อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/3 (จบตอนที่ 3)

{[['']]}
อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/3
ในตอนเย็นๆ บัญชาเดินลงมา ในขณะที่ดารากานต์ยังพยายามโทรศัพท์อยู่ รีบหันมาบอก
“น้องดินไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย ไม่ว่าเบอร์บ้าน เบอร์แม่” น้ำเสียงดารากานต์เป็นกังวล
“เบอร์พ่อก็ไม่รับ ช่างมัน ไหนว่าอยากเรียนงาน..คุณคงฝันไปละมั้งดารากานต์” บัญชาว่าลูกชาย แต่เหน็บภรรยาระหว่างนั้นบุรี เดินประคองทรายทอง ที่แต่งตัวสวยงาม พร้อมสำหรับไปงานค็อกเทล ลงบันไดมา
“น้องดินไม่ว่าง..พาน้องทรายไปแทนได้ไหมครับ นายหัว” บุรีบอก


บุญชายิ้มกว้างแล้วเอ่ยขึ้น “ทรายทองหลานลุง..โอ้โห แต่งตัวแบบนี้ดูเป็นสาวเต็มตัวทีเดียว ไปสิ ไปด้วยกันๆ”
“น้องทรายก็อยากเรียนรู้งานกับพ่อเหมือนกัน..ใช่ไหมลูก” บุรีหันมาทางลูกสาว
“ใช่ค่ะ ใครจะไปรู้ ทรายอาจจะเก่งกว่าพี่ดินก็ได้” ทรายทองว่า
“นั่นน่ะสิครับ ลูกๆหลานๆของพวกเรา..ต้องเก่งๆกันทั้งนั้นแหละ ไปๆๆ” บุรีพูดเอาใจพี่ชาย
บัญชา บุรี และทรายทองเดินออกไป ดารากานต์วางสายโทรศัพท์ลง มองตามอย่างปลงๆ บัวเดินเข้ามาสมทบ
“คุณบุรีคิดอะไรอยู่นะ อยากจะรู้นัก
“ฮื้อ..ป้าบัว..คุณบุรีก็คงอยากให้พี่ชายเค้าอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง..ก็เท่านั้นแหละป้า” ดารากานต์ตอบ
“เพราะคุณดินคนเดียว..ทำแต่เรื่อง..กว่าจะรู้ตัวอีกที..ตัวเองก็จะไม่เหลืออะไร” บัวทำหน้าเซ็ง
ดารากานต์มองป้าบัว สีหน้าไม่ชอบใจในคำพูดดังกล่าว

ดวงยิหวาเดินทำหน้าหนักใจมา โดยมีเกียรติบดินทร์ถือแก้วน้ำแดง 2 แก้วเดินตาม ทั้งคู่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล
“เป็นอะไร โกรธเหรอ ไม่พอใจเหรอ ที่ผมไปตั๊นหน้าแฟนคุณสลบ” เกียรติบดินทร์ทนไม่ไหว ถามขึ้นทันที
ดวงยิหวาถอนใจยาว “ปรีชาเค้าอาจจะไม่มีมารยาท แต่ที่คุณทำกะเค้ามันเกินไป โชคดีนะ ที่นายหญิงเคลียร์ได้ ไม่งั้น..ถ้ามีการฟ้องร้อง..คุณแพ้แน่ๆ”
“ผมไม่แคร์ที่จะเป็นคดีความอะไรหรอกนะ เรื่องทั้งหมดนี้..ผมห่วงอยู่อย่างเดียว”
“อะไร”
“ห่วง..ที่คุณยังจะคิดจะเป็นแฟนกะไอ้ขี้แพ้ต่อไป ทั้งๆ ที่มันห่วยแตกขนาดนั้นได้ไง”
“อ๋อ ชั้นควรทิ้งเค้าใช่ไหม ที่เค้าโดนลูกเศรษฐีชกสลบ แถมยังยัดเงินจนพ่อแม่เค้าพูดไม่ออก” ดวงยิหวาเยาะอยู่ในที
“คุณควรทิ้งผู้ชายกระจอก โง่ งี่เง่า ที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลยตะหาก” เกียรติบดินทร์พูดอย่างยะโส
“แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ”
“อย่านึกว่าตัวเองมีเงิน แล้วอยากได้อะไรต้องได้นะคุณดิน ในโลกนี้ มีอะไรมากมายนัก ที่เงินซื้อไม่ได้” ดวงยิหวาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมไม่เคยนึกอย่างนั้นเลย ดวงยิหวา ในชีวิตผม..ผมไม่เคยได้..สิ่งที่ผมอยากได้เลย..เงินไม่เคยซื้อสิ่งนั้นได้จริงๆ ผมรู้ดี..รู้ดีกว่าใครๆ ด้วยซ้ำ” เกียรติบดินทร์ระบายความในใจ
ดวงยิหวามองหน้า สบตา แล้วสะบัดเมิน เพราะไม่อาจทนดูสายตาฉายแววเจ็บปวดของเกียรติบดินทร์ได้
“คุณ..อย่ามา..ทำเป็น..เด็กมีปัญหาหน่อยเลย”
“ผมไม่ได้มีปัญหา แต่ผมชอบคุณ..คุณชอบผมบ้างได้ไหมล่ะ”
คำพูดยิงตรงของเกียรติบดินทร์ ทำเอาดวงยิหวาถึงกับอึ้งไป

เย็นวันนั้น มาดามพิณ นพชัย และชิงชัย มานั่งรอบัญชาอยู่ก่อนแล้วรอบโต๊ะกลมภายในห้องส่วนตัวของร้านอาหารจีน มีบริกรชายใส่หูกระต่ายคอยรินชาให้
ครู่ต่อมาบริกรอีกคนก็เดินนำบัญชา บุรี และทรายทองเข้ามาในห้อง นพชัยเห็นก่อน รีบนำชิงชัยลุกขึ้นต้อนรับ
ทุกคนไหว้ทักทายกันไปมา
“มาดามพิณ...ไม่ได้พบกันเลย...ได้แต่เจอคุณนพชัย เวลาไปประมูลงานแข่งขันกันตลอด” บัญชาเย้าเล่น
“นั่นสิ คุณคงเบื่อหน้าผมไม่น้อย นายหัวบัญชา” นพชัยสัพยอก
“นายหัวบัญชายังดูแข็งแรงดีนะคะ ได้ข่าวว่าลูกชายเป็นหนุ่มแล้ว เสียดาย อยากเจอนายหญิงดารากานต์ ดิฉันเคยพบตอนเธอสาวๆ เป็นคนสวยที่สุดคนหนึ่งของจังหวัด” มาดามพิณถามถึงดารากานต์
“ดารากานต์ไม่เคยออกงานธุรกิจครับ ส่วนเกียรติบดินทร์ก็เอาแต่ซ้อมกีฬา ผมเลยต้องควงลูกสาวบุญธรรมมาแทน ทรายทอง..สวัสดีมาดามพิณกับสามีสิลูก..ส่วนบุรี น้องชายผม พ่อจริงๆของทรายทองเค้า พวกคุณคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว” บัญชาว่า
“สวยจริงๆ...หนูทรายทอง เห็นทีแรกนึกว่านายหัวพากิ๊กมาเสียอีก” มาดามพิณหัวเราะชอบใจพร้อมกับแนะนำลูกชาย “ส่วนนี่ ชิงชัย ลูกชายคนเดียวของดิฉันค่ะ”
“ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกๆท่านด้วยนะครับ” ชิงชัยประจบประแจงเต็มที่ และส่งสายตามองไปยังทรายทองอย่างหวานเยิ้ม
บัญชา บุรี ยิ้มรับ แต่ทรายทองกลับเมิน แถมเชิดใส่
“มาดามพิณนัดพบกันคราวนี้ ท่าทางจะมีอะไรดีๆ” บุรีว่า
“อ๋อ ค่ะ..ดิฉันอยากจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้ทุกคนรู้จัก...เขาจะมาเป็นพาร์ทเนอร์ของพี.เอนเตอไพร้ซ์ เราจะขยายบริษัทให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เป็นระดับอินเตอร์ และตั้งใจจะรับงานระดับภูมิภาคต่อไป ไม่ใช่แค่ระดับประเทศเท่านั้น” มาดามพิณบอก
“อ้อ ครับ” บัญชาพยักหน้า
“ดิฉันอยากจะให้พวกเราทุกคนที่ทำธุรกิจนี้และอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ได้รวมตัวกันไว้ เพื่อจะได้แข่งขันกับพวกบริษัทใหญ่จากภูมิภาคอื่น ประเทศอาเซี่ยน ควรจะใช้บริการของอาเซี่ยนด้วยกันเท่านั้น
“หมายความว่า..มาดามกำลังจะแนะนำชาวต่างชาติประเทศไหนมาให้เรารู้จักหรือครับ นี่เราคงต้องฟุดฟิดฟอไฟกันเมื่อยเลยสิ” บุรีเอ่ยถามแกมเย้า
“เขาพูดไทยได้ค่ะ เขาชอบประเทศไทยมาก..เขามาเมืองไทยกับครอบครัวทุกปีค่ะ” มาดามพิณยิ้มๆ
“ชาวมาเลย์หรือครับ” บัญชาถาม
“สิงคโปร์ครับ ชาวจีน..ที่ปัจจุบันเป็นพลเมืองสิงคโปร์” นพชัยบอก
ประตูห้องเปิดออก บริกรเดินนำเข้ามา
“เชิญครับผม” บริกรพูดเสียงสุภาพอาการนอบน้อม
ทุกคนหันไป เห็นปีเตอร์ กับเทเรซ่าเดินเข้ามา ปีเตอร์ยังหล่อเท่ และดูดี ส่วนเทเรซ่าสวยงามดุจนางฟ้าที่ดูสูงส่งเหนือจริง ทรายทอง มองความงามเทเรซ่าถึงกับหน้าซีด ชิงชัยเองก็ตะลึง
บัญชา บุรี มองปีเตอร์อย่างสนใจและทึ่งๆ
“มิสเตอร์โจว กับมิสโจว ลูกสาวค่ะ มิสเตอร์โจวคะ..นี่คุณบัญชา กับลูกสาวบุญธรรม และคุณบุรี น้องชายค่ะ” มาดามพิณแนะนำเป็นทางการ
ทุกคนจับมือกันไปมา บัญชากับปีเตอร์ บีบมือกันแรงๆ อย่างเป็นมิตร ทั้งคู่สบตากันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส และเปิดเผย

เช้าวันต่อมาเกียรติบดินทร์กำลังก้มๆ เงยๆ ดูหน้าหม้อรถสปอร์ตคันงามของตัวเอง เช็คนั่นนี่แบบเพลินๆ บัญชาเดินมาข้างหลัง ถามลูกชายขึ้น
“จะออกไปไหนอีกล่ะ ดิน”
เกียรติบดินทร์หันมายิ้มให้ “เปล่าครับ..แต่ถ้านายหัวจะไปไซด์งาน..ผมจะไปด้วย”
“ไปกับพ่อน่ะ ดินไม่มีสิทธิ์จะไปต่อยตีกะใครตามใจชอบได้หรอกนะ บอกไว้ซะก่อน” บัญชาเย้าลูกชาย
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วทำท่าเซ็ง “ใครฟ้องอะไรนายหัวว่ายังไงล่ะ แม่เหรอ”
บัญชา “แม่หรือ..เขาจะอยากทำให้ดินโดนด่า เขามีแต่จะช่วยปิดบัง เขาตามใจดินจนดินจะกลายเป็นโจรอยู่แล้วดินยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
บัญชาพูดเสียงจริงจัง ทว่าเกียรติบดินทร์กลับหัวเราะเยาะๆ
“เขาไม่ได้ตามใจผมหรอก..เขาไม่อยากแตะต้องผมตังหากล่ะ”
บัญชาอึ้งไป จังหวะนั้นสองพ่อกับลูกหันมามองหน้ากัน
“ถ้าดินอยากลองเรียนรู้งาน...พ่อว่า..ดินไม่เหมาะกับการไปตรากตรำที่ไซด์งานหรอก งานพวกนั้นปล่อยอาบุรีเขาดูแลน่ะ ดีแล้ว..ดินสนใจอยากจะ...ช่วยพ่อประสานงานกับ...ชาวต่างชาติไหมล่ะ” บัญชาออกไอเดีย
“ชาวต่างชาติ..ฝรั่งหรือครับ” เกียรติบดินทร์สนใจขึ้นมา
“สิงคโปร์...พ่ออาจจะ...ลองคบกับพันธมิตร เป็นบริษัทก่อสร้างจากสิงคโปร์ ตอนนี้เรากำลังเริ่มๆ คุยกัน ว่าจะทำอะไรร่วมกันยังไงได้บ้าง” บัญชาเล่า
เกียรติบดินทร์หน้าตาสดใสขึ้น “ก็ดีสิครับ”
“ดี..งั้นคราวหน้าที่นัดเจอกัน พ่อจะพาลูกไปด้วย ขอกระซิบนิดนึงนะ..ว่าพันธมิตรคนนี้..มีลูกสาวสวยมาก…”
พ่อลูกหัวเราะให้กัน
“โธ่..นายหัวครับ..เห็นผมเป็นพวกบ้าผู้หญิงไปได้” เกียรติบดินทร์โอด
ทันใดนั้น ดารากานต์วิ่งเข้ามา มีป้าบัวเดินกึ่งวิ่งตาม หน้าตาตกใจ เสียใจ ร้อนรนเต็มที่
“นายหัวๆ น้องดิน..อากง..อากง..เสียแล้ว” ดารากานต์พยายามจะควบคุมสติ แต่แล้วก็อดไม่ไหว ร้องไห้โฮออกมา
“ดารากานต์..ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดค่อยๆจา..อาป๊าเป็นอะไร” บัญชาปลอบ
“อาป๊า..อาป๊าหัวใจวายค่ะ..บ่นเหนื่อย ขอไปนอนพัก..แล้วก็หลับไปเลยค่ะ” ดารากานต์น้ำตาไหลพราก
“ตอนนี้อาม้าทำอะไรไม่ถูก เป็นลมแล้วเป็นลมอีกค่ะ นายหัว..ฮือๆๆ” ป้าบัวว่า
บัญชาจับมือดารากานต์มาโอบไว้ให้กำลังใจ “ทำใจดีๆ..ดารากานต์”
เกียรติบดินทร์พลอยเข้ามา กอดแม่ไว้ด้วย

ศพโกเม้งนอนคลุมผ้าถึงอก รอการบรรจุลงโลง มีกระถางธูปจุดไว้ มีพระวางเป็นประธานตามธรรมเนียมชาวพุทธ คุณนายดาวนั่งร้องไห้ โดยมีป้าบัวดูแลอยู่ไม่ห่าง ญาติๆ ช่วยกันจัดที่ทาง ช่วยกันยกโต๊ะ และตู้บางชิ้นออกไป เคลียร์พื้นที่
ดารากานต์ กำลังกระซิบหารือบัญชา
“อาม้าอยากให้เราจัดงานที่ห้องข้างหน้าค่ะ ฉันอยากให้เอาไปที่วัด แต่พูดยังไงๆ อาม้าก็ไม่ยอม นายหัวช่วยพูดที” สีหน้าดารากานต์เป็นกังวล
“ไม่เป็นไรๆ จัดที่บ้านก็ได้ ยังไง...เดี๋ยวผมจะสั่งให้คนไปเอาเต๊นท์มากางในสนาม เพราะคนคงมาเยอะจนห้องรับแขกรับไม่ไหวแน่ๆ” บัญชาว่า
“แล้วแบบนี้อาม้าก็ต้องเหนื่อยสิคะ แทนที่จะจ้างให้ทางวัดรับไป จะกลายเป็นว่า..ตัวอาม้าเองจะต้องลุกมาทำทุกอย่างทั้งวันทั้งคืน..ชั้นรู้จักอาม้าดี”
“เราก็อย่าให้แกทำ แกทำไม่ไหวหรอก เดี๋ยวเราก็เรียกพวกแคเธอริ่งมาเลย พวกมืออาชีพ แล้วคุณก็คอยควบคุม อย่าให้อาม้ามายุ่ง เดี๋ยวให้ทรายกับดินคอยประกบ ดีไหม”
“ค่ะๆ” ดารากานต์รับคำอย่างโล่งใจ
คุณนายดาวสูดยาลมพลาง มองหารอบๆ แล้วเอ่ยขึ้น “รูปล่ะ..รูป..รูปอาป๊าล่ะ ดารากานต์”
“รูป..รูป..เอารูปไหนดีคะ” ดารากานต์หันไปถามบัญชา
ทรายทองหยิบรูปถ่ายครึ่งตัวที่แขวนอยู่ข้างฝามา
“รูปนี้ไงคะนายหญิง..ดีไหมคะ อาม่า รูปอากงล่าสุด ที่ไปเที่ยวเมืองนอก”
“ไม่เอาๆ รูปนั้นแก่แล้ว เอารูปหนุ่มๆ...ดารากานต์..ไปหารูปอาป๊า...หนุ่มๆ หล่อๆ..อยู่ในห้องนั้น เอาในอัลบั้มเก่าๆ มาอัดขยายก็ได้ เดี๋ยวนี้เค้าใช้คอมพิวเตอร์ทำกันแป๊บเดียวเองไม่ใช่เหรอ” คุณนายดาวสั่ง
ดารากานต์หมุนไปหมุนมาอย่างคนวิตกจริต
“ทรายทอง...ไปหารูปอากงหนุ่มๆ ในห้องนั้นไป พวกอัลบั้มรูปถ่ายอยู่ในตู้โชว์ทั้งหมด แล้วเอามาให้อาม้าเลือกหน่อยลูก..น้องดิน..ช่วยแม่หน่อย..พาแม่ไปวัดที..แม่ต้องไปหารือกับพระที่วัดเอง...” ดารากานต์หันมาหาบัญชา “คุณช่วยดูเรื่องสถานที่สำหรับงานวันนี้ทีนะคะ ต้องจัดเตรียมอะไรสำหรับแขกเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันมาค่ะ แล้ว...เรื่องดอกไม้..กับโลงศพ...”
“แม่..ใจเย็นๆ ครับ..ทำทีละอย่างนะแม่..เดี๋ยวนายหัวก็จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยครับ” เกียรติบดินทร์เอ่ยขึ้น
ดารากานต์มองเกียรติบดินทร์ จับมือลูกมาบีบ “ขอบใจ ดิน..ขอบใจ...”
เกียรติบดินทร์หันมายิ้มกับพ่อ ส่ายหน้าขำแม่นิดๆ บัญชาพยักหน้าให้ เป็นเชิงว่าให้ดูแลแม่ดีๆ
ดารากานต์ดึงลูกชายออกไปอย่างรีบร้อน

ภายในห้องหนังสือของบ้านคุณนายดาว มีตู้หนังสือ ตู้โชว์เก็บรูปถ่าย และอัลบั้มรูปต่างๆ มากมาย ทรายทองเลือกดูรูปโกเม้งที่ใส่กรอบไว้ วางเรียงขนาดต่างๆ ภายในห้องแล้วบ่นพึมพำ
“ว้า..ไม่เห็นมีรูปหนุ่มเลย..มีแต่รูปแก่ๆ นึกไม่ออกเลย...ว่าอากงเคยเป็นหนุ่มกะเค้าด้วย”
ทรายทองเกาหัว ตัดสินใจเปิดตู้ เอาอัลบั้มต่างๆ มาเปิดหา แต่แล้วก็อัลบั้มเล็กบรรจุภาพไซส์จัมโบ้ หล่นปุลงมา3-4 เล่ม
“โอ๊ย..บ้านนี้รูปเยอะจริงๆ เลย” ทรายลองรีบเปิดดู
เล่มแรก คือรูปดารากานต์ในชุดนักเรียน กับเพื่อนๆ รูปที่เป็นการแสดงในฐานะดาราของโรงเรียนเต็มไปหมด
“ว้าว..นายหญิงตอนสาวๆ นี่ป๊อปชะมัด”
ทรายทองเปิดอีกเล่ม แล้วชะงักอ้าปากค้าง
“ฮ้า..นี่มัน..โอ้โห..เปรี้ยวที่สุดในสามโลก” ทรายทองตื่นเต้น
ในนั้น เป็นภาพชุดการเที่ยวทะเลล่องเรือของครอบครัวปีเตอร์กับครอบครัวดารากานต์ล้วนๆ รูปภาพดารากานต์ที่ถ่ายบนเรือและอยู่ในชุดเที่ยวทะเลเก๋ไก๋อีกหลายรูป
ทรายทองพลิกดูรูปถ่ายมาถึงรูปคู่ในชุดลำลองของดารากานต์กับปีเตอร์ ทั้งแบบครึ่งตัว และแบบโคลสอัพใกล้ๆ 4-5 ภาพ ซึ่งปีเตอร์ในภาพนั้น ดูคล้ายกับฟ้ากระจ่างในเวลานี้เอามากๆ
“ผู้ชายคนนี้ใครเนี่ย..หล่อยังกะดาราหนังจีน..ไม่ใช่นายหัวซะด้วยสิ” ทรายทองงง
จังหวะนั้นบัญชาเดินเข้ามาพอดี
“ทราย..ทำไมนานจัง ไม่เจอเลยสักรูปหรือลูก..อากงตอนหนุ่มๆน่ะ อาม้าโวยวายใหญ่แล้วนะ”
ทรายทองสะดุ้ง มีพิรุธ พยายามจะปิดบังรูปพวกนั้น
“อะไรน่ะ..มีอะไร” บัญชาถามขึ้น
“เอ้อ..ไม่..ไม่มีค่ะ” ทรายทองปฏิเสธ
เห็นทรายทองปฏิเสธ บัญชายิ่งอยากรู้ “อะไร..เอาอะไรไปซ่อนน่ะ หา”
บัญชาเข้ามา แล้วดึงมือทรายทองที่เอาหลบไว้ด้านหลัง ดึงรูปพวกนั้นมาทั้งหมด บัญชาพลิกดูเหล่ารูปนั้น ทีละใบๆ แล้วนิ่งงัน สายตาของบัญชา เพ่งพินิจที่รูปพวกนั้น
ภาพปีเตอร์ปัจจุบัน ตั้งแต่แว่บแรกที่เจอกัน ตอนจับมือกัน ใบหน้าปีเตอร์ ที่ยิ้มกว้างเปิดเผย จังหวะหนึ่งบัญชาดูรูปปีเตอร์สมัยเป็นหนุ่มที่ถ่ายคู่ดารากานต์เขม็ง
ขณะที่กำลังเพ่งมอง ดวงตา และรอยยิ้มของปีเตอร์ บัญชาเบิกตากว้าง ภาพของฟ้ากระจ่าง ทั้งที่เป็นภาพนิ่ง ที่นักสืบเคยให้ดู ลอยเข้ามาในหัวของบัญชา พร้อมกับคำพูดสำทับของนักสืบ
“ฟ้ากระจ่าง แซ่ลี้ หรืออาจ้าง”
เสียงนั้น ดังซ้ำๆๆ ก้องในใจของบัญชา
บัญชาปะติดปะต่อเรื่องราว และเข้าใจทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่ง
ใบหน้าของฟ้ากระจ่าง เมื่อครั้งที่บัญชาได้ไปเจอมาด้วยตัวเอง แจ่มชัดในห้วงคำนึงนั้นพร้อมกับเสียงของนักสืบ
“ฟ้ากระจ่าง แซ่ลี้ หรืออาจ้าง”

สีหน้าของบัญชาค่อยๆ เปลี่ยนจากเย็นชา เป็นดุดันเหี้ยมโหด!!

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3/3 (จบตอนที่ 3)
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ