       “จะมัวมาถามทำไม นายนั่นก็ต้องออกไปพร้อมกับน้องณีนั่นแหละ”
       แก้วพยักหน้า
       “ค่ะ ออกไปไล่ๆกันน่ะค่ะ”
       วิยะดาหันไปหาพี่ชาย
       “แล้วจะเอายังไง จะตามไปรึเปล่า แต่วิไปนะ อุตส่าห์ตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ตีสี่ยังไงก็ต้องไปให้พี่อาทิจมองตาค้าง ให้ยายเจ้าสาวนั่นอิจฉาตาร้อนให้ได้”
       “พี่ก็เหมือนกัน หล่อฉุดไม่อยู่ขนาดนี้ จะไม่ไปโชว์ได้ยังไง เดี๋ยวเถอะ...จะทำให้ทุกคนมองพี่เป็นตาเดียวเลย คอยดู” เวทางค์หันไปถามแก้ว “บ้านพวกนั้นอยู่ไหนหา...แก้ว”
       แก้วตอบไปตามที่ถาม อะไรที่ไม่ได้ถามก็ไม่ได้ตอบ...
       กลุ่มแขกที่มาร่วมงานพากันชะแง้มองขบวนขันหมากที่แห่เข้ามาในบ้าน
       “ไหน...คนไหนเจ้าบ่าว”
       สิงห์ทองหน้าเสียแต่ก็ยังฝืนยิ้ม
       “ขอเชิญทุกคนออกไปรอที่เต้นท์ด้านนอกก่อนนะ ขอหาเจ้าบ่าว เอ๊ย...เดี๋ยวเจ้าบ่าวมา แล้วจะได้ร่วมกันตักบาตรเลย”
       ทองประสานกับทองประสมช่วยกันต้อนทุกคนออกไป ในขณะที่สิงห์ทองกับคำมา ปราดเข้ามาหาต๊อด
       “ไอ้หลานคุณย่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”
       “ติดธุระ มาไม่ได้ มาได้แต่ขบวนแห่”
       คำมาโวยวาย
       “หักหลังกันชัดๆ ข้าไม่ยอมนะเว้ย!”
       อึ่งไม่สน
       “ไม่ยอมแล้วจะเอายังไง ถ้าไล่ก็จะกลับเดี๋ยวนี้เลย ไป...พวกเรา”
       ต๊อด อึ่ง พัน ทำท่าจะยกขบวนกลับ สิงห์ทองรีบดักหน้า
       “ทำอย่างนี้ข้าก็ขายหน้าสิวะ”
       พันทำไม่รู้ไม่ชี้
       “อ้าว...แล้วจะให้ทำยังไง”
       บรรยงเข้าข้างตัวเองทันที
       “ต้องขายผ้าเอาหน้ารอด หาใครขึ้นมาเป็นเจ้าบ่าวแทนก่อน”
       ต๊อดหน้าเริ่ดขึ้นมาทันทีเช่นกัน
       “ต๊อดก็ได้”
       อึ่งเสียงหวาน
       “อึ่งก็พร้อม”
       พันยิ้มหวาน
       “พันโอเคเลย”
       ทองประศรีเข้ามาโวย
       “ชาวบ้านที่นี่เขารู้จักพวกแกจนรู้ไส้รู้พุ่งกันหมดแล้ว ใครเขาจะเชื่อ”
       ตุ๊เห็นด้วย
       “ถูก...ต้องหาคนที่ดูเป็นผู้ดี มีระดับ มีชาติตระกูล พี่ฑูรเป็นไง”
       ทองประศรีคิดๆ
       “ดีกว่าไอ้ สามตัวนี่จี๊ดเดียว แต่โทรมแล้วก็แก่กว่ามันเยอะ”
       ไพฑูรย์ค้อน
       “เออ...คำก็โทรม สองคำก็แก่ แล้วแม่ทองโตจะเอาใครห๊า...ก็มันมีให้เลือกอยู่แค่นี้”
       บรรยงรีบขัดขึ้น
       “ลืมใครไปคนรึเปล่า”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th   

อ่านละคร ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 7 วันที่ 5 ก.ค. 55

อ่านละคร ธรณีนี่นี้ใครครอง 2012 ตอนที่ 6 วันที่ 4 ก.ค. 55

 

Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ