อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 13 วันที่ 1 พ.ค. 55

{[['']]}
อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 13 วันที่ 1 พ.ค. 55
ระหว่างนั้นตระกูลเปิดประตูเข้ามา “อยู่นี่เอง ผมเห็นรถคุณ”
“เพิ่งมา” ปรียากมลบอกเสียไม่ได้
“ไม่สบายรึเปล่าครับ” ตระกูลห่วง
“ผมจะให้เด็กจัดเครื่องดื่มให้” บุรีเดินออกไปอย่างเร็วรี่
ตระกูลขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น “ไม่สบายใช่มั้ย...กินเหล้ามาก..อยู่ดึก ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ นะ จะไปหา ก็ไม่กล้า”
ปรียากมลเอนตัวทอดนอน คอพาดพนักเก้าอี้ “เหนื่อยนิดหน่อย”
ตระกูลมอง ความรู้สึกลึกซึ้งพุ่งขึ้นมา เข้าไปกอดแน่น
ปรียากมลด่าเข้าให้ “คุณจะบ้าเหรอ ทำอะไรรุ่มร่ามจริง”
“ผมรักคุณ...รักแทบจะขาดใจอยู่แล้ว”
“พอ...ปล่อยฉัน”
“ทำไม...คุณไม่มีใจให้ผมบ้างเลยหรือ...มีซักนิดมั้ยปรียากมล” ตระกูลตัดพ้อต่อว่า ตามแรงปรารถนาในใจ
ปรียากมลสะบัดเต็มแรง ลุกขึ้น แล้วออกไปจากห้อง ตระกูลตามอย่างรวดเร็ว
เวลาเดียวกัน ภายในโรงงานคนงานกำลังตั้งอกตั้งใจเขียนลายลงบนแจกัน บางคนเขียนลายบนถ้วยเครื่องเบญจรงค์ มีที่เสร็จแล้ววางอยู่ข้างๆ เพ็ญพักตร์ยืนมองพลางคุยเบาๆ กับคนทำ เสียงพูดไม่ได้ยินชัดเจนนัก
เพ็ญพักตร์มองเหล่นิดๆ “มาเขียนลายนานหรือยัง”
“สองปีค่ะ” คนงานตอบ
“ตั้งใจกว่านี้หน่อย เส้นของเธอยังไม่คม..ขาดบ่อย”
“ค่ะ”คนงานหน้าสลดไป
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ฝึกงาน เราต้องการของจริง” เพ็ญพักตร์เดินไปทันที


ด้านนอกบริเวณห้องโถง ที่เพ็ญพักตร์เคยนั่งตรวจลายเป็นประจำ เพ็ญพักตร์เดินฉับๆ มา แล้วหยุดชะงัก
เมื่อเห็นตระกูลกำลังพูดคุยกับปรียากมล อาการสองคนแปลกเหมือนเคยสนิทกันมาก
ตระกูลกำลังต่อว่าอะไรสักอย่าง ปรียากมลกิริยาตัดรอนนิดหน่อย ทำนองว่าบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ
เพ็ญพักตร์เดินเข้าไปใกล้ “มีอะไรกันหรือ”
ตระกูลมีสีหน้าตกใจ แล้วรีบสงบกิริยา
“คุยกันเองนะคะ” ปรียากมลยิ้ม เดินหนีไป
“ถามคุณนั่นแหละ” เพ็ญพักตร์ลืมตัว พูดถามเสียงห้วน
ปรียยากมลหันมา...ยั่ว “แต่ฉันไม่อยากตอบ”
“ทำไมตอบไม่ได้”
“ไม่ใช่ตอบไม่ได้นะคะคุณเพ็ญพักตร์ ไม่อยากตอบค่ะ” ทั้งกำกวมเล่นแง่
“นี่อะไร ตระกูลอธิบายมาซิ คุณกำลังพูดอะไรกัน ทำไมถึงตอบฉันไม่ได้”
“คุณเพ็ญ พอเถอะครับไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” ตระกูลบอกเสียงเรียบ
“คิดว่าฉันหูหนวกตาบอดหรือ กิริยาเมื่อกี้ไม่ฉันอย่างที่ฉันคิดแล้วจะคืออะไร”
ปรียากมลสวนคำออกมา “มันคือกิริยาที่ฉันปฏิเสธคุณตระกูล”
“ปฏิเสธเรื่องอะไร” น้ำเสียงคาดคั้นเต็มที่
“เขาชวนฉันไปทานข้าวแต่ฉันไม่ไป” ปรียากมลเหลือบมองตระกูลรวดเร็ว บอกด้วยสายตาให้รับลูก
“ตระกูล...จริงหรือ”
“จริง”
“มีเหตุผลอะไรคุณถึงจะชวนเขาไปทานข้าว”
“ก็ชวนกันทุกคน แปลกอะไร เราทำงานด้วยกัน” ตระกูลหลุดปาก
สีหน้าปรียากมลยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าตระกูลพลาดแล้ว รู้สึกสนุกที่จะแกล้งเพ็ญพักตร์
เพ็ญพักตร์คาดคั้นเต็มที่ “ทำงาน.... งานอะไร”
ตระกูลกังวลอยู่ในหน้า แต่ยังคิดว่า...เอาอยู่ “คุณปรียากมลเขามาช่วยคุณอัศนัยทำงาน...นิดหน่อย งานอะไรนะครับคุณปรียากมล”
ปรียากมลปล่อยของทันที “งานนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาหุ้นส่วนเล็กๆ เท่านั้น”
ได้ผล...เพ็ญพักตร์ชะงักนิดหนึ่ง “หุ้นส่วน...คุณมีหุ้นส่วนในบริษัทนี้เหรอ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ”
“ถามสามีคุณสิคะ เขาคงไม่คิดหรอกว่าคุณจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง” เหน็บเข้าอีก
“คุณปรียากมลพูดอะไรระวังหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรคุณคงไม่ใช่ภรรยาที่สามีอยากจะบอกทุกเรื่องแต่ไม่ใช่สามีฉัน”
“จริงของคุณค่ะคุณเพ็ญพักตร์ ฉันเป็นภรรยาที่ไม่อยากรู้ทุกเรื่องของสามี เพราะฉันกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะไม่ให้ฉันรู้ซักเรื่อง...สวัสดีค่ะ” ปรียากมลเย้ยหยันจนสาแก่ใจ ค้อมหัวให้แล้วเดินกลับไป
เพ็ญพักตร์จ้องตามอย่างเกลียดชัง ปรียากมลไปไกลลิบแล้ว จึงหันมาทางตระกูล
“ทำไมไม่บอกฉันว่าเขามีหุ้นส่วนด้วย”
“มันนิดเดียว ผมเองแทบจะลืมไปด้วยซ้ำ”
“เขาได้มายังไง มีใครขายให้...ไม่น่า หุ้นส่วนเราทุกคนไม่มีนโยบายขายออกอยู่แล้ว” เพ็ญพักตร์ตั้งข้อสังเกต
“หุ้นของคุณอัศนัยเขามั้ง เขากำลังคบกันอยู่นี่ ถามเขาสิ”
“ฉันจะไปถามคุณอัศนัยเค้าได้ไง...ทำไมคุณไม่บอกชั้นฮึตระกูล”
“ไม่รู้สิ...ผมไม่เห็นสำคัญตรงไหน” ตระกูลเดินหนีไป
เพ็ญพักตร์ยังไม่หายสงสัย

เพ็ญพักตร์กลับมาบ้านแล้ว แต่หน้ายังเครียดระแวงเรื่องตระกูลอยู่ไม่วาย ระหว่างนั้นประตูห้องเปิดผางเข้ามาอย่างแรง พร้อมๆ กับเพ็ญตระการในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามาอย่างเร็วรี่
“คุณแม่ไปเอาชุดให้อุ๊หรือเปล่า พรุ่งนี้อุ๊จะไปงานแล้วนะคะ”
“แม่ลืม” เพ็ญพักตร์บอกเสียงเรียบ
“คุณแม่น่ะ..บอกแล้วว่าอุ๊จะไปเอาเอง คุณแม่ก็ยืนยันจะไปเอาให้ .ทำไมล่ะ อุ๊บอกคุณแม่ แล้วว่าอย่าลืม มันต้องใช้อ่ะ แล้วทำไงล่ะเนี่ย ทีหลังไม่ต้องเลย” อุ๊ตัดพ้อ
เพ็ญพักตร์หันไปกรี๊ดใส่ลูกสาว “พอ....พอได้แล้ว ทีหลังอย่ามายุ่งกะชั้นจะเอาอะไรก็ไปเอาเอง”
“ก็อุ๊จะไปเอาเอง คุณแม่บอกจะไปเอาให้ทำไมล่ะ”
“ไปนะยายอุ๊อย่ามาพูดอย่างนี้ใส่ชั้น ไป ไปหาพ่อแกไม่ต้องมายุ่งกะชั้น....ไป๊”
อุ๊ยืนหน้าเครียดสักครู่ แล้วออกไปปิดประตูดังปัง
เพ็ญพักตร์ทั้งระแวง ทั้งไม่ไว้ใจตระกูล

ที่หน้าตึกใหญ่ โอ๋ อ้น ยังอยู่ในชุดนักเรียนทั้งสองคน เห็นอุ๊ เดินแกมวิ่งลงมา โอ๋เดินสวนขึ้นไปถาม
“พี่อุ๊ไปไหน”
“อย่ายุ่ง อ้อ เห็นสมมั้ย ไปตามสมเอารถออกให้หน่อยโอ๋”
“อ้าว” อ้นโผล่มาจากแถวนั้น “ไหนไม่ให้ยุ่งไง”
“แกนั่นแหละไอ้อ้น”
“โอ๋อย่าไป” อ้นบอกโอ๋ที่กำลังหันไป
“ไอ้อ้น...ไอ้บ้า”
“จะบ้าตรงมีพี่สาวแบบเนี้ยล่ะครับ”
“เชอะ ครับ ทำไมไม่พูดค่ะ ล่ะยะ” อุ๊เหยียดหยัน
“นั่น เอาไว้พูดกับคนที่ไม่ทำพฤติกรรมน่าเกียจแบบ...เนี่ยะ” อ้นว่า
“พี่อ้น....อย่าว่าพี่อุ๊” โอ๋ห้าม
“เมื่อไหร่จะบานพ้นน้ำซะทียัยโอ๋ อยู่แต่ในตมนี่แหละ”
โอ๋งงอย่างเคย “เป็นไง”
“เฮ้อ....โอ๋ วันๆ น่ะหาความรู้ใส่ตัวมั่ง เรียนอินเตอร์เป็นแบบเนี้ยะ..แย่”
“ตัวเองล่ะไม่อินเตอร์เหรอ”
“ชั้นถึงบอกเธอให้อ่านหนังสือมั่งอย่าปล่อยให้สมองกลวง แบบเนี้ย”
โอ๋หน้าคว่ำมองอ้น
“ไปให้พ้นนายอ้น” อุ๊ไล่ เห็นเฉลยเดินออกมา เฉลยไปบอกสมเอารถออก
“กำลังจะไปบอกอยู่ค่ะ”
“ใครจะไปไหน”
อุ๊ถามเฉลย อึกอัก “เอ้อ....”
“ชั้นเอง” สุดสวยเดินออกมา
“น้าสวยไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ไม่เห็นอยากรู้เลย จะไปไหนก็ไปเถอะ” อุ๊ว่า
“คุณอุ๊คะ ขอโทษค่ะนี่คุณน้านะคะ” เฉลยสุดทน
“ใช่น่ะสิ ใครว่าไม่ใช่ล่ะ”
“ควรจะพูดดีๆ กับเธอหน่อยนะคะ”
“มีหน้าที่สั่งสอนชั้นเหรอ” อุ๊แว้ดใส่
“เหลยไม่มีแต่ชั้นมี ระวังเถอะไม่มีใครเขาคบ...เป็นหมาหัวเน่า” เดินลงบันไดตึก “ไปเหลย ไปแท็กซี่”
เฉลยเดินตาม “ไม่ได้ค่ะ...เดี๋ยวเหลยไปตามสม”
อุ๊มองตามสุดสวย แต่ไม่กล้ากรี๊ด “เป็นน้า...มากขึ้นทุกวัน”
“แต่น้าสวยเค้ายังมีคนคบ” อ้นบอก
“โธ่เอ้ย มีใครคบคนบ้ามั่ง” อุ๊เหยียดยิ้ม
อ้นมองอย่างรังเกียจ “น้าสวยไปไหนคร๊าบ อ้นไปด้วย” อ้นวิ่งตาม
“ไปหาดอกโศก” น้ำเสียงสุดสวยดีใจนัก
อุ๊หน้าบึ้งมองตาม
“พี่อุ๊จะไปไหนคะ โอ๋เรียกทหารเอารถคุณพ่อออกมั้ยคะ”
“ลุงพฤกษ์ตายแล้วเธอยังมีหน้าเรียกทหารมารับใช้อีกเหรอ จะไม่เอาเปรียบราชการไปหน่อยเหรอ”
อุ๊เดินหนีเข้าบ้านไป โอ๋ยืนงง

ใกล้ค่ำแล้ว ดอกโศกยังขายของอยู่ จังหวะที่เงยหน้ามอง ดอกโศกยิ้มสว่างตา มองสุดสวยที่อยู่เบื้องหน้า สุดสวยมองดอกโศก เริ่มจะเบะหน้านิดๆ
ดอกโศกอ้าแขนรับสุดสวย เข้ามาในอ้อมกอด กอดแน่น ตบหลังเบาๆ ปลอบโยน
“คุณพ่อ” สุดสวยสะอื้นแรง “คุณพ่อ”
เฉลยซับน้ำตา อ้นหน้าเสีย สมใจก็ยิ่งสงสาร
“น้าสวยขา...ทานยารึเปล่า” ดอกโศกถาม
“ไม่ไปหาเลย บอกจะไปไง”
“หนูขอโทษนะคะ....ขอโทษ”
ดอกโศกกอด สุดสวยสะอื้นเงียบๆ
ต่อมาสุดสวยขายขนมช่วยดอกโศก ยิ้มแย้มเยอะแยะ แต่ไม่มากจนน่าเกลียด ท่าทีสนุกมาก อ้นก็ขาย เฉลยคุยกับสมใจเบาๆ นั่งอยู่ห่างๆ ทอดสายตาไปที่ดอกโศก ใจคิดถึงว่าตัวเองทำไม่ดีแกล้งเด็กเมื่อก่อนโน้น หน้าตาเฉลยหมองลง จังหวะหนึ่งเฉลยกระซิบถามเบาๆ
“แม่สมใจ....แล้วลูกสาวไปไหนไม่รู้เลยเหรอ” หมายถึงสุดจิตต์
“ไปตั้งเกือบ 20 ปี เพิ่งเห็นเขาเมื่อไม่กี่วัน แต่เขาไม่รู้จักเราแล้ว....ขี่รถเก๋ง”
“แต่แกมีหลานดี ....แกจะได้ที่พึ่งเชื่อฉัน”
“สงสารมัน มันไม่น่าลำบาก”
“คนกตัญญู ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก” เฉลยว่า

สีหน้าดอกโศกเวลานั้น สงบ นิ่ง แต่พริ้มเพรา ขายของกิริยาสุภาพ น่ารัก
“อภิรมย์....สอบหรือยัง เอนท์เข้าอะไร” กระซิบถาม
“จวนแล้ว สอบเสร็จก็จะหางานทำนะอ้น แล้วจะเรียนสุโขทัย”
“จริงอ่ะ...เงินที่ชั้นจะให้ล่ะเอาเมื่อไหร่”
“อ้นเก็บเงินไว้ ดอกโศกต้องการจริงๆ จะขออ้น ขอบคุณมาก”
อ้นมองหน้า “เธอเจ๋งมากอภิรมย์ มั่นสุดๆ ชั้นนับถือว่ะ ดีใจที่เราเป็นญาติกัน”
ดอกโศกหัวเราะเต็มหน้า อ้นยกนิ้วให้
อ้นเอียงตัวเข้ามากระซิบถาม “คุณนัยมาทุกวันมั้ย”
ดอกโศกนิ่ง สีหน้าว่างเปล่าไม่มีอารมณ์ใดๆ หันไปขายขนมต่อ

ค่ำนั้นที่คอนโดปรียากมล สองคนยืนประจันหน้ากันอยู่ ด้วยอารมณ์แรงทั้งคู่
“ถ้าคุณไประรานดอกโศกอีก เราจะไม่เหลืออะไรต่อกันเลย ไม่มีแม้แต่จะเป็นเพื่อนกัน”
“ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนคุณ”
“ปรียากมล ทุกอย่างที่ผ่านมาถ้าผมจะพูดคำว่าขอโทษ คุณพอจะยกโทษให้ผมได้มั้ย”
“ไม่ได้”
“พยายามเข้าใจหน่อยนะ”
“คุณก็ต้องเข้าใจด้วย ฉันไม่ใช่แม่พระ ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดา ฉันอยากได้ความรักฉันคืน”
“ความรัก...คุณได้ไปมันก็ไม่มีค่าอะไร เพราะมันจอมปลอม มันแค่ความรู้สึกวูบวาบหวั่นไหวชั่วครู่ชั่วยาม ไม่มีอะไรจริงจัง”
“ไม่จริง คุณไม่ใช่คนหยาบคุณละเอียดอ่อน เพราะคุณเป็นศิลปิน...อัศนัยฉันเป็นรักแรกของคุณนะ”
“เลิกพูดคำนั้น มันเป็นอดีตไปแล้ว คุณยิ่งพูดผมจะยิ่งไม่อยากพูดกับคุณ”
“คุณไม่ใช่คนหยาบ...คุณไม่มักง่าย คุณไม่...อะไรก็ได้ คุณรักฉันฉันรู้ ถ้าไม่มีดอกโศกเราคงแต่งงานกันไปแล้ว”
“แต่ผมมี” อัศนัยบอกย้ำ
ปรียากมลส่งเสียงครวญครางบางเบา แสดงความผิดหวัง ร้าวร้าน
“ผมมีดอกโศก...คุณได้ยินมั้ย ผมมีดอกโศก ผมจะมีเขาคนเดียว จะไม่มีใครมาแทนที่เขาได้”
“ฉันไม่มีวันยอม ยิ่งคุณพูดถึงเขามากแค่ไหนฉันจะไม่มีวันยกโทษให้เขา ฉันจะสั่งสอนเขาให้มากขึ้นว่าอย่าได้บังอาจมารแย่งของของฉัน” เสียงปรียากมลเริ่มดังขึ้น อารมณ์ราวกับพายุ
อัศนัย อารมณ์แรงเหมือนกัน “ผมไม่ใช่ของของคุณ ไม่ใช่...ไม่มีวันใช่”
“คุณไม่ใช่ของฉัน คุณก็ไม่ใช่ของของเขา ฉันไม่ได้คุณ เขาก็จะไม่ได้ ฉันสาบานเลย”
อัศนัยท้ายทาย “เอาสิ ผมก็สาบานเหมือนกันว่า ชาตินี้ผมจะเป็นของดอกโศกคนเดียว”

ความเสียใจอัดแน่นอยู่ในอก จนแทบจะกระอักออกมาแล้วยามนี้ ปรียากมลหายใจหอบแรงมองหน้าอัศนัย สายตาทั้งร้อนแรงทั้งหม่นเศร้า ปนเปกัน
“ฉันรักคุณ...รักคุณที่สุด คุณทำให้ฉันรักคุณจนหมดนี่” ตบแรงๆ ที่หัวใจ “หมดหัวใจของฉัน ไม่มีวันจะรักใครได้อีก”
ปรียากมลเดินไปโซฟา นั่งหันหลังให้อัศนัย ซบหน้ากับพนักเก้าอี้ร้องไห้จนตัวสะท้าน
อัศนัยยืนกุมขมับ ปรียากมลยังร้องไห้ อัศนัยขยับเข้าไปนั่งใกล้ “ปรียากมล ฟังผมหน่อย”
ปรียากมลโผเข้ากอดเต็มแรง จนอัศนัยล้มไปกับโซฟา
“อัศนัย....สงสารฉันนะ ฉันรักคุณ ฉันจะทำให้คุณทุกอย่าง...ให้คุณมีความสุขที่สุด”
อัศนัยส่ายหน้า
“ทำไม” ปรียากลมกรีดเสียงแหลมสุดๆ “ทำไม”
อัศนัยตอบไม่ถูก ได้แต่ทำท่าส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น
“นังดอกโศก ชั้นจะจองเวรจองกรรมกับแกจนวันตาย”
อัศนัยลุกขึ้นทำท่าจะไป ปรียากมลฉวยแขนไว้ อัศนัยปลด แต่พอหลุดปรียากมลก็คว้าอีกมือ
“อย่าให้ผมได้ยินอะไรอย่างนี้อีก”
“นังดอกโศกน่ะ เชอะ! ทำไมถึงจะเรียกไม่ได้ แตะมันไม่ได้อย่างนั้นรึ”
“ใช่....อย่าแตะต้องดอกโศกจะต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง”
“ชั้นจะแตะ จะว่าจะด่ามัน จะสาปแช่งมันขอให้มันไปลงนรก ขอให้มันพินาศ ขอให้มัน...” ปรียากมล พูดไปเรื่อยๆ ด้วยความเกลียดชังในใจ อัศนัยทนฟังไม่ได้
“หยุด”
“ขอให้มันตาย...ตายทุเรศที่สุด”
“ผมบอกให้หยุดปรียากมล” อัศนัยหมดสิ้นแล้วความอดทน
“ตายทรมาน ตายโหงตายห่า” ปรียากมลพูดไปสะอื้นไป พูดไม่เต็มเสียง ทุกคำพร่างพรูออกมาเอง “ไปนรกอย่าได้ผุดได้เกิด”
“คุณนั่นแหละตาย” อัศนัยกระแทกเสียงเต็มเสียง
ประโยคสุดท้ายเหมือนสายฟ้าฟาด ปรียากมลหยุดกึก มองหน้าอัศนัย
“คุณนั่นแหละตาย....คุณตายจากผมแล้ว ตั้งแต่วินาทีนี้ คุณไม่ได้เป็นอะไรสำหรับผมเลยนอกจากความว่างเปล่า เป็นอากาศ คุณไม่มีตัวตนสำหรับผมอีกต่อไป”
อัศนัยพูดจบ หันหลังกลับ ออกไปทันที ปรียากมลตะลึง มองตาม อัศนัยเปิดประตู ออกไป ประตูปิดดังปัง

ปรียากมลกรีดร้อง เสียงโหยหวนอย่างคนที่หัวใจแตกสลาย
อีกค่ำคืนหนึ่ง สมปองโทรศัพท์คุยกับอัศนัยอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน กิริยาสมปองพูดบอก....บอก จนเห็นดอกโศกถือหนังสือเดินออกมา

“เท่านี้นะ ไอ้โศกออกมาจะโทรใหม่” ปิดโทรศัพท์เดินมาหาหลานสาว “โศก”
“น้าปอง หนูจะท่องหนังสือ อย่าเพิ่งพูดอะไรหนูไม่อยากฟัง” ดอกโศกบอก รู้ว่าสมปองจะพูดเรื่องอัศนัย
“เปล่า....เปล่า ไม่มีอะไร....แบบว่าไม่ได้...เอ่อไม่ได้จะพูดอะไร”
เสียงนุ่มนวลคุ้นหูของอัศนัยดังแทรกขึ้น “แต่ผมมี”
สองคนตกใจหันไปมอง
สมปองประหลาดใจ “เอ๊ะ”
“ผมอยู่ตรงโน้น ตอนที่พูดโทรศัพท์กับปอง” อัศนัยรีบบอก
“อ้าว....โธ่เอ้ย งั้นก็พูดกันเองนะ”
ดอกโศกหยิบหนังสือเก็บ จะเดินเข้าบ้าน “จะไปดูข้างใน”
ระหว่างนั้นสมใจเดินออกมา ถือยากันยุงใส่จานมาวางให้
“ยุงชุม เอ้า...คุณมา” หันไปเห็นอัศนัย
อัศนัยมองหน้าสมใจกับสมปองสลับกัน พูดเหมือนตัดสินใจมาดีแล้ว
“ยายครับ ปองด้วย ผมรักดอกโศก ผมขอกับยายวันนี้ ดอกโศกเรียนจบผมจะแต่งงานกับเขา”
ทุกอย่างเงียบ ทุกคนตกตะลึง
“เอ่อ” ยายสมใจหน้าเหรอหรามากๆ
“ยายจ๋า...เข้าบ้านจ้ะ ไม่ต้องฟังเรื่องไร้สาระ”
สมปองเซ็ง “เป็นงั้นไป”
สมใจสนใจฟัง “มันเรื่องอะไรหรือคุณ”
“ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมรักดอกโศก รักมานานเป็นรักที่ผูกพันกับเขาตั้งแต่เขายังเด็ก ทั้งรักทั้งสงสาร ผมตั้งใจจะแต่งงานจะดูแลเขาไปจนตายครับยาย”
ทุกคนยังนิ่ง
“ยายอย่าคิดขัดขวางเลยครับ” น้ำเสียงอัศนัยเว้าวอนในที
“เปล่า...ไม่คิดแต่ฉัน...”
อัศนัยดูเหมือนไม่ได้ฟังสมใจ พูดต่อ “เพราะดอกโศกก็รักผมครับ”

อัศนัยกลับไปนานแล้ว ดอกโศกเข้านอนในมุ้ง ข้างๆ สมปอง นัยน์ตาครุ่นคิด หวนนึกถึงคำพูดจริงจังของหนุ่มใหญ่คราวพ่อ
“ผมตั้งใจจะแต่งงานจะดูแลเขาไปจนตายครับยาย”

เวลาเดียวกันอัศนัยอยู่ในห้องนอนแล้ว นั่งมองทอดสายตาออกไปข้างนอก ใคร่ครวญ หวนนึกถึงคำพูดเด็กสาวที่เขารักใคร่พันผูก
“ใช่ ดอกโศกรักคุณนัยจ้ะยาย”

อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 13 วันที่ 1 พ.ค. 55
ละครเรื่อง ดอกโศก บทประพันธ์ : ศรีทอง ลดาวัลย์
ละครเรื่อง ดอกโศก บทโทรทัศน์ : ศัลยา
ละครเรื่อง ดอกโศก กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ
ละครเรื่อง ดอกโศก ผลิต : บ. เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ละครเรื่อง ดอกโศก แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศตอนแรก เริ่มวันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ