อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 12 วันที่ 28 เม.ย. 55

{[['']]}
อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 12 วันที่ 28 เม.ย. 55
เช้าตรู่วันต่อมา อัศนัยวิ่งลงบันไดรวดเร็ว เรียกเสียงดัง
“หมื่น....ไอ้หมื่น” หมื่นวิ่งลงมา
“เอารถออก”
“คุณนัยจะไปไหนแต่เช้าคะ ยังไม่หกโมงเลย ทำไมแต่งตัวอย่างนั้นไม่ไปทำงานหรือ” หมื่นวิ่งออกไป
“เดี๋ยวกลับมาแต่ง...ไอ้หมื่น” ตะโกนเรียก...ให้ไว

ที่แท้อัศนัยกำลังช่วยดอกโศกใส่บาตร พระรูปเดียว อัศนัยจงใจหยิบของคู่กับดอกโศก ใส่บาตรพระ
ชำเลืองมองดอกโศกตลอดเวลา
พระให้พรเบาๆ แล้วไป
อัศนัยเก็บของ พูดลอยๆ “ใส่บาตรด้วยไปตลอดชีวิตได้มั้ย”
“ดอกโศกไปทำขนมต่อ”
“ได้มั้ย ทำไมไม่ตอบ” อัศนัยคาดคั้น
“ถ้าไม่ได้ดอกโศกก็ตอบไปแล้วสิคะว่าไม่ได้” เดินหนีไปทันที
อัศนัยพูดตามหลัง “ดอกโศกตัวจริงแฮะ”

เวลาต่อมาอัศนัยผิวปากเบาๆ ถือกุญแจรถก้าวออกมา โยนกุญแจลอยละลิ่วให้หมื่น ที่วิ่งเลิ่กลั่กออกมาจากข้างในอย่างแม่นยำ หันมาแล้วต้องชะงักกึก หน้าเสียเหมือนกัน
เห็นปรียากมลนั่งคอย สีหน้าเคร่งขรึม อัศนัยเห็นแล้วรู้เลยว่าปรียากมลรู้แล้ว


“ไปไหนมา” ปรียากมลถามทั้งที่รู้
“ไป...ธุระ”
“ธุระอะไรแต่เช้าขนาดนี้”
“อะไรกันคุณธุระเขามีเวลาเฉพาะด้วยหรือ”
“งั้นก็บอกมาสิว่าคุณไปทำธุระอะไร...กับใคร?”
นอกจากไม่ยอมตอบ อัศนัยยังเดินหลีกปรียากมล ขึ้นบันไดเร็วรี่
ปรียากลมวิ่งตามทันที ดึงแขนอัศนัยอย่างแรง อัศนัยหันกลับมายืนเผชิญหน้ามองจ้องกันสักครู่ อัศนัยนั้นไม่กลัวและพร้อมที่จะเผชิญ
ขณะที่ปรียากมล ยังพูดไม่ออกได้แต่จ้องมอง สายตาเจ็บช้ำ
อัศนัย จึงหันหลังกลับขึ้นบันไดเดินไปอย่างสง่า ไม่ยี่หระ
ปรียากมลเห็นทีท่า กรี๊ดทันที ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว อัศนัยสาวเท้าเร็วขึ้น ปรียากมลตามติด
ถึงห้องนอน อัศนัยเปิดประตูเข้าไป แต่ไม่ปิดประตู ปรียากมลตามเข้าไป

อัศนัยเดินไปเปิดตู้ หยิบเสื้อผ้าชุดทำงาน จะเข้าห้องน้ำ ปรียากมลขวางไว้ทันที
“ผมมีงานด่วนเช้านี้ ขอโทษปรียากมลผมต้องรีบไป”
“ต้องรีบไปแล้วคุณไปไหนต้องแต่เช้า”
“ผมบอกคุณแล้ว”
ปรียากมลประชด “หรือว่าคุณรีบตอนที่เจอฉัน”
อัศนัยทำท่าจะปิดประตู
“คุณไม่อยากเจอฉันเพราะอะไร มีอะไรที่ปิดบัง มีอะไรในใจ”
“ปรียากมลผมจะรีบไป ผมขอโทษ”
“ขอโทษฉันเรื่องอื่น” ปรียากมลจี้ติด
อัศนัยทำท่าอัดอั้น
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น คุณรู้ว่าฉันพูดเรื่องอะไรใช่มั้ย บอกมาสิว่าคุณต้องขอโทษฉันเรื่องอื่น”
ที่สุดอัศนัยเดินมานั่ง พยายามสงบอารมณ์ “เรื่องอะไร”
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง” ปรียากมลเข้ามาผลักแล้วตีตัวอัศนัย “อย่า..ทำ..เป็นไม่รู้เรื่อง” สะอึกขึ้นมาในอก ส่วนมือก็ตบตีอยู่ไปมา
อัศนัยพยายามจับ...หลีกหนี “พอแล้วปรียากมลพูดกันดีๆ นะ” เอี้ยวตัวหลบมือ “พอแล้ว...เป็นอะไรเนี้ย”
ปรียากมลอัดอั้น “ฉันเป็นอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าฉันเห็น....ฉันเห็น” สะอึกสะอื้นขึ้นมา “เห็นคุณกับมัน ไหนบอกว่าไม่ใช่ไง... ไม่มีอะไรไง...อ๊ายยย” ปรียากมลกรี๊ดขึ้นมาแบบเก็บไม่ไหวแล้ว “ฉันเห็นกับตา...ข้างล่างในห้องวาดรูป...คุณจะปฏิเสธมั้ย”
อัศนัยถอนหายใจใหญ่ทีเดียว “ไม่ ผมไม่ปฏิเสธ”
“ไหนบอกว่าไม่มีอะไร” ปรียากมลเยาะ
“ผมไม่เคยพูดไม่จริง”
“หมายความว่าไง”
“หมายความว่า ผมบอกคุณว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร”
“จะให้ฉันเชื่อเหรอ...แดมน์ (damn) ...ฉันไม่เชื่อ”
“เป็นความจริงปรียากมล...เชื่อผมเถอะ”
“คุณกำลังจะบอกว่าเด็กนั่นยั่วคุณจนคุณ...ซึ่งเคยประกาศว่าไม่มีอะไร...ก็เลยจำเป็นต้องมีอะไรงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่...ผมกำลังจะบอกคุณว่าผมไม่ได้โกหกคุณ แต่บางครั้งคนเราอาจจะรู้ใจตัวเองในวินาทีใดวินาทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้”
ปรียากมลหน้าเครียดเต็มที่แล้ว “คุณกำลังจะบอกว่าคุณเพิ่งจะรู้ว่าคุณรักมัน..งั้นเหรอ คิดว่าฉันจะเชื่อสิ...ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วถ้าฉันเชื่อคุณ”
“ปรียากมล นั่นคือความจริง ผมขอย้ำว่าคือความจริง...” น้ำเสียงอัศนัยแผ่วลงไปอีก สีหน้ารู้สึกผิด “ฟังดูไม่น่าเชื่อแต่ขอให้เชื่อผมไม่เคยโกหกคุณ”
ปรียากมลโกรธจัด สะบัดมือตบเบาๆ แบบอดใจไม่ได้
อัศนัยหน้าสะบัดไปแต่ยืนนิ่ง
“โกหก...โกหก...คนเลว อย่าพูดเลยเรื่องเพิ่งรู้ตัว ทุเรศ..ต่อให้อมพระมาสาบานก็ไม่เชื่อ ในเมื่อฉัน...ฉันนี่แหละ” ปรียากมลตบอกตัวเองแรงๆ คำพูดพรั่งพรู “ยังดูออก แล้วคุณจะไม่รู้ตัวได้ยังไง นังเด็กนั่นเหมือนกันมันก็รู้...รู้ว่ามันรักคุณแล้วคุณก็รักมัน มันทำเป็นไร้เดียงสา ส่วนคุณก็ทำเป็นผู้ใหญ่ใจดีเอ็นดูเด็ก ทุเรศทั้งคู่”
อัศนัยเถียงไม่ออก
“คุณมันไม่เป็นลูกผู้ชาย ฉันถามคุณ ถ้าคุณยอมรับตั้งแต่ตอนนั้นฉันจะต้องมาเปลืองตัวเปลืองใจกับคุณมั้ย นี่นานเท่าไหร่...เกือบ 3 ปี เกือบ 3 ปีนะที่คุณตบตาฉัน ทำไม...ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้อัศนัย”
“เราเคยพูดกันรู้เรื่องนะปรียากมล ข้อตกลงระหว่างเรา คุณรู้ คุณยอมรับว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นไปเท่าที่เราตกลงกัน”
ปรียากมลซักอย่างมีอารมณ์ “ว่าไง...ไหนคุณบอกฉันอีกทีว่าข้อตกลงว่าไง”
อัศนัยไม่สะท้านเสียงเรียบแต่มั่นคง “ข้อตกลงว่าเราจะคบกันจนกว่าเราจะรักกันมากพอที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
ปรียากมลด่าออกมา “เห็นแก่ตัว...คุณเป็นผู้ชายคุณเป็นฝ่ายได้นี่”
“ถ้าผมเป็นอย่างที่ผมเป็นคือเห็นแก่ตัว ผมก็เห็นแก่ตัวมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง คุณเลือกที่จะให้ผมเป็นอย่างนั้นนะปรียากมล”
โดนย้อนกลับปรียากมลสะอื้นแรง
“คุณว่าผมเป็นฝ่ายได้...ถ้าคำว่าได้ คือคำว่าสุข คุณไม่ได้ด้วยหรือ ผมไม่อยากให้คุณพูดเรื่องผู้ชายหรือผู้หญิง มันไม่ใช่เรื่องเพศ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เป็นคนเท่าๆ กัน มาตกลงกันที่จะคบกันแบบนี้”
“แล้วมันล่ะ คุณกับมันมีข้อตกลงอะไร”
“ไม่มี”
ปรียากมลไม่เชื่อ “ไม่จริง”
“ทุกอย่างที่ผมพูดวันนี้คุณเชื่อได้ปรียากมล”
“คุณจะแต่งงานกับมันหรือ”
“ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน”
“คุณเลือกมันใช่มั้ย” ปรียากมลยังอยากฟัง คำตอบที่รู้อยู่แล้ว
“ถ้าให้ผมตอบเดี๋ยวนี้ ใช่...ผมเลือกดอกโศก”
ปรียากมลแทบกระอัก รู้สึกปั่นป่วนในใจจนอกแทบระเบิด ทนไม่ได้จนต้องกรี๊ดออกมาเบาๆ แล้วพุ่งตัวเข้าหาอัศนัย ทั้งตีทั้งผลักทั้งกระชากทั้งเหวี่ยง
อัศนัยเฉยยืนนิ่ง ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ปรียากมลน้ำตาไหลเต็มหน้า สะอื้นสุดแรง รู้แล้วว่าตัวเองสิ้นหวัง!
ในที่สุด ปรียากมลก็ถอยออกมา ยืนหอบ น้ำตาเต็มหน้า
ปรียากมลพูดอยู่ในคอ เหมือนกระซิบกับตัวเอง “ไม่มีวัน...ไม่มีวันที่มันจะได้คุณไป”
พูดจบปรียากมลหันหลังกลับ เดินตัวตรงคอตั้งบ่าออกประตูไป

ปรียากมล ยืนอยู่บันไดชั้นบน ยืนนิ่งมองบันได เหมือนจะทำอะไรสักอย่างแล้วจัดผมให้เรียบ จัดเสื้อผ้า เดินลงบันไดช้าๆ สีหน้าพร้อมที่จะสู้กับดอกโศก
พอถึงบันไดชั้นล่าง เรียก “หมื่น... หมื่น”

ปรียากมลยืนรออยู่หน้าตึก หมื่นออกมา
“หมื่น ฉันจะกลับบ้าน เอารถออกให้หน่อย”
หมื่นประหลาดใจ “ครับ เอ๊ะ คุณเพิ่งมา”
“เออหมื่น ขนมของดอกโศกอร่อยดีนะ ขายที่ไหนรู้มั้ย” ถามสีหน้ายิ้มแย้ม
ปรียากมลขึ้นรถ หมื่นวิ่งไปเปิดประตู
ปรียากมลนิ่งสงบอารมณ์อยู่สักครู่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดและคอยสาย
“ฮัลโหล...คุณตระกูล”
รถแล่นออกไปอย่างแรง

ตระกูลพุ่งมาหาทันที กำลังเคาะประตูห้องคอนโด ร้องเรียก
“ปรียากมล” ตระกูลเปิดประตูเข้าไป
ปรียากมลทอดตัวบนโซฟา มือข้างหนึ่งทอดตกอยู่ข้างเก้าอี้ แก้วเหล้าเอียงจะตกอยู่แล้ว ตระกูลปราดเข้าไป หยิบแก้วจากมือ ตกใจนิดๆ
“คุณปรียากมล...เป็นอะไรครับ”
“ฉันมีความทุกข์มาก”
“เรื่องอะไร”
“ไม่บอก คุณอย่ารู้เลย”
“ให้ผมทำอะไร”
“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว กลัวจะกินเหล้าจนตาย คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“โอเค...แค่นั้นเหรอ” ตระกูลพูดส่อ
ปรียากมลรู้ทันหัวเราะเบาๆ “ถ้าฉันอ่านคนอื่นเหมือนอ่านคุณได้ก็ดีสิ”
“ใคร” ตระกูลถามเร็ว
“แหม คุณตระกูลถามเหมือนกับเป็นสามีฉัน แต่เอาเถอะคุณก็คงรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบ เอางี้ คุณนั่งเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะดื่มไปเรื่อยๆ ถ้าฉันเมาคุณพาฉันไปนอน” มองจ้องหน้า “อย่ายิ้มแบบนั้น แล้วอย่าคิดจะทำอย่างที่คุณอยากทำด้วย”
“โธ่...ไม่สงสารผมเหรอ” น้ำเสียงอ้อน วอนขอ
“ถ้าคุณอดใจไม่ได้คุณจะไม่ได้พบฉันอีกเลย แต่ถ้าคุณอดใจได้...อย่างลูกผู้ชาย…”
ตระกูลขัดออกมา “โธ่...คุณปรียากมล อดใจได้มันลูกผู้ชายที่ไหนเล้า”
ปรียากมลไม่สน “ถ้าคุณอดใจได้...ต่อไปไม่แน่”

เป็นอีกวันหนึ่งที่ดอกโศกขายขนมมือเป็นระวิง ผมผูกรวบไว้ง่ายๆด้านหลัง หน้าเป็นมัน ขายรวดเร็ว เสียงโต้-ตอบเรียบร้อยไม่มีอารมณ์อื่นเจือปน สมใจเพ่งมองดูหลานรู้สึกสงสารมาก
ระหว่างนั้นรถยนต์คันโก้แล่นมาช้าๆ ภักดิ์ภูมินั่งในรถ มีฉัตรทองนั่งเคียงกันอยู่หลังรถ ขณะผ่านร้านขนม ภักดิ์ภูมิจ้องมอง แล้วสะดุดใจกับกิริยาดอกโศก ทอดสายตาขรึมๆ มองนิ่งๆ
ฉัตรทองนั่งวางท่างามสง่าเต็มที่ สมเป็นสาวมาดมั่น
ฉัตรทองเป็นสาวค่อนข้างเปรี้ยว แต่กิริยามีจังหวะจะโคน แบบคนได้รับการอมรมมาดี อยู่ในสังคมชั้นสูงมาตลอด
“แถวโบสถ์นี้มีของขายเยอะจัง” ฉัตรทองเอ่ยขึ้น
“ทานขนมมั้ยครับน้องฉัตร” ภักดิ์ภูมิถาม เหลือบมองแม่ค้าขนมอีก
“ฉัตรกลัวไม่สะอาดค่ะพี่ภูมิ”
“อือม์....ก็อาจจะจริง พี่ลงไปดูให้มั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ...ฉัตรไม่ทาน” น้ำเสียงเฉียบ บ่งบอกความมั่นใจตัวเองสูง
รถเคลื่อนตัว แล่นอย่างช้าๆ ผ่านดอกโศกที่ขายของไป ภักดิ์ภูมิมองอย่างสนใจ

ภักดิ์ภูมิและฉัตรทองเดินเข้าโบสถ์ เป็นคู่รักที่สวยสมกันด้วยกิริยาการแต่งตัว คนมองอย่างทึ่งหลายคน คุณพ่ออันโตนิโย คุยกับฝรั่งคนหนึ่ง ภายในโบสถ์ยามนั้นมีคนเดินไปมา บ้างไปทำอะไรตรงแท่นบูชา คุยกันอยู่บ้าง ยังไม่ถึงเวลาทำพิธี
“พี่ว่าเราออกไปคอยข้างนอกดีกว่าครับน้องฉัตร” ภักดิ์ภูมิเอ่ยขึ้น
“พี่ภูมิเห็นมิสซิสเบนส์แล้วหรือคะ”
ภักดิ์ภูมิกวาดสายตามองรอบๆ “อาจจะยังไม่มา” แตะแขนเบาๆ ท่วงทีสุภาพ “ไปครับ”
คุณพ่อโบกมือให้ ภักดิ์ภูมิไหว้ “คุณพ่ออันโตนิโย”
คุณพ่อรับไหว้ “ผมเห็นมิสซีสเบนส์เมื่อกี้ คุณนัดไว้ใช่มั้ยคุณภักดิ์ภูมิ”
“ครับ ขอบคุณครับ”

ขณะที่สองคนเดินออกมา ระหว่างนั้นมิสซิสเบนส์เดินมากับเอ็ดดี้พอดี
“คุณภักดิ์ภูมิ” มิสซิสเบนส์จำได้
“มิสซิสเบนส์....สวัสดีครับ” สองคนจับมือกันทักทาย
“สวัสดีค่ะ” มิสซิสเบนส์พูดเสียงแปร่งนิดๆ พอจับสำเนียงได้ว่าเป็นฝรั่งพูด ก่อนจะแนะนำเอ็ดดี้หลานชายกับภักดิ์ภูมิ และแนะนำเอ็ดดี้ให้รู้จักคุณภักดิ์ภูมิ สองชายจับมือกัน
“เพิ่งมาถึงใช่มั้ยครับ ผมเข้าไปในโบสถ์ไม่เห็น” ภักดิ์ภูมิถาม
“เดี๋ยวสวดมนต์เสร็จแล้ว เราพูดธุระกันได้...ที่ไหนดี” มิสซิสเบนส์ถามกลับ
“อ้อ ผมขอแนะนำก่อน นี่ฉัตรทองคู่หมั้นของผมครับ”
“โอ....เธอมีคู่หมั้นแล้ว Congratulations how lovely fiance’…” มิสซิสเบนส์เลือกคำ ฟิอองเซ่ ภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าคู่หมั้น แทนคู่รักในภาษาอังกฤษ เป็นความชื่นชมจากใจว่า ยินดีด้วย เป็นคู่หมั้นที่น่ารักจริง
“ขอบคุณค่ะ คุณพูดไทยชัดมากค่ะมิสซิสเบนส์”
“ขอบใจค่ะ ฉันอยู่ประเทศไทยมาแล้วเกือบ 20 ปี แล้วนะ ประเทศไทยคือบ้านของฉัน” มิสซิสเบนส์บอก

ดอกโศกจัดของขึ้นรถเข็น หลังจากขายหมดแล้ว
“ไปเถอะ ไปดูหนังสือ ยายเอารถกลับเอง” สมใจบอก
“หนูจะไปส่งยายก่อน”
“ไม่ต๊อง..ไม่ต้อง เดี๋ยวยายค่อยเข็นไปได้ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นหนูไปโบสถ์นะจ๊ะ”

คล้อยหลังดอกโศกเพียงไม่นาน ปรียากมลเดินมาช้าๆ ท่าทางสุขุมนุ่มนวล
พอมาถึงมองสำรวจไปรอบๆ รับรู้ว่านี่คือสถานที่ที่คุ้นเคยมาก่อน มองผ่านแว่นดำ มองไปหลายๆ ที่ ทั่วบริเวณนั้น
ลูกค้าวิ่งเข้ามา สีหน้าผิดหวัง “อ้าวขนมหมดแล้ว”
ลูกค้าอีกคนถามแม่ค้าข้างๆ “ไปขายที่อื่นหรือเปล่า ป้า...ป้า”
“เขาขายหมดแล้ว ไอ้โศกมันไปโบสถ์แล้วล่ะ”
ปรียากมลได้ยินเต็มๆ หันไปทางโบสถ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่

อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 12 วันที่ 28 เม.ย. 55
ละครเรื่อง ดอกโศก บทประพันธ์ : ศรีทอง ลดาวัลย์
ละครเรื่อง ดอกโศก บทโทรทัศน์ : ศัลยา
ละครเรื่อง ดอกโศก กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ
ละครเรื่อง ดอกโศก ผลิต : บ. เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ละครเรื่อง ดอกโศก แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง ดอกโศก ออกอากาศตอนแรก เริ่มวันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ