อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 6 วันที่ 12 พ.ค. 55

{[['']]}
อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 6 วันที่ 12 พ.ค. 55
สองคู่รู้ว่าเสมาแช่งตน แต่ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ดวงแขริษยาเรไรจับใจ เผลอกำผ้านุ่งของตัวเองแน่น
“ผู้คนออกมาก ยังกล้าปดอีกรึ ฉันรู้แต่อยู่ในวังว่าแหวนนี้สมเด็จเจ้าฟ้าวังหน้าท่านพระราชทานเป็นบำเหน็จ ศึกให้ออกขุนใหม่ทั้งแปดดอก” เรไรกระซิบกลับ“ปัญญาแม่หญิงเลิศนัก ที่ข้าพระเจ้าทำดังนี้ เหตุเพราะพระคุณท่านบอกว่าแม่หญิงหมั้นแล้ว แต่เสมายังไม่เคยเห็นของหมั้น จึงถือเอาแหวนนี้แทนของหมั้นระหว่างเสมากับแม่หญิงเสีย” เสมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ขุนศึกไชยชาญ ให้พรพอแล้วกระมัง” พันอินแสร้งเปรยด้วยเห็นทุกคนหันไปมองเสมากับเรไรที่กระซิบกระซาบกันอยู่อย่างระแวง

ครั้นเสร็จพิธี เสมาก็ขึ้นคานหามกลับออกไปพร้อมเหล่าทหาร แต่ไม่ทันถึงที่หมาย เขาก็ขอลงกลางทางอ้างว่าจะไปวัดพุทไธสวรรย์ต่อ เหล่าทหารหามคานหามจากไป เสมา สิน และสมบุญรอจนทหารลับตาแล้ว จึงพากันหัวเราะออกมา ด้วยสะใจที่ได้แก้แค้นขันกับพุฒให้คุกเข่าไหว้พวกตนได้ สมบุญสงสัยเอ่ยถามลูกพี่ว่า รู้ได้อย่างไรเรื่องออกญาเดโชจักต้องอัญเชิญรับสั่งแลราชบำเหน็จมาให้ท่านขุนรามเดชะ

“ออกญาเดโชบอกข้าเอง ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าวังหน้าท่านประทานแหวนนพเก้าให้เป็นบำเหน็จศึกละแวก พอข้ารู้จากเอ็งว่าบ้านท่านขุนจะมีงานบุญ ข้าก็ได้คิดว่า ออกญาท่านคงถือฤกษ์งานบุญอัญเชิญรับสั่งเป็นแน่ ข้าจึงอาสามาแทน”

“จึงได้หักหน้าอ้ายขัน อ้ายพุฒ สมน้ำมะหน้ามันนัก แต่เสียดายแหวนที่พี่ให้แม่หญิงเรไรนัก ดูท่าจะมีค่าไม่น้อย หากขายคงพอไถ่แม่จำเรียงเป็นแน่” สมบุญนึกเสียดาย

“ขายได้อย่างไร สมเด็จเจ้าฟ้าท่านพระราชทานมา วันที่ข้าได้เป็นขุนศึกไชยชาญ ขืนเอาไปขาย คงต้องโทษเป็นแน่ แลข้าตั้งใจไว้ มิว่าศักดิ์หรือสมบัติใด ข้าจะให้แก่แม่หญิงทั้งสิ้น แหวนวงนี้ก็ควรแล้วที่จะเป็นของแม่หญิงเรไร ผู้เป็นมงคลแห่งข้า” เสมายิ้มปลาบปลื้มชื่นใจ


ooooooo

สิ้นแสงตะวันแล้ว ดวงแขยังนั่งเครียดคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ด้วยความริษยาเรไรอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พุฒเดินกวนๆเข้ามาหาเย้ยด้วยรู้ดีว่า ดวงแขคิดเช่นไรกับเสมา แม่สาวชาววังไม่พอใจที่โดนจี้ใจดำจึงตอกกลับ จนพุฒโกรธดึงเธอเข้ามาปล้ำกอดจูบ หญิงสาว

กรีดร้อง พยายามดิ้นสุดฤทธิ์แต่สู้แรงพุฒไม่ได้

“แม่หญิงดวงแขเจ้าคะ แม่นายเรียกแม่หญิงไปพบเจ้าค่ะ” จำเรียงวิ่งเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้า

พุฒหันไปเห็นจำเรียงก็ไม่พอใจ ดวงแขได้โอกาสรีบผลักพุฒออก แล้วรีบเดินเลี่ยงไปทันที พุฒจะตามแต่จำเรียงรีบลุกขึ้นขวางไว้ขู่จะฟ้องแม่นาย ทำให้พุฒไม่พอใจคิดแผนเล่นงานจำเรียงที่มาขัดจังหวะ

เวลาต่อมา พุฒเข้าไปยุแหย่ให้ขันเอาจำเรียงมาเป็นเมียทาส เพื่อเอาคืนเสมาบ้าง ขันคล้อยตาม เขาพาลูกน้องไปจับตัวจำเรียงที่กำลังช่วยเอื้อยแตงขายมีดพร้าให้กับพวกทาสในครัว

“กระไรกันท่านหมื่น ฉันทำผิดกระไรถึงให้คนมาจับตัวฉันเช่นนี้” จำเรียงตกใจ

“เอ็งมันสันหลังยาว งานการไม่ยอมทำ ข้าจึงจะลงโทษเอ็งให้หลาบจำ เอามันไปตีตรวนแล้วขังไว้ประเดี๋ยวนี้” ขาดคำพวกทาสก็พาตัวจำเรียงออกไปทันที

จำเรียงหวาดกลัว เรียกให้เอื้อยแตงช่วย เอื้อยแตงวิ่งเข้ามาแต่ก็โดนพุฒผลักล้มลงไป

“พวกแกมันใจโหดแท้ รังแกกระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้” เอื้อยแตงร้องด่าแล้วรีบลุกไปตามหาดวงแขมาช่วย

ทาสชายพาจำเรียงมาที่เรือนกักขัง แล้วจับตีตรวน ขันเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมเป็นเมียทาสของเขา เพื่อแลกกับอิสรภาพ แต่จำเรียงรู้เช่นเห็นชาติผู้ชายอย่างขันแล้วจึงด่ากลับ

“ท่านหมื่นเก็บคำของท่านไว้หลอกเด็กเถิด ชีวิตฉันมีผิดเพียงเรื่องเดียว คือมีใจให้ชายอสัตย์น้ำใจชั่วเยี่ยงท่านหมื่น ฉันจึงต้องได้ทุกข์เช่นทุกวันนี้”

“ปากดีนักนะอีจำเรียง ไม่ผิดพี่มึงแม้แต่น้อย แล้วกูจักคอยดูว่ามึงจะยอมเป็นเมียกู หรือจะยอมโดนล่ามไปจนตาย” ขันเดินหงุดหงิดออกไป

“สุขสบายดีหรือไม่เล่านังจำเรียง นี่แหละคือ ค่าที่เอ็งเหิมเกริมกล้าขัดข้า อยากให้อ้ายเสมามันได้มาเห็นน้องมัน เทียวนัก” พุฒเข้ามาหัวเราะเยาะจำเรียงแล้วรีบตามขันไป

เมื่อถึงหน้าเรือน พุฒเห็นดวงแขเข้ามาขอร้องขันให้ปล่อยจำเรียง โดยมีเอื้อยแตงเป็นลูกคู่ แต่ขันไม่ใจอ่อนรีบเดินหนี เอื้อยแตงร้อนใจเร่งให้ดวงแขหาทางช่วยจำเรียง

“หยุดวุ่นวายเสียทีเถิดแม่เอื้อยแตง ฉันรู้น้ำใจ

พี่ชายฉันดีว่า ควรจักต้องทำเช่นไร ฉันชักคล้อยตามหมื่นทรงเสียแล้ว เรือนนี้ก็ไม่ใช่เรือนของแม่เอื้อยแตง จำเรียงก็ไม่ใช่ญาติแม่ แล้วเหตุใดแม่เอื้อยแตงจึงวุ่นวายไม่เลิกราเช่นนี้” ดวงแขสะบัดหน้า เดินฉับๆจากไปอีกคน ทิ้งให้เอื้อยแตงมองด้วยความเจ็บใจและยิ่งระแวงดวงแขมากขึ้น

ooooooo

เอื้อยแตงรีบแจ้งข่าวกับพวกเสมาที่วัดพุทไธสวรรย์ ด้วยเกรงว่าถ้าดวงแขไม่ช่วยจำเรียง แม่สาวน้อยก็คงไม่พ้นมือขันเป็นแน่ สมบุญร้อนใจชวนเสมาบุกไปช่วยจำเรียงทันที ขณะที่สินร้องห้ามเสียงหลง

เสมานิ่งคิดก่อนจะชวนเอื้อยแตงไปที่บ้านพันอินเพื่อขอร้องให้ท่านช่วยออกหน้าเจรจากับขันให้ แต่พันอินยังเคืองเสมาเรื่องศรีเมืองอยู่จึงไม่ยอมช่วยเหลือ เสมาหมดหนทางตัดสินใจพาสมบุญบุกเข้าบ้านขันเพื่อชิงตัวจำเรียงในยามดึก ขณะที่ขันกับพุฒก็เตรียมรับมือเต็มที่ เพราะการบุกเรือนผู้อื่นเพื่อปล้นทาสออกมาผิดอาญาบ้านเมือง

กลางดึกคืนนั้นขันกับพุฒนั่งดื่มฉลองกันอยู่

หน้าเรือนกักขังด้วยมั่นใจว่าเสมาต้องมาช่วยน้องสาวแน่ ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงทาสร้องตะโกนว่าไฟไหม้ให้ช่วยกันดับไฟ

ขันตกใจสั่งให้ลูกน้องไปช่วยพวกทาส แต่พุฒห้ามไว้เพราะจำได้ว่าเสมาเคยใช้อุบายนี้มาแล้ว ขันหยุดคิดตามแล้วเออออด้วย

“ท่านไม่ต้องกังวลไปดอก ฉันย้ายนังจำเรียงขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว เพราะเมื่อเพลากลางวันฉันจงใจให้นังเอื้อยแตงเห็นว่าเราขังนังจำเรียงไว้ที่นี่ ก็เพื่อหลอกอ้ายเสมา หากมันมาช่วยน้องมันที่นี่ ต่อให้มีปีกบินเฉกนก มันก็ยากจะรอดกลับไปเป็นแน่” พุฒยิ้มร้ายมั่นใจในแผนการ

“งั้น พวกเอ็งรีบเก็บกวาด อย่าให้เป็นพิรุธแล้วซุ่มกำลังไว้ หากอ้ายเสมามาเมื่อใด จงรีบรุมล้อมจัดการมันเสีย” ขันสั่งลูกน้องแล้วหันมายิ้มกับพุฒอย่างรู้กัน

แต่สองเกลอต้องรอเก้อ ด้วยเสมารู้ทันแผนการจึงให้สินดูต้นทางอยู่หน้าเรือนใหญ่ แล้วพาสมบุญแอบเข้าไปในเรือนเพื่อช่วยกันตามหาจำเรียงในห้องต่างๆ

เสมาตามหาจำเรียงมาจนถึงห้องดวงแข แต่เพราะความมืดทำให้เข้าใจผิดคิดว่าหญิงที่นอนอยู่ในห้องเป็นน้องจึงเข้าไปปลุก

ดวงแขสะดุ้งตื่น เมื่อเห็นเสมาอยู่ในห้องก็ตกใจ ส่วนเสมาหน้าเครียดเพราะดันเข้าห้องน้องสาวของศัตรู

“ขุนศึกท่านมาหาจำเรียงรึ จำเรียงอยู่ที่เรือนขังทาส มิได้อยู่ที่เรือนใหญ่ดอก” ดวงแขเอ่ยขึ้นก่อน

“เรือนขังทาส เช่นนี้แล้ว ยังคิดจะลวงข้าพระเจ้าไปให้พี่ชายของแม่หญิงฆ่าอีกรึ เห็นทีที่เอื้อยแตงกล่าวว่าแม่หญิงรู้เห็นด้วยอ้ายขัน คงไม่ผิดกระมัง เสียแรงที่ฉันไว้ใจ”

“ออกขุนท่านเชื่อคำนังแม่ค้าขายเหล็กก็ตามแต่ใจเถิด แต่รีบลงไปให้พ้นเรือนฉันเสีย ฉันไม่ต้องการสนทนาด้วยออกขุนอีก”

“ไล่ให้พ้นเรือน เพื่อให้ฉันไปตายด้วยน้ำมือพี่ชายแม่หญิงกระนั้นรึ คนอย่างอ้ายเสมาไม่ยอมให้ถูกรังแกฝ่ายเดียวดอก หากฉันต้องเสียน้องสาว อ้ายขันก็ต้องเสียน้องสาวด้วยเช่นกัน”

“พาลหนักแล้วออกขุน ปล่อยมือฉันประเดี๋ยวนี้” ดวงแขจะตะโกนเรียกให้คนช่วย

เสมาโมโหดึงดวงแขเข้ามากอดจูบ ดวงแขตกใจจนน้ำตาร่วง เสมาได้สัมผัสกับหยดน้ำตาที่อาบแก้มของเธอก็ได้สติ ค่อยๆดึงตัวออกมา

“ออกขุนมิได้รักฉัน แล้วเหตุใดจึงทำกันเช่นนี้ นับแต่เกิดมา มิเคยเลยที่จักมีผู้ใดข่มเหงใจฉันถึงเพียงนี้” ดวงแขน้ำตานองหน้า ทำให้เสมายิ่งรู้สึกผิดที่ความโกรธชั่วขณะของตนทำให้เธอต้องด่างพร้อย

เวลาเดียวกัน สมบุญแอบเข้าไปในห้องของขัน และพบจำเรียงนั่งร้องไห้อยู่ เขาเข้าไปปลอบใจเธอแล้วช่วยง้างตรวนออกให้ แต่จังหวะที่ตรวนหลุดออก สมบุญเสียหลักถลาไปทางจำเรียง ทำให้แก้มแนบแก้มกันโดยบังเอิญ

จำเรียงเขินอายถอยกายออกห่าง พลางชวนสมบุญให้รีบหนีไป แต่สมบุญเสียดายโอกาสแกล้งดึงจำเรียงมากอดไว้ แล้วหลอกว่าได้ยินเสียงคนเดินมาให้รอสักครู่ก่อน จำเรียงหลงกลยอมหยุดนิ่ง สมบุญแอบอมยิ้มมีความสุข

ooooooo

ขันกับพุฒซุ่มรออยู่นานไม่เห็นเสมากับพวกจะบุกมาเสียที จึงชักชวนกันกลับขึ้นเรือนเพื่อเข้าหอกับจำเรียง สินที่ดูต้นทางอยู่เห็นขันกับพุฒ เดินเข้ามาก็รีบส่งสัญญาณเป็นเสียงไก่ขัน

ด้านเสมา เขาเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าดวงแข เพื่อขอให้เธออภัยในสิ่งที่ทำลงไป แต่ดวงแขยังนิ่งไม่ยอมพูดจา ครั้นได้ยินเสียงไก่ขันของสิน เธอเร่งให้เสมาหนีไป แต่ขุนศึกยืนยันว่า ถ้าเธอไม่ยอมอภัยก็จะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น

“ยังจะพูดเช่นนี้อีกรึ หากพี่ขันกลับมาคงไม่แคล้วต้องต่อสู้กันอีกแน่ แลออกขุนมีผิดด้วยบุกถึงเรือน แม้เอาตัวรอดจากพี่ขันไปได้ก็ไม่พ้นอาญาบ้านเมืองดอก”

“เสมาไม่คิดจะหลบไปที่ใดแล้ว ด้วยผิดที่ล่วงเกินแม่หญิงนั้น หนักกว่าอาญาบ้านเมืองนัก ไม่ว่าจะไปที่ใด ใจข้าพระเจ้าก็ย่อมเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รับคำอภัยจากแม่หญิงอยู่ดี”

“เหตุใดจึงดื้อรั้นเพียงนี้ อภัยหรือไม่ ค่อยว่ากัน วันหลังเถิด ไปได้แล้ว” ดวงแขไล่ แต่เสมายังไม่ยอมลุกขึ้น สาวเจ้าอ่อนใจจำต้องเอ่ย “ขุนศึกไชยชาญฉันให้อภัยแล้ว รีบไปเสียทีเถิด”

“ขอบน้ำใจแม่หญิงนัก ข้าพระเจ้าขอให้คำมั่น ว่าจะไม่กระทำเช่นนี้อีก หากผิดคำขอให้ตายกลางศึกสงครามเถิด” เสมาดีใจ รีบปีนหนีหน้าต่างแล้วกระโดดหนีไปทันที

ดวงแขมองตาม ทั้งรักทั้งแค้นเสมาอย่างบอกไม่ถูก

ฝ่ายสมบุญที่กำลังเคลิ้มได้ยินเสียงไก่ขันของสินก็สะดุ้งเฮือกจะพาจำเรียงหนี แต่เมื่อแง้มประตูออกมาก็เห็นขันกำลังเดินตรงมา จึงพาจำเรียงปีนหน้าต่างหนีออกไปแทน ขันเปิดห้องทันเห็นสมบุญโดดหน้าต่างพอดี เขาจึงเรียกให้ลูกน้องช่วยกันจับตัว แต่ก็ไม่ทันอีกตามเคย

ooooooo

เช้าวันใหม่ ขันกับพุฒพาตำรวจหลายคน พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามาล้อมเรือนเสมาไว้ เพื่อจะเอาตัวจำเรียงกลับไป เสมา มั่น และบุญเรือนออกมาแจ้งกับตำรวจว่า จำเรียงไม่ได้อยู่บ้าน และยอมให้ตำรวจเข้าค้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ขันและพุฒหน้าแตกเพราะตำรวจไม่พบตัวจำเรียงในบ้าน เสมาส่งยิ้มเยาะสั่งให้ทั้งสองกลับเรือนไปเตรียมพิธีขอขมาตนเพื่อจะได้ไม่เอาความ สองเกลอโมโหมากชักชวนกันกลับ เสมาหน้าเครียดรู้ดีว่าขันและพุฒกัดไม่ปล่อยแน่

ด้านจำเรียง เธอมาหลบอยู่ที่บ้านเอื้อยแตง ขณะที่แม่สาวน้อยช่วยทำความสะอาดเรือนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเอื้อยแตงวางแผนอยู่กับสินและสมบุญว่า ในตอนกลางวันจะให้จำเรียงหลบอยู่แต่ในบ้าน จะออกไปที่ใดก็ให้คลุมหน้าเสีย และให้ทั้งสองช่วยปล่อยข่าวว่าจำเรียงหนีไปหัวเมืองแล้ว เพราะขันกับพุฒคงคิดไม่ถึงว่าจำเรียงหลบอยู่บ้านเธอ

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 6 วันที่ 12 พ.ค. 55
ละคร ขุนศึก บทประพันธ์โดย :ไม้เมืองเดิม/สุมทุม บุญเกื้อ
ละคร ขุนศึก กำกับการแสดงโดย: อดุลย์ บุญบุตร
ละคร ขุนศึก บทโทรทัศน์ละครโดย: เอกลิขิต
ละคร ขุนศึก ผลิตโดย: บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด
ละคร ขุนศึก แนวละคร : ดราม่า - อิงประวัติศาสตร์
ละคร ขุนศึก ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ -อังคาร เวลา 20.30 ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ