อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 29 เม.ย. 55

{[['']]}
อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 29 เม.ย. 55
สินยืนอยู่ข้างๆกระเซ้าคารมเสมาว่า เจ้าชู้ใช่ย่อยที่ตั้งชื่อแหวนว่าปากโมกน้อย เพราะมาทำศึกที่ปากโมก สมบุญส่งยิ้มกวนๆคุยว่า หากเสมาไม่เจ้าชู้ก็คงมิต้องหนีมาจนตนต้องเอาแหวนมาให้กลางศึกเช่นนี้ดอก
เสมาหน้าบึ้งตึงที่โดนกล่าวหา แต่สมบุญกับสินหาหยุดปากไม่ ทั้งสองรวมหัวกันล้อเรื่องแม่หญิงเรไร จนเสมาโกรธจะเอาดาบเฉือนปากทั้งคู่“เอ็งสองคนเพิ่งปะหน้ากัน แต่เข้ากันเป็นปี่

เป็นขลุ่ยดีแท้ ไป ไปให้พ้นหน้าข้าประเดี๋ยวนี้ ข้าอยากหลับสักงีบแล้ว” เสมาไล่

สินและสมบุญรู้ทันเดินคุยกันไปอย่างถูกคอ ปล่อยให้เสมามองแหวนของเรไร แล้วก็ยิ้มอย่างสุขใจ

ooooooo

ในตอนค่ำ จำเรียงเดินออกมาส่งเรไรที่หน้าเรือน ด้วยเรไรรู้ข่าวบุญเรือนล้มป่วยจึงแวะมาเยี่ยม แม่จำเรียงปรับทุกข์กับนายหญิงเรื่องขัน ว่ายังไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง เรไรรู้ว่าขันคงไม่จริงใจกับจำเรียงเป็นแน่ จึงแนะให้ตัดใจ แต่จำเรียงแย้งว่า ขันยังห่วงใยตนอยู่ เพราะเมื่อรู้ว่าบุญเรือนป่วยก็ให้ยืมเบี้ยมารักษา


“นี่จำเรียงไปกู้ยืมพันฤทธิ์มารึ” เรไรหน้าเครียด ระแวงว่าขันจะเล่นลูกไม้ จึงพยายามถามแย้งจำเรียงว่า หากขันยังมีน้ำใจอยู่ เหตุใดจึงไม่ให้จำเรียงพบหน้า

“แม่หญิงเรไรเจ้าขา จำเรียงคิดไม่ตก หรือจะเป็นด้วยพี่พันฤทธิ์มีหญิงอื่นเจ้าคะ จึงได้ทำกับจำเรียงเพียงนี้” จำเรียงร้องไห้โฮ ทำให้เรไรหน้าเสียด้วยรู้ดีว่า หญิงอื่นนั้นคือใคร

ค่ำวันเดียวกันที่กระโจมสมเด็จพระนเรศวร เหล่าทหารเอกนั่งประชุมเครียดเตรียมรับศึกพระเจ้าเชียงใหม่ที่ยกพลมาเรือนแสน สมเด็จพระเอกาทศรถวางอุบายให้ เจ้าพระยาสุโขทัย พระราชมนู พระศรีวิเศษไชยชาญและขุนฤทธิ์พิชัยยกพลออกไปยั่วดูเพลาหนึ่ง เพื่อหยั่งกำลังแลอุบายของทัพพม่า

สมเด็จพระนเรศวรเห็นดีด้วยมีรับสั่ง “หากทั้งสี่ไปยั่วข้าศึกออกจากค่าย เป็นสงครามกลางแปลงได้ เราจักเคลื่อนทัพหลวงเข้าหักให้ยับเยินเสียยิ่งกว่าคราก่อน เพื่อมิให้หงสาดูแคลนคนไทยได้อีก”

ooooooo

ขณะที่เสมานำกองทะลวงฟันเข้าต่อกรกับพวกพม่า เรไรที่รออยู่ข้างหลังก็หมั่นทำบุญไหว้พระอธิษฐานจิต ขอให้เสมากลับมาอย่างปลอดภัย

วันหนึ่งเสมาได้มีโอกาสประมือกับสมิงโยคราชทหารเอกของพระเจ้าเชียงใหม่ที่สันทัดดาบสองมือเช่นกัน ทั้งสองฟาดฟันเพลงดาบสองมือเข้าใส่กันอย่างดุเดือด สมเป็นทหารยอดฝีมือด้วยกันทั้งคู่

สมบุญที่เฝ้าสังเกตการณ์เห็นทัพของพระราชมนูรบกับทัพพระเจ้าเชียงใหม่ที่บ้านแหตามอุบายของสมเด็จพระเอกาทศรถจึงรีบกลับไปกราบทูล

พระเอกาทศรถพอพระทัย ขอให้สมเด็จพระนเรศวรเร่งยกทัพหลวงขึ้นไปช่วยพระราชมนูกับเจ้าพระยาสุโขทัย แต่สมเด็จพระนเรศวรกลับสั่งการให้สมบุญไปบอกพระราชมนูให้ถอยทัพ เพราะเห็นว่า ถ้ายกทัพไปช่วยอาจเสียไพร่พลจำนวนมาก จึงเห็นควรให้แปรขบวนทัพหลวงไปซุ่มอยู่ที่ป่ากระทุ่มข้างตะวันตก แล้วให้ราชมนูล่าถอยล่อข้าศึกตามมา แล้วให้ทัพหลวงที่ซุ่มอยู่ตีกระหนาบก็จักชำนะได้โดยง่าย

สมเด็จพระเอกาทศรถกับบรรดาทหารเห็นดีด้วย ต่างยอมรับในพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวร

สมบุญควบม้ามาแจ้งพระราชมนูให้ถอยทัพ แต่ท่านเห็นศึกกำลังติดพันและได้เปรียบพวกพม่าจึงยกธงสั่งให้ทหารบุกต่อ ข่าวรู้ไปถึงสมเด็จพระนเรศวร ท่านทรงกริ้วมากสั่งให้จมื่นทิพย์ไปแจ้งพระราชมนูอีกครั้ง และถ้าไม่เชื่อฟังก็ให้ตัดหัวกลับมาโทษฐานขัดคำสั่ง

จมื่นทิพย์ควบม้าออกไป ขันกับพุฒหันมากระซิบกระซาบกันว่า เสียดายนัก ที่มิใช่หัวของอ้ายเสมา ไม่เช่นนั้นจะขันอาสาจมื่นทิพย์ไปจัดการเอง แล้วสองเกลอก็หันมายิ้มให้กันพลางแช่งชักหักกระดูกให้เสมามีอันเป็นไป

ooooooo

เสมากำลังรบกับสมิงโยคราชอย่างดุเดือด ในขณะที่สินและเหล่าทหารไทยก็กำลังสู้รบกับทหารพม่าอย่างหนักเช่นกัน จังหวะหนึ่งเสมากระหน่ำฟันใส่สมิงโยคราชถูกที่ไหล่เลือดอาบและจะตามไปซ้ำ แต่ เหลือบเห็นธงถอยทัพของพระราชมนูโบกสะบัดอยู่จึงตะโกนสั่งลูกน้อง

“ท่านแม่ทัพสั่งถอยแล้ว เร็ว ล่าถอยให้เป็นขบวนอย่าให้แตกฉาน”

พวกทหารไทยงงกันไปหมด แต่เมื่อแม่ทัพสั่งถอยก็ต้องถอย สินเสียดายเข้ามาถามเสมา ว่าเหตุใดต้องถอยด้วย

“เห็นทีจะมีกลศึกเป็นแน่ เอ็งจงคุมไพร่พลให้เร่งล่าถอย อย่าให้เสียขบวนเป็นอันขาด ข้าจะระวังหลังเอง” เสมากำชับ

สินรีบไปจัดการคุมทหารล่าถอยตามที่เสมาสั่ง ทิ้งให้เสมารั้งอยู่เป็นคนสุดท้าย คอยต่อสู้ไม่ให้พวกทหารพม่าตามไปตีทหารไทย

สมิงโยคราชตั้งตัวได้ควบม้าตามไปเอาคืนเสมา เสมาหวิดสิ้นชื่อเพราะตั้งรับไม่ทัน แต่โชคดีที่สินกลับมาช่วย เสมาได้โอกาสกระโดดฟันดาบคู่ลงมาใส่สมิงโยคราช ตายคาหลังม้า

“พี่เสมา เป็นกระไรบ้าง” สินวิ่งเข้ามาหา

“เอ็งย้อนมาช่วยข้าทำกระไร รีบหนีไปประเดี๋ยวนี้” เสมาไล่ แต่สินไม่ฟังขอสู้ตายกับเสมา เพราะเห็นทัพใหญ่ของพระเจ้าเชียงใหม่ยกตามมาถึง มีไพร่พลมากมายเต็มไปหมด สุดลูกหูลูกตา

“ข้ายอมตายดีกว่าถอยแม้เพียงก้าว กูขอเอาเลือดทาแผ่นดินตรงนี้ จารึกไว้ ถึงตัวกูตาย วิญญาณกูจะรักษาแผ่นดินนี้แทนกู” เสมาดึงผ้าออกมาฉีก มัดดาบกับมือให้ติดกัน แล้วหันมาบอกสิน “อ้ายสิน แม้ข้ากับเอ็งไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่ดูท่าคงต้องตายวันเดียวกันแน่แล้ว”

“จะเป็นกระไรเล่าพี่เสมา ได้ตายร่วมกับพี่ เกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้ว” สินยกทวนขึ้นเตรียมพร้อม

เสมายิ้มรับ ก่อนจะหันไปมองแหวนของเรไรที่นิ้วก้อยข้างขวาของตนพลางรำพึง “แม่หญิง อ้ายเสมาคงไม่มีวาสนาได้คืนแหวนให้แม่หญิงแล้ว” เสมายกแหวนมาจูบเบาๆ แล้วกระชับดาบยืนเคียงข้างสินกะสู้ตาย

ทันใดนั้น มีเสียงปืนดังขึ้น ทหารข้าศึกที่วิ่งเข้ามา ถูกปืนยิงล้มลงขาดใจตาย แล้วทหารไทยจำนวนมากก็กรูกันออกมาจากที่ซุ่ม พวกเขายิงปืนใส่ทหารพม่าล้มตายมากมาย สร้างความหวาดกลัวจนพวกข้าศึกต้องรีบหนี

“เป็นกลศึกจริงๆ เรารอดแล้วพี่เสมา” สินดีใจ

“อ้ายพวกข้าศึกมันหนีแล้ว ตามตีพวกมัน” เสมาตะโกนลั่นวิ่งนำสินบุกตะลุยข้าศึกอย่างไม่คิดชีวิต

ooooooo

กองทัพไทยซุ่มโจมตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่

จนแตกพ่ายต้องถอยไปถึงเมืองกำแพงเพชร ที่นั่นพระมหาอุปราชาตั้งทัพรออยู่ พระเจ้านันทบุเรงทรงกริ้วพระเจ้าเชียงใหม่นัก ครั้นจะเอาผิดก็เกรงพระเจ้าเชียงใหม่จะกบฏ จึงมีรับสั่งให้เร่งหาเสบียงอาหารจัดส่งมาให้กองทัพของพระองค์ที่จะยกมาตีกรุงศรีอยุธยา

บ่ายวันหนึ่ง พันอินมาพบขุนรามเดชะที่บ้านเพื่อถามข่าวเสมาด้วยรู้ว่า มีการปล่อยทหารหัวเมืองสิ้นแล้ว แต่เสมายังไม่กลับบ้าน จึงเกรงว่า เสมาจะยังกลัวความผิดจึงไม่ยอมกลับบ้าน

ขุนรามเดชะยิ้มๆ ในใจก็อยากให้เป็นอย่างงั้น แต่ก็จำต้องบอกออกไป “ฉันได้กล่าวให้อภัยต่อหน้าท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่แล้ว หากเจ้าเสมายังระแวง ฉันก็จนใจแล้วพี่พันอิน”

พันอินถอนใจหน้าเครียดๆ ไม่รู้จะทำยังไง ทาสหญิงคนหนึ่งเดินขึ้นเรือนมารายงานหาขุนรามเดชะว่า หมื่นศึกอาสามาขอกราบ ขุนรามเดชะแปลกใจ ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จึงสั่งให้ทาสไปเชิญขึ้นมาพบ แล้วหันมาเปรยกับพันอินว่าใครกัน หมื่นศึกอาสา

เสมาในชุดบรรดาศักดิ์หมื่นเดินขึ้นมาบนเรือน ขุนรามเดชะเห็นก็ชะงัก เสมารีบเข้าไปคุกเข่ากราบเท้าพันอิน พันอินดีใจถามไถ่ที่มาของลูกบุญธรรม

“สมเด็จพระราชโอรสทรงตั้งลูกเป็นหมื่นศึกอาสาแล้วขอรับ ต้องขอขมาที่ให้พ่อพันอินเป็นห่วงลูก แต่เสมาเพิ่งเลิกทัพประเดี๋ยวนี้ เพราะต้องเข้าขบวนถวายตัวขอรับ”

“หมื่นศึกของพ่อเอ๋ย จงสิ้นเคราะห์เถิด แต่นี้ไป ขอจงก้มหน้าประพฤติการอันควรด้วยเกียรติยศ ตำแหน่งขุนอันอยู่เบื้องหน้านี้ จงอย่าประมาทเสีย อุตส่าห์สงวน ตัวให้ถึงแก่ตำแหน่งนั้น พ่อก็ปลื้มใจนัก” พันอินลูบหัวเสมา

“ขอรับ ลูกขอรับพรพ่อพันอิน จำไว้ใส่ใจขอรับ” เสมารับคำแล้วหันไปกราบขอขมาขุนรามเดชะอีกครั้ง ขุนรามเดชะรับไหว้อย่างเสียไม่ได้

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 29 เม.ย. 55
ละคร ขุนศึก บทประพันธ์โดย :ไม้เมืองเดิม/สุมทุม บุญเกื้อ
ละคร ขุนศึก กำกับการแสดงโดย: อดุลย์ บุญบุตร
ละคร ขุนศึก บทโทรทัศน์ละครโดย: เอกลิขิต
ละคร ขุนศึก ผลิตโดย: บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด
ละคร ขุนศึก แนวละคร : ดราม่า - อิงประวัติศาสตร์
ละคร ขุนศึก ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ -อังคาร เวลา 20.30 ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร ขุนศึก ออกอากาศออกอากาศตอนแรก จันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ 2555
ที่มา ไทยรัฐ
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ