อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/2

{[['']]}
อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/2
คืนนั้นบัญชาเช่าโรงแรมค้างคืน นั่งมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ปิดอยู่ แล้วจึงโยนลงบนเตียง ไม่ยอมเปิดเครื่อง!

ส่วนเหตุการณ์ที่บ้านบัญชาเวลานั้น บุรีมองมือถือของตัวเอง แล้ววางลงอย่างเซ็งๆ
“นายหัวยังไม่ยอมเปิดโทรศัพท์เลยครับ” บุรีประหลาดใจ
“แปลกจริง..นายหัวหายไป..แล้วยังไม่ยอมให้ใครติดต่อได้อีก” บัวว่า
“นายหัวไม่เคยทำแบบนี้” ดารากานต์กลุ้มๆ
“จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” บัวปรารภ
“ไม่หรอก..แค่นายหัวอาจจะ..มีธุระอะไร ที่ไม่อยากให้ใครกวน” ดารากานต์บอก
“แบบที่แม่ชอบทำ...เวลาไปทำบุญใช่ไหมล่ะ” เกียรติบดินทร์เดินกินบะหมี่ในถ้วยกระดาษอย่างชิลล์ๆ “ก็ดี นายหัวจะได้ไม่ต้องมาร้อนใจเรื่องของผม..ไงๆ วันนี้ทุกอย่างก็จบแล้ว แม่จ่ายไปจนพวกมันพอใจแล้ว คนอื่นก็อย่าปากดีไปเพ็จทูนนายหัวล่ะ เดี๋ยวผมจะถูกห้ามไม่ให้ไปดูงานอีก หึๆๆ” เกียรติบดินทร์ หัวเราะ แล้วซู้ดบะหมี่ต่อ
ทุกคนมองหน้ากัน อึ้งๆ


บัญชาที่สมาชิกในบ้านเป็นกังวลกำลังนอนเอามือก่ายหน้าผาก ดวงตาบัญชาเหม่อลอย นึกไปถึงการทำงานกู้ชีพ ช่วยเหลือตน และภาพใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดูสุภาพ น่าชื่นชมของฟ้ากระจ่างที่แว่บเข้ามาในห้วงความคิด
สีหน้าบัญชาเวลานี้ ฉายแววเจ็บปวดหัวใจอย่างชัดเจน

เช้าวันใหม่ที่บรรยากาศแสนสดใส บัญชายืนแหงนหน้าเงยขึ้นมองศาลเจ้าโดยรวม แล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไป
ทันใดนั้น รถซาเล้งที่มีฟ้ากระจ่างเป็นคนถีบ โดยมีอาหึ่งนั่งอยู่ข้างหนึ่ง สารภีนั่งอีกข้างหนึ่ง และบนรถมีเข่งอาหาร หม้อ อุปกรณ์ครัวเต็มไปหมด ก็ถีบออกมาจากปีกที่เป็นโรงอาหาร เสียงหัวเราะ 3 คนพ่อแม่ลูก ดูร่าเริงฮิฮิ้วตลอดเวลา
บัญชาหลบมุม สาลี่ เสี้ยวท้อ กู๋เหลียงวิ่งตามมาสั่งเสีย
“แล้วตามมาเร็วๆ น้า” ฟ้ากระจ่างบอก
“จ้า เดี๋ยวจะรีบตามไปช่วยนะ อาจ้าง” เสี้ยวท้อว่า
“ไปที่เต๊นท์ที่ 3 นะ อาจ้าง..พวกอาซิ้มอาซ้อเขาไปรอกันหมดแล้ว” สาลี่กำชับ
“คร้าบบผม..ไม่ต้องห่วงคร้าบ” ฟ้ากระจ่างยิ้มกว้างรับคำ
“อาหารจากศาลเจ้าเรา อร่อยที่สุดอยู่แล้ว พวกบ้านไฟไหม้ทุกคนต้องรอคอยอาหารฝีมืออั๊วแน่ๆ ว่ะฮ่ะๆๆๆ ไปที่ว่าการอำเภอกันเลย!!” อาหึ่งว่า
“ไออำเออๆ - ไปอำเภอๆๆ” จู่ๆ สารภีก็ชูมือ ตะโกนปลุกใจขึ้นมา
ฟ้ากระจ่างกับอาหึ่งขำกัน แต่ก็ชูมือขวาขึ้น แล้วตะโกนตามสารภีไปด้วย
“ไปอำเภอ! ๆๆๆๆๆ”
บัญชามองตามไป บอกไม่ถูกกับสิ่งที่เห็น
“ดูมัน..บ้ากันทั้งพ่อแม่ลูก..อ้าว..มันลืมเข่งส้มนี่หว่า..เฮ้ยๆๆ กลับมาเอาส้มไปแจกเค้าด้วย” กู๋เหลียงตะโกนบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กู๋..ซาเล้งเต็มแล้ว เดี๋ยวหนูขนไปใส่รถกระบะ รวมกับพวกเสื้อผ้าบริจาคแล้วกัน” เสี้ยวท้ออาสา
“มาๆๆๆ”
กู๋เหลียง กับเสี้ยวท้อ และสาลี่ ช่วยกันยกเข่งส้มไปใส่ท้ายรถ ที่มีลังกระดาษใส่ของบริจาคเต็มกระบะด้านหลัง ที่จอดอยู่แถวนั้น แล้วสาลี่ เสี้ยวท้อขึ้นรถ โดยมีเสี้ยวท้อขับรถออกไป กู๋เหลียวยืนมอง บัญชาแอบหลังเสามอง

นักบวชตงจัดของอยู่ที่หน้าแท่นบูชาในศาลเจ้า บัญชาเดินเข้ามากวาดสายตามองรอบๆ อย่างสำรวจตรวจตรา ในท่าทีสงบและสำรวม จังหวะนั้นกู๋เหลียงเดินเข้ามา ปากบ่นไปเรื่อย
“ไฟไหม้ทีไร เค้าก็บอกว่า..ไฟฟ้าลัดวงจรๆ แต่ก็ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนสายไฟใหม่กัน บางบ้าน เกิน 20 ปี ก็มี”
“อย่างไฟฟ้าหลอดไส้ แบบที่พวกตลาดนิยมใช้กันมานาน มันร้อนก็ร้อน กินไฟก็กินไฟ แต่อาจ้างบอกว่า พอไปชวนให้เค้าเปลี่ยนมาใช้หลอดตะเกียบประหยัดไฟกัน เค้าก็หาว่ามันแพง จ่ายไม่ไหว” นักบวชตงเสริมอย่างรู้ใจกัน
บัญชาได้ยินชื่ออาจ้าง...ฟ้ากระจ่าง ก็ตั้งใจฟัง
“เอาอย่างนี้ไหม ปีนี้ เรามาบำเพ็ญประโยชน์แบบใหม่ ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน..ให้ทางสมาคมหาทุนซักก้อนนึง มาซื้อหลอดตะเกียบแบบประหยัด แล้วให้อาจ้างกะพวกไปเปลี่ยนให้ฟรีๆ ทั้งตลาดเลย” กู๋เหลียงออกไอเดีย
บัญชาขยับเดินมาใกล้
“อาจารย์ของอาจ้างก็สนิทสนมกับบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้าใหญ่ด้วยนี่ ลองขอให้บริษัทพวกนี้มาเป็นสปอนเซอร์ บริจาคหลอดไฟให้ชาวบ้าน แล้วขึ้นป้ายขอบคุณให้หน้าตลาด” นักบวชตงเสริม
“ดีๆๆ ตงเซียนเซิงสมเป็นตงเซียนเซิง ภูมิปัญญาทันสมัยเยี่ยมยอด ต้องให้อาจ้างมันไปคุยกับทางสปอนเซอร์ มันเกลี้ยกล่อมคนเก่ง พูดจนลิงหลับตกต้นไม้” กู๋เหลียงชมนักบวชตง
ทั้งสองหัวเราะให้กัน บัญชาฟังอยู่และอดใจไม่ไหว เอ่ยออกมา
“เด็กคนนี้...ทำอะไรได้หลายอย่างดีนะครับ...ท่าทางจะเป็นกำลังสำคัญของพวกคุณจริงๆ”
ทั้งสองหันไป เห็นบัญชาก้าวเดินออกมา ยิ้ม พร้อมกับก้มหัวให้ทั้งคู่เป็นเชิงทักทายและแสดงความเคารพ
“อาจ้างเป็นเด็กดี ใครๆ ก็ชื่นชม ผมเอง..ก็มาที่นี่เพื่อขอบคุณเด็กคนนี้เหมือนกันครับ” บัญชาบอก
นักบวชตง กับกู๋เหลียง มองหน้ากัน แล้วต่างยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ

ที่มุมนั่งเล่นแดดร่ม ลมเย็น ในบริเวณศาลเจ้า กู๋เหลียงรินน้ำชาให้บัญชาก่อนคนอื่น โดยมีนักบวชตงนั่งอยู่ด้วย
“ขอบคุณครับ” บัญชาขอบคุณ
“เรื่องช่วยคนประสบอุบัติเหตุ เป็นหน้าที่ของทุกคนในมูลนิธิอยู่แล้ว ที่ต้องทำอย่างเต็มที่ด้วยอุดมคติและจิตใจ ถ้าพวกนั้นดูแลคุณไม่ดีสิ ต้องโดนตำหนิ” นักบวชตงเอ่ยขึ้น
“แค่อาจ้างไม่เหมือนคนอื่น เค้ามีความเป็นผู้นำ บุคลิกลักษณะน่าเลื่อมใสมาก พ่อแม่ของเค้าคงภูมิใจในตัวลูกมากเลยสิครับ” บัญชาถามหยั่งเชิง
“พ่อแม่ของอาจ้างหรือครับ” กู๋เหลียงหัวเราะเบาๆ แววตาเป็นประกายเปี่ยมสุข “เป็นบุญของทั้งสองจริงๆ ที่เทพเจ้าส่งลูกชายคนนี้มาให้”
“เป็นลิขิตสวรรค์..ที่ดลใจให้มีคนมากมายมาช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูช่วยให้ทุนรอนเรา จนเลี้ยงดูเด็กคนนี้ จนโตมาเป็นเด็กดีแบบนี้” นักบวชตงบอก
บัญชายิงคำถามเข้าเป้าทันที
“คุณพูดเหมือนว่า..อาจ้างมีพ่อยกแม่ยก..มาเป็นสปอนเซอร์”
“พูดกันตรงๆ ญาติโยมเก่าแก่ของศาลเจ้า ก็รู้กันทั้งนั้น ว่าอาจ้างเป็นเด็กกำพร้า แม่ใจร้ายเอามาทิ้งไว้ที่นี่ตั้งแต่แบเบาะเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ทุกคนก็สงสาร ให้เงินให้ทองให้ข้าวของแม้กระทั่งเสื้อผ้า นมผง ให้เรามาเพื่อเลี้ยงดูอาจ้าง” นักบวชตงว่า
“แม้แต่ลูกศิษย์เทพเจ้าที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง พอมาเห็นอาจ้างมาช่วยทำงานนั่นนี่ในศาลเจ้าตั้งแต่ตัวมันยังเล็ก เดินเตาะแตะ เขาก็ว่ามันรู้จักกตัญญูตั้งแต่ยังไม่รู้ภาษา เขาก็เมตตา ส่งเงินมาช่วยค่าเล่าเรียน ค่าตำรับตำรามัน อย่างคุณอะไร..เศรษฐินีทางใต้..ที่มาทุกปีๆ แกอยากส่งเสียให้อาจ้างได้เรียนให้สูงกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่อาจ้างไม่เอา มันขี้เกรงใจ” กู๋เหลียงพูดพาซื่อ
บัญชาอึ้ง แอบซีด จิบชากลบเกลื่อน

ฟ้ากระจ่างใส่ผ้ากันเปื้อนยี่ห้อแถมมากับสินค้าที่รับบริจาคมา มีผ้าขนหนูสีขาวพาดคอ กำลังตักหมี่ใส่จานอย่างคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง ไปวางลงที่โต๊ะข้างหน้า ที่มีคนมาเข้าคิวรับอาหารภายในเต็นท์
สาลี่ตักข้าวผัด อยู่ถัดไป อาหึ่งตักต้มจืดใส่ถ้วยจากหม้ออีกใบหนึ่ง ที่วางเรียงกันอยู่
สารภีช่วยแจกส้ม เสี้ยวท้อแจกน้ำดื่มขวดพลาสติก
โต๊ะข้างๆ คือก๊วนเพื่อนของฟ้ากระจ่าง ทั้งสมหมาย ปักเป้า หมีใหญ่ และอาซิ้มอาซ้อคนอื่นๆ มายืนแจกถุงยังชีพ ติดตรามูลนิธิฯ บรรดาผู้ประสบภัย คนที่บ้านถูกไฟไหม้เข้าแถวรับของแจกกัน
ฟ้ากระจ่าง ยิ้มแย้มแจ่มใส คุยไป หัวเราะกับผู้คนไป โดยไม่รู้ว่าอีกด้านหนึ่งในเวลานั้น บัญชามาซุ่มดูอยู่ สีหน้าบัญชาดูออกว่าเขากำลังคิดหนัก

ฟ้ากระจ่างถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ว และล้างหน้าล้างตัวด้วยน้ำก๊อกข้างที่ว่าการอำเภอ ลูบหน้า ลูบหัว สะบัดผมไปมาเหมือนหมาเปียกน้ำ แล้วเอาผ้าขนหนูที่พกติดตัวเช็ดหน้าตาเนื้อตัว แต่พอเงยหน้ามา ก็ชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มกว้าง ก่อนยกมือไหว้ เป็นบัญชาที่ยืนมองอยู่ และอดยิ้มตอบไม่ได้
“มาธุระแถวนี้หรือครับ เป็นไงบ้างครับ รู้สึกเคล็ดขัดยอกฟกช้ำบ้างหรือยัง” ฟ้ากระจ่างถาม
“ยัง..โชคดีที่ไม่เป็นอย่างนั้น อาจ้าง...คุณพอจะมีเวลาสักครู่ไหม”
ฟ้ากระจ่างงงๆ แต่ก็ยิ้มรับ

รถราขับแล่นสวนกันไปมาบนถนนสายนั้น ซึ่งบัญชาและฟ้ากระจ่างกำลังเดินข้ามถนนมาด้วยกัน
“คุณมีบุญคุณกับผม ผมซาบซึ้งใจมากจริงๆ อาจ้าง” บัญชาเอ่ยขึ้น
“อุย..ไม่เป็นไรครับ คือ..มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วครับ” ฟ้ากระจ่างเขินๆ
“แต่ผมอยากจะตอบแทนบุญคุณคุณ..หวังว่าคุณคงจะรับไว้ ไม่เช่นนั้น ผมคงจะเสียใจมาก”
บัญชาเดินนำไป และตรงมาที่ร้านขายมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เรียกว่าบิ๊กไบค์
ฟ้ากระจ่างพอจะเข้าใจแล้ว ว่าบัญชาพามาที่นี่ทำไม
“นี่..คุณจะ..ตอบแทนผมด้วย…”
“รถดีๆ ซักคันไง มันเหมาะสมกับเด็กดีๆ อย่างคุณ...จริงไหม” บัญชา เอ่ยขึ้น
ฟ้ากระจ่างชะงัก สีหน้าแววตาตื่นตกใจ
“คุณจะ..ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ผมเหรอครับ”
“เลือกเอาไรครับ คุณจ้าง...เอาคันที่ดีที่สุด ชอบที่สุด ที่คุณอยากได้” บัญชาบอก
ฟ้ากระจ่างมองดูรถทั้งหมด หันมามองหน้าบัญชานิ่งงันไปสักครู่ แล้วในที่สุดก็ยกมือไหว้
“ขอบคุณคุณมากเลยครับ ผมดีใจ ที่คุณเห็นว่าสิ่งที่ผมทำมีประโยชน์” ฟ้ากระจ่างยิ้มขอบคุณ
“มีประโยชน์มากๆ เชียวล่ะ ผมต้องขอชื่นชมเยาวชนรุ่นใหม่อย่างคุณ...มันหายากจริงๆนะ ที่เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ จะชอบบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม” บัญชาว่า
“เอ่อ..ที่จริง....คือว่า..การที่ผมทำงานกู้ชีพให้กับมูลนิธิฯมา ผมไม่ได้ทำเป็นการส่วนตัว แล้วที่มันสำเร็จ สามารถช่วยชีวิตคนได้ ก็เพราะเพื่อนๆพี่ๆทุกคนเค้าก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทุกคนมีส่วนร่วมกันหมด แม้แต่วันที่พวกเราได้ช่วยคุณจากอุบัติเหตุคืนก่อนนั้น เอาอย่างนี้ดีไหมครับ..คือ..ถ้าคุณสบายใจที่จะตอบแทนอะไรให้พวกเรา..คุณตอบแทนให้กับทางมูลนิธิดีกว่าครับ รถมอเตอร์ไซค์..เป็นสิ่งจำเป็นมาก ทำให้หน่วยเฝ้าระวังของพวกเราสามารถไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วมากขึ้น แล้วรถที่มีอยู่ก็เก่าแล้ว พี่ๆบางคนเขาก็เอารถส่วนตัวเขามาใช้ ถ้าคุณมอบรถให้มูลนิธิเรา..ทุกคนคงจะดีใจกันมากๆเลยครับ”

รอยยิ้มใสซื่อของฟ้ากระจ่าง ทำเอาบัญชาถึงกับอึ้งไป

วันต่อมาขณะที่ทรายทองกำลังเดินลงมาจากชั้นบน ก็เห็นบัญชาเดินเข้ามาด้วยท่าทางระโหยโรยแรง โดยมีนายวังถือกระเป๋าใบเล็กเดินตามมาห่างๆ ทรายทองรีบถลาเข้าไปหาทันที

“นายหัว!! นายหัวไปไหนมาคะ ทราบไหมคะ ว่าพี่ดินไปทำอะไรมา” ทรายทองฟ้องเรื่องเกียรติบดินทร์ขึ้นทันที
บัญชายังอยู่ในอาการเหนื่อยๆ จากการเดินทาง ถึงกับชะงัก ถามขึ้นทันที “ทำไม ดินทำอะไร”
“คุณทราย..เอ้อ ฮะแอ้มๆๆ” วังเหมือนจะพยายามปรามทรายทอง
จังหวะนั้นดารากานต์เดินออกมาพอดี “นายหัว นายหัวหายไปไหนมาตั้ง 2-3 วัน ทุกคนเป็นห่วงนะคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ผมเหนื่อย..คุณอย่าเพิ่งซักได้ไหม” บัญชาพูดด้วยสีหน้าเนือยๆ
“ทราย..ไปบอกป้าบัว ว่าขอกาแฟให้นายหัว” ดารากานต์สั่ง
“ทราย..ไม่ต้อง..นายวัง..ไปขอกาแฟป้าบัว ทราย..เล่ามา นายดินทำอะไร” บัญชาสั่ง
“ดิฉันเล่าเองค่ะ..ทราย..ไปช่วยป้าบัว” ดารากานต์รีบบอก
บัญชาสีหน้าเย็นชา “คุณนั่นแหละ ไปช่วยป้าบัว..ทราย..มาคุยกะลุงมา...” แล้วเดินมาโอบทรายทองเดินไป
ดารากานต์หน้าซีด นายวังมอง แล้วก้มหน้าก้มตา รีบไป

ทรายทองฟ้องบัญชาฉอดๆ เรื่องวีรกรรมของเกียรติบดินทร์ระหว่างที่นายหัวไม่อยู่
“พ่อทรายห้ามแล้วนะคะ ว่าพี่ดินอย่ามาเลย แต่พี่ดินอ้างว่าอยากจะไปเรียนรู้งานของบริษัท พี่ดินอยากช่วยนายหัวทำงานบ้าง แบบที่ลูกนายเด่นเค้ามาทำงานแทนพ่อเค้า แล้วอยู่ดีๆ พี่ดินก็ไปชกหน้าเพื่อนของลูกนายเด่น ใครๆ ก็เป็นพยานได้ ว่าคนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย แค่พูดผิดหูพี่ดินคำเดียว แล้วเค้าก็ไม่ได้พูดกะพี่ดินนะคะ เค้าพูดกะเพื่อนเค้าแท้ๆ พี่ดินก็พุ่งเข้าใส่เค้าเลยค่ะ เนี่ย..คุณป้าไม่อยากให้ทรายบอกนายหัว คุณป้ารักลูกเกินไป สั่งให้ทุกคนปิดบังนายหัว กลัวนายหัวดุว่าพี่ดิน ทำแบบนี้ ทรายกลัวว่าพี่ดินจะต้องกลายเป็นโจรซักวันสิคะ”
บัญชานิ่งฟังในอาการเงียบกริบ สีหน้าเศร้าลงถนัดตา

บัญชาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอน ส่วนดารากานต์เอาของออกจากกระเป๋าให้พลางถาม
“นายหัวไปต่างจังหวัดมาหรือคะ”
บัญชาอึ้งๆ ขณะเอาผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ “ใช่..แต่..ไม่มีอะไรที่น่าสนใจหรอก ก็แค่เรื่องงาน”
“ดิฉันอยากจะพูดเรื่องน้องดิน...”
“น้องดินที่น่าสงสาร” บัญชาหัวเราะขื่นๆ
“หมายความว่าอะไรคะ”
“ก็..หมายความตามนั้น แล้วลูกไปไหนล่ะ ไม่อยู่หรือ”
“หายไปแต่เที่ยงๆ ค่ะ สงสัยไปหาเพื่อน”
บัญชาหัวเราะ “ดีนะ บ้านนี้..เต็มไปด้วยความลับ เต็มไปด้วยเรื่องราว...ที่ใครทำอะไร..แล้วก็ไม่ต้องบอกใคร” บัญชาหัวเราะอีก “ก็ดีเหมือนกัน”
“ดิฉันไม่ได้ต้องการปิดบังเรื่องน้องดินมีเรื่อง..แต่อยากให้คุณหายเหนื่อยก่อน..ประการสำคัญ..น้องดินอาจจะใจร้อนไปบ้าง แต่อีกฝ่ายก็ผิดเหมือนกัน ที่อยู่ๆ ก็มาหึงหวงน้องดิน ทั้งๆ ที่น้องดินไม่ได้คิดอะไรออกนอกลู่นอกทางกับเด็กผู้หญิงคนนั้นซักหน่อย”
“อะไรนะ..นี่..ตกลงมันเป็นเรื่องชู้สาวเหรอ เด็กผู้หญิงคนนั้น..ใคร..เด็กผู้หญิงคนไหน?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะห้องดังขึ้น ดารากานต์มองไปที่ประตูอย่างขัดใจ
“อะไรกันเนี่ย..ผัวเมียเค้าจะคุยกัน...” บัญชาเดินไปเปิดประตู
บุรียืนทำหน้าเสงี่ยมอยู่
“มีอะไร บุรี”
“มีงานด่วนครับ นายหัว มาดามพิณ..อยากจะเชิญหายหัวไปดื่มน้ำชาเย็นนี้”
“มาดามพิณ…” บัญชาคุ้นหูชื่อนี้
“ผู้รับเหมาก่อสร้างจากหาดใหญ่ไงครับ ที่ตอนนี้มาประมูลงานแข่งเราบ่อยๆ”
“อ้อ”
“ผมคิดว่า...น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ เอ้อ...เชิญนายหญิงด้วยครับ” บุรีออกปากชวน
“จะไปพบกันเรื่องงานไม่ใช่เหรอ..ฉันขอตัว คุณสองคนพี่น้องไปด้วยกันน่าจะดีกว่า แล้วถ้าชวนน้องดินไปด้วยได้ก็น่าจะดีนะคะ เพราะลูกอยากจะเรียนงานกับนายหัวมาก นายหัวลองโทตามสิคะ ถ้าเป็นนายหัวโทตาม น้องดินคงอยากจะรับสายค่ะ” ดารากานต์บอก
บุรีแอบทำหน้าไม่ชอบใจ

ภายในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลขณะนั้น นางพยาบาลกำลังเปลี่ยนน้ำเกลือให้นายเด่น ที่นอนอมปรอทรอเวลา ดวงยิหวายืนดูอยู่ จังหวะหนึ่งพยาบาลปรับน้ำเกลือเสร็จ เอาปรอทจากปากไปดู
“ไม่มีไข้แล้วนะคะ วันนี้” นางพยาบาลบอกสองพ่อลูก
“ดีจังเลย” ดวงยิหวายิ้มแย้ม
“พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นมากค่ะ แล้วเมื่อกี๊..รับประทานอาหารได้ดีนะคะ
“ค่ะ..ก็..รับอาหารได้มากขึ้น” ดวงยิหวาดีใจ
“ดีค่ะ..อย่าลืมรับยาหลังอาหารนะคะ” นางพยาบาลยิ้มให้แล้วออกไป
จู่ๆ เกียรติบดินทร์ก็เดินสวนเข้ามา ในมือถือกระเช้าดอกไม้เยี่ยมไข้มาด้วย
ดวงยิหวาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “คุณดิน...”
เด่นหันมอง ทำหน้างงๆ “คุณดิน”
เกียรติบดินทร์ไหว้นายเด่น หันมามองหน้าดวงยิหวา แล้วพูดเสียงเบาพอได้ยินกันสองคน
“ดวงยิหวา ผมตามหาคุณทั้งวันเลยนะ กว่าจะรู้ว่าคุณมาอยู่ที่นี่”
“คุณมีธุระอะไร” ดวงยิหวาถามทันที
เกียรติบดินทร์ไม่ตอบ วางกระเช้าลงที่โต๊ะข้างๆเตียง แล้วเดินไปเกาะเตียงนายเด่น วางมาดและทำหน้าดูเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
“นายเด่น..ไม่ต้องห่วงงานนะ พักผ่อนให้เต็มที่ หายแล้วก็พักให้ร่างกายแข็งแรงดีเสียก่อน ไม่ต้องรีบไปไซด์งาน เพราะลูกสาวคุณ..ทำหน้าที่แทนคุณได้ดีมาก”
เด่น “ขอบคุณครับ คุณดิน คุณดินไม่น่าลำบาก อุตส่าห์มาถึงนี่..ผมจวนจะหายแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ นายหัวเป็นห่วงนายเด่น อยากจะมาเยี่ยมนายเด่นมาก แต่มีธุระต้องไปต่างจังหวัด เลยสั่งให้ผมมาดูอาการนายเด่นด้วยตาตัวเองให้ได้” เกียรติบดินทร์ว่า
“โธ่ เกรงใจคุณดินจริงๆ เลยครับ ฝากกราบนายหัวด้วย ว่าผมขอบพระคุณ” เด่นบอก
เกียรติบดินทร์ยิ้มเก๊กๆ “ไม่เป็นไรครับ นายเด่น ผมกับนายหัวยินดีมากครับ”
ดวงยิหวามองอย่างขวางๆ รู้ทัน เกียรติบดินทร์หันมาสบตา สีหน้ามีชัย

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/2
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ