อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 28 เม.ย. 55

{[['']]}
อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 28 เม.ย. 55
เสมาเข้าไปกราบพระภิกษุทั้งสอง พระครูขุนเอ่ยชมฝีมือดาบของเสมา ว่าไม่ผิดกับตนในวัยฉกรรจ์ หลวงน้าบ่นว่าเสียดายฝีมือของเสมานักเพราะน่าจะได้อยู่ฉลองคุณชาติ มิใช่หลบอยู่ในวัดดั่งคนขลาดเช่นนี้
เสมาหน้าเศร้าตัดพ้อว่า ตนทำดีเท่าไหร่ก็สู้พวกประจบสอพลอมิได้

พระครูขุนกับหลวงน้าสบตากัน รู้ว่าเสมาน้อยใจจนไม่อยากรับราชการอีก หลวงน้าจึงออกอุบายถามเสมาว่า เคยได้ยินเรื่องสงครามช้างเผือกหรือไม่ ก่อนพระเจ้าบุเรงนองจะยกทัพมาได้ส่งพระราชสาส์นมายังกรุงอโยธยา

“นี่เป็นเนื้อความในพระราชสาส์น ที่ได้แปลอักขระแลคัดลอกไว้ เอ็งลองอ่านดูเถิด” หลวงน้าหยิบจดหมายใบลานฉบับหนึ่งออกจากย่ามส่งให้


เสมาไหว้ ก่อนจะรับจดหมายใบลานมาด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าหลวงน้าต้องการสื่ออะไร

“หม่อมฉันได้ยินข่าวที่เล่าลือไปถึงกรุงหงสาวดีว่าสมเด็จพระเชษฐามีบุญญาธิการมากนัก ทรงมีช้างเผือกเข้ามาสู่พระบารมีมากถึงเจ็ดช้าง แต่ทางกรุงหงสาวดี ยังหามีช้างเผือกสำหรับพระนครไม่ ขอให้สมเด็จพระเชษฐาเห็นแก่ไมตรี ขอประทานช้างเผือกให้แก่ข้าพระเจ้าผู้เป็นอนุชา ไว้เป็นศรีแห่งนครสักสองช้าง ทางพระราชไมตรีทั้งสองพระนครจะได้จำเริญวัฒนาการสืบไป...” เสมาอ่านเสียงดังฟังชัดแล้วเงยหน้าขึ้น

พระครูขุนถามว่า ถ้าเป็นเสมาจะยอมให้ช้างเผือกหรือไม่ เสมาคิดหนักเพราะตอบยากเหลือเกิน พระครูขุนส่งยิ้มพลางอธิบาย “นี่คือพระสติปัญญาของพระเจ้าบุ–เรงนองในครั้งนั้น ฝ่ายขุนนางก็มีทั้งเห็นด้วยแลไม่เห็นด้วยเช่นกัน ที่สุดแล้ว พระมหาจักรพรรดิไม่ทรงยกให้ จนต้องเกิดศึก บรรดาขุนนางต่างโทษว่ากันเองจนแตกสามัคคี ไม่เพียงแต่จะแพ้ศึกครั้งนี้ แต่ยังผลมาถึงการเสียกรุงในกาลต่อมาด้วย”

“ที่ข้ายกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว ก็หวังเตือนใจเอ็ง ให้เห็นถึงความสามัคคีเป็นที่ตั้ง ข้ารู้ว่าเอ็งท้อใจในราชการ แต่หากเอ็งไม่ละวาง บ้านเมืองก็ต้องขาดคนดีมีฝีมือไปอีกคนหนึ่ง” หลวงน้าสรุป

พระครูขุนหยิบห่อผ้าห่อใหญ่ยื่นให้เสมา “ที่ข้ามาหาเอ็งถึงวิเศษไชยชาญ ก็เพื่อจะเอาของที่เอ็งไปทิ้ง ไว้ให้ข้ามาคืนแก่เอ็ง เอ็งรับไปเถิดอ้ายเสมา รับไปแล้ว จะกระทำการใดต่อก็สุดแต่ใจเอ็ง”

เสมาไหว้ ก่อนจะรับห่อผ้ามาเปิดออก เห็นดาบคู่แสนศึกพ่ายของตน เขาชักดาบออกมาดู สายตาเริ่มเป็นประกายขึ้นเรื่อยๆ เลือดทหารกล้ากรุงศรีฉีดพุ่ง

ooooooo

บ่ายวันต่อมา เสมามากราบขุนฤทธิ์พิชัยที่จวนเพื่อขอสมัครเป็นทหารไปออกรบในกองทะลวงฟัน พลางสารภาพความผิด

“ด้วยข้าพระเจ้าเป็นคนผิดหนีพระนครบาลมาแต่ในกรุง แลขาดเกณฑ์พระราชพิธีท่าน จึงขอสารภาพรับผิดไว้ สิ้นศึกเมื่อใดก็ขอเมตตาพระคุณแม่กองนำเฝ้าท่านแม่ทัพ พอได้เป็นพยานความดีมั่งเถิดขอรับ”

“เท่านั้นเองดอกรึ อย่าวิตกเลย เพราะรักในน้ำใจเอ็งนักที่มาบอกเล่าให้รู้แต่โดยจริง โทษภัยเพียงนี้...” ขุนฤทธิ์พูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงทหารเอะอะมาจากท้ายจวน ว่าอ้ายสินเมามีเรื่องวิวาทอีกแล้ว

“อ้ายสิน” ขุนฤทธิ์โมโหรีบไปดูเหตุการณ์

เสมาลุกตามไปด้วยและได้ประลองทวนกับสินที่คุยโอ่ว่า ทหารทั้งจวนไม่มีใครสู้ตนได้ ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายสินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เหล่าทหารโห่ร้องดีใจที่มีคนเอาชนะสินได้

ขุนฤทธิ์ยิ้มพอใจ ที่ได้คนดีมีฝีมืออย่างเสมาอยู่ในกองทัพอย่างไม่คาดคิด ส่วนสินเองก็นึกชมน้ำใจเสมาจึงขอเป็นเพื่อนตาย และเรียกเสมาว่าพี่

ขณะที่เสมาได้เกลอเพิ่มอีกคน ขันกับพุฒก็พยายามประจบขุนรามเดชะหวังเป็นคนโปรด วันนี้ขันนำเครื่องลายครามราคาแพงมาเป็นของกำนัลให้ขุนรามเดชะ เรไรที่แอบดูหวั่นใจยิ่งนักด้วยรู้ทันแผนการของทั้งคู่ เธอนึกห่วงเสมา จึงใช้ให้พิณไปตามสมบุญมาพบที่ชานหลังบ้าน เพราะรู้มาว่าสมบุญเตรียมตัวจะไปออกศึกอีกครั้งเพื่อปลดตัวเองเป็นไท

สมบุญเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าเรไร แม่หญิงคนงามวางแหวนทองเกลี้ยงลงบนฝ่ามือของเขาพลางเอ่ย

“หากไปศึกครานี้ เจ้าเจอหัวหมู่เสมา จงมอบแหวนวงนี้ให้หัวหมู่เถิด”

“ขอรับแม่หญิง แต่กองทัพมีคนมากนัก ทั้งยังแบ่งเป็นหลายกอง ข้าพระเจ้าเกรงว่าจะหาได้เจอพี่เสมาไม่ แลพี่เสมาก็สิ้นอาลัยในยศศักดิ์ อาจไม่อาสาเป็นทหารแล้วกระมังขอรับ”

“หากเรื่องเพียงนี้ทำให้ถอดใจยอมแพ้เสียแล้ว ก็ถือว่าสิ้นวาสนา แต่หากเสมายังใฝ่ใจเป็นทหาร ฉันเชื่อว่าเจ้าต้องได้เจอเป็นแน่ หากได้เจอ เจ้าจงบอกครูเจ้า ว่าฉันรู้เรื่องทั้งปวงแล้ว ต้องขอขมาที่เคยผิดไป แลขออวยชัยให้ชนะข้าศึกกลับคืนสู่อโยธยาอย่างปลอดภัยเถิด”

ooooooo

หลายวันต่อมา เสมาและสินนำทหารไทยเข้าปะทะกับทหารพม่าที่ชายป่าในยามค่ำ พวกพม่าสู้ไม่ไหวหนีตายกันจ้าละหวั่น เสมาชูดาบขึ้น ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองทหารไทยดังกึกก้อง ก่อนยกกำลังกลับมาที่ค่ายพระศรี อันมีพระศรีวิเศษไชยชาญเป็นแม่ทัพ

พระศรีหัวเราะลั่นเอ่ยชมเสมา ว่าเป็นมงคลแก่กองทัพยิ่งที่ออกศึกคราแรกก็ชนะพวกพม่าได้

“แต่ศึกวันนี้ยังเล็กนักขอรับ ศึกใหญ่ยังรออยู่ที่ปากโมกเป็นแน่ ด้วยทัพของสมเด็จพระราชโอรสตั้งอยู่ ณ ลุมพลี กำลังจะยกขึ้นปากโมก แลทัพหน้าของพระเจ้าเชียงใหม่ก็ใกล้จะถึงปากโมกแล้ว คงจะได้ปะทะกันในวันรุ่ง” ขุนฤทธิ์ติง

“เช่นนั้นทัพพลอาสาของเรา ต้องเข้ายอศึกดูกำลัง อย่าให้อ้ายพวกข้าศึกเข้าปากโมกได้ จนกว่าสมเด็จพระราชโอรสทั้งสองจะเสด็จมาถึง”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าพระเจ้าขอเป็นกองหน้าทะลวงฟัน หากอ้ายเสมาถอยแม้เพียงก้าวเดียว พระคุณโปรดตัดหัวอ้ายเสมาเถิดขอรับ” เสมาพนมมือขออาสา

สินเห็นดังนั้นก็อาสาไปกับเสมาด้วย พระศรีและขุนฤทธิ์ พยักหน้าด้วยความพอใจ

ทุ่งกว้างริมแม่น้ำในยามเช้า เสมากับสินนำทัพอาสาของไทย เข้าตะลุมบอนกับทัพหน้าของพระเจ้าเชียงใหม่ ที่มีสเรนันทสู และพระเจ้าเชียงแสนเป็นแม่ทัพ จนกระทั่ง สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถยกทัพเรือเสด็จมาถึง จึงมีรับสั่งให้ทัพเรือระดมยิงปืนเข้าใส่ทัพของพระเจ้าเชียงแสน ถูกไพร่พลล้มตายลงเป็นอันมาก ข้าศึกจึงได้ยิงตอบโต้มาที่เรือพระที่นั่ง จนสมเด็จพระเอกาทศรถมีรับสั่งให้สอดเรือพระที่นั่งของพระองค์เข้าบังเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรไว้ โดยสมเด็จพระนเรศวรได้ทรงพระแสงปืนสับนก ถูกนายทัพคนสำคัญของข้าศึกล้มตายลงหลายคน ฝ่ายกองทัพอาสาก็ได้ยกเข้าตีกระหนาบ ทำให้ทัพพระเจ้าเชียงแสนต้องรับศึกหนัก จนต้องพ่ายแพ้ถอยทัพกลับไปในที่สุด

ooooooo

ครั้นเสร็จศึก เจ้าพระยาสุโขทัยนำเสมาเข้าไปกราบขอขมาขุนรามเดชะที่นั่งอยู่ในกระโจม มีพันอิน ขัน และพุฒนั่งอยู่ด้วย

ขุนรามเดชะยังโกรธเสมาอยู่มาก แต่จำต้องยอมอภัย เพราะเกรงใจเจ้าพระยาสุโขทัย ท่านเจ้าพระยายิ้มพอใจหันไปถามขันกับพุฒว่าเห็นเช่นไร ทั้งสองไม่พอใจแต่ ไม่กล้าหือ

“หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีลูกเอ๋ย สิ้นศึกแล้ว จักได้กลับกรุงด้วยกับเรา พ่อแม่ของเจ้าคงดีใจนักหนา” พันอินลูบหัวเสมาด้วยความดีใจ เพราะปัญหาทุกอย่างจบลงได้

“ขอบพระคุณมากจ้ะพ่อพันอิน” เสมากราบเท้าพันอิน ขณะที่ขันและพุฒเหล่มองอย่างหมั่นไส้

บ่ายวันเดียวกันนั้น สมบุญที่ติดตามกองทัพขุนรามเดชะมาด้วย นำแหวนของเรไรมามอบให้เสมาพลางถ่ายทอดทุกคำพูดที่แม่หญิงฝากมา

“แม่หญิงเรไร อ้ายเสมาสาบานจะเอาแหวนปากโมกน้อยวงนี้ กลับไปคืนแม่หญิงให้จงได้” เสมาปลาบปลื้มใจ สวมแหวนไว้ที่นิ้วก้อยข้างขวา เพื่อระลึกถึงนาง

สินยืนอยู่ข้างๆกระเซ้าคารมเสมาว่า เจ้าชู้ใช่ย่อยที่ตั้งชื่อแหวนว่าปากโมกน้อย เพราะมาทำศึกที่ปากโมก สมบุญส่งยิ้มกวนๆคุยว่า หากเสมาไม่เจ้าชู้ก็คงมิต้องหนีมาจนตนต้องเอาแหวนมาให้กลางศึกเช่นนี้ดอก

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 3 วันที่ 28 เม.ย. 55
ละคร ขุนศึก บทประพันธ์โดย :ไม้เมืองเดิม/สุมทุม บุญเกื้อ
ละคร ขุนศึก กำกับการแสดงโดย: อดุลย์ บุญบุตร
ละคร ขุนศึก บทโทรทัศน์ละครโดย: เอกลิขิต
ละคร ขุนศึก ผลิตโดย: บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด
ละคร ขุนศึก แนวละคร : ดราม่า - อิงประวัติศาสตร์
ละคร ขุนศึก ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ -อังคาร เวลา 20.30 ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร ขุนศึก ออกอากาศออกอากาศตอนแรก จันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ 2555
ที่มา ไทยรัฐ
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ