อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3

{[['']]}
อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3
บุคลิกและท่วงท่าของดวงยิหวาขณะที่เดินนำหน้าไปในระหว่างการตรวจงาน แมนไม่แพ้ชายอกสามศอก เกียรติบดินทร์เดินตามหลังมา มองดวงยิหวาด้วยสีหน้าแววตาทึ่งเอามากๆ
“นายดวง...มีแผ่นคอนกรีตงวดใหม่มันบิ่นๆตรงขอบหลายแผ่นเลย เอาไงดีครับ” คนงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“บิ่นขนาดไหน” ดวงยิหวาถามหน้าเคร่ง
“มาดูสิครับ”

คนงานบอกแล้วเดินนำ
ดวงยิหวาหันมาสบตาเกียรติบดินทร์ ทำสีหน้าประมาณ ให้ตามมาดูด้วยกันสิ
ดวงยิหวาเข้าไปตรวจกองผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจำนวนหนึ่ง วางซ้อนๆ กันอยู่ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูป ก่อนจะกดส่งเป็น mms ให้ใครบางคน แล้วหันไปถามคนงานที่พามา


“ที่บอกว่ามันบิ่นหลายแผ่น..คือกี่แผ่นกันแน่” ดวงยิหวาถามอีก
“ยังไม่ได้นับครับ แต่เท่าที่ดูๆ..ก็มากกว่า 30 แผ่น” คนงานบอก
“ไปนับมาให้แน่ จะได้บอกให้นายทิวรับผิดชอบ” ดวงยิหวาสั่งคนงาน
“ใครคือนายทิว” เกียรติบดินทร์อยากรู้เรื่องราวขึ้นมา
“คนเช็คของๆเรานี่แหละ” ดวงยิหวาหันมาตอบ
“แล้วแผ่นผนังคอนกรีตพวกนี้..พวกเธอหล่อกันอยู่ตรงไหนล่ะ” เกียรติบดินทร์มองหา “ทำไมไม่ไปดู ว่าหล่อกันยังไง ให้ของชำรุดขนาดนี้”
ดวงยิหวามองหน้าเกียรติบดินทร์สีหน้าแปลกใจ
“สมัยนี้เค้าไม่มาทำแบบ เทปูน หล่อปูนกันตรงนี้แล้วคุ้ณ..เค้าทำสำเร็จรูปมาจากโรงงาน มาถึงก็มาประกอบๆเลย ชั้นถึงจะให้นายทิวดู ว่าก่อนจะรับของมา ทำไมไม่เช็คให้ดีก่อน หรือว่าของมันเพิ่งมาชำรุดเพราะพวกเราเอง ในขั้นตอนขนส่ง หรือขั้นตอนไหน”
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วถึงกับอึ้ง รู้สึกเก้อและเสียหน้าอย่างแรง

ช่วงเย็นวันนั้นหลังเสร็จงานดวงยิหวาเดินเข้ามาในร้านกาแฟริมทาง ถอดหมวก ถอดแว่น ถอดเสื้อแขนยาวที่คลุมตัวมิดชิดออก เกียรติบดินทร์ตามมาติดๆ เหงื่อออกพลั่กๆ ต้องเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ด
“โอเลี้ยงแก้วนึง...” ดวงยิหวาสั่งคนขายอย่างคุ้นเคยแล้วหันมาทางเกียรติบดินทร์ “คุณเกียรติบดินทร์ดื่มอะไรดีคะ”
เกียรติบดินทร์หันไปบอกคนขาย “ผมขอโค้กกระป๋อง เอาเย็นๆที่สุด..น้ำแข็งไม่ต้อง” แล้วหันมาหาดวงยิหวา “ผมชื่อเล่นชื่อดิน ไม่ต้องเรียกเต็มยศนักหรอก”

ดวงยิหวาหันมาเห็นหน้าเกียรติบดินทร์เต็มๆ ก็หัวเราะอย่างเปิดเผยพร้อมกับสัพยอก
“คุณดิน..ไหวมั้ยเนี่ย..หน้าแดงยังกับกุ้งปิ้ง…กลับไปคุณตัวไหม้ลอกเป็นแผ่นๆ แน่ๆ”
“ผมไม่ผิวบางขนาดนั้นหรอก” เกียรติบดินทร์ว่า
จังหวะนั้นดวงยิหวาควักครีมกันแดดออกมาบีบ แล้วละเลงหน้าตัวเองพรืดๆๆ ต่อหน้าเกียรติบดินทร์และลูกค้าในร้าน
“ก็ดี งั้นคุณคงไม่ต้องการครีมกันแดด”
เกียรติบดินทร์มอง อึ้ง และทึ่งหญิงสาวอีกครั้ง
“คุณสนใจเรื่องสวยๆ งามๆ ด้วยเหรอ
“ชั้นไม่อยากเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือกระฝ้าหรืออะไรทั้งนั้น” ดวงยิหวาบอก
เกียรติบดินทร์มองแล้วยิ้มๆ อ้อมแอ้มออกมา “งั้นขอผมบ้างสิ”
ดวงยิหวาส่งให้พลางว่า “อย่าใช้เปลืองนะ ของแพง”
เกียรติบดินทร์บีบพรืด “แล้วผมจะซื้อมาใช้ซักโหล” แล้วทาพรืดบนใบหน้า
พอดีคนขายเอาเครื่องดื่มมาวาง เกียรติบดินทร์หันไป หยิบโค้กมาดื่ม โดยยังมีครีมติดจมูกเป็นปื้น
ดวงยิหวาหยิบแก้วโอเลี้ยงมาดื่มข แล้วหันมา “ฝากคุณดินขอบพระคุณนายหัวด้วยนะคะ...ที่ส่งกระเช้าให้พ่อ” ครั้นพอมองเห็นหน้าเกียรติบดินทร์ที่ยังมีครีมเลอะอยู่ ดวงยิหวาอดขมวดคิ้วอย่างขัดใจขึ้นมาไม่ได้
เกียรติบดินทร์เห็นสายตา ก็ทำหน้างง เป็นเชิงคำถาม ว่ามีอะไร ดวงยิหวาใช้มือชี้ที่จมูกตัวเอง เป็นทำนองบอกใบ้ให้เช็ดๆ ครีมตรงนี้ เกียรติบดินทร์มองๆ แล้วเอานิ้วถูๆ แถวจมูกตน แต่เช็ดไม่หมด ดวงยิหวาไม่ทันคิด ใจร้อน และลืมตัว ยื่นมือไปเช็ดครีมเกลี่ยให้
“ขอโทษนะคะ”
เกียรติบดินทร์ชะงักนิดๆ ดวงยิหวาไม่ได้มองสายตาเกียรติบดินทร์ สนใจแค่ครีมที่เลอะอยู่
ระหว่างนั้นปรีชา เดินเข้ามา เห็นภาพนั้นพอดี ปรีชาชะงัก แล้วเดินพุ่งตรงมา
“ทำอะไรน่ะ ดวง” น้ำเสียงปรีชาไม่พอใจ
ดวงยิหวาหันมาเห็น ก็งงๆ
“อ้าว ปรีชา..ไหนว่าจะมาเย็นๆ ไง ว่างเหรอ”
ปรีชาไม่สนใจที่ดวงยิหวาถาม พยักหน้ามาที่เกียรติบดินทร์ “นี่ใคร??”
“อะไรของเธอ” ดวงยิหวาฉุน
“ชั้นถามเธอ..ว่านี่ใคร” ปรีชากระชากเสียงเหมือนจะเอาเรื่อง
เกียรติบดินทร์ลุกพรวดเอาเรื่องพอกัน “แล้วมึงอ่ะ ใคร”
ดวงยิหวาเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าขวาง “คุณดินคะ ขอโทษนะคะ ใจเย็นๆ นะคะคือ…”
ปรีชาผลักไหล่ดวงอย่างไม่พอใจ
“ดวงทำแบบนี้หมายความว่าไง”
“ปรีชา หยุดนะ!!” ดวงยิหวาตวาดขึ้น
“ดวงก็ตอบมาสิ” ปรีชาตะคอกกลับ
“เยอะไปแล้ว ไอ้เศษสวะ”
เกียรติบดินทร์โดดชกกลางหน้าปรีชา หมัดเข้าปากครึ่งจมูกครึ่ง ดวงยิหวาร้องกรี๊ด คนในร้านตกใจร้องฮือฮา
ร่างปรีชาร่วงลงไปกองกับพื้น นิ่งสนิท

บัญชาเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว ตัดสินใจเดินทางมายังศาลเจ้าแห่งนั้นด้วยตัวเอง หลังจากได้ที่อยู่มาจากนายวัง และเวลานี้รถลีมูซีนที่บัญชาจ้างมาจากสนามบินของจังหวัด กำลังแล่นมาตามถนนนอกเมืองทางเหนือ
“เดี๋ยวข้ามสะพานข้างหน้าแล้ว ต้องเลี้ยวเส้นเข้าเมืองครับ ศาลเจ้าอยู่ถนนสายเลียบแม่น้ำ” คนขับบอกบัญชา
“อีกไม่ไกลแล้วใช่ไหม”
“ครับผม” คนขับรับคำ
“ดี...ส่งผมลงที่ศาลเจ้า แล้วคุณกลับไปได้เลย” บัญชาบอก
รถกำลังจะขึ้นสะพาน ทันใด มอเตอร์ไซค์คันนึงก็ออกจากซอยพุ่งตัดหน้ามา
“เฮ้ย” คนขับตกใจ
“ระวัง” บัญชาร้องขึ้น
คนขับหักรถหลบ
ทันใดนั้น รถเสียหลัก พุ่งลงข้างทาง แล้วกลิ้งคว่ำหงายฝุ่นตลบคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

พอควันจาง เห็นสภาพในรถ บัญชานอนนิ่ง สักพักกระพริบตา รวบรวมสติ ขยับตัว แล้วพยายามจะเปิดออก ทว่าประตูรถติดแน่นเปิดไม่ได้
บัญชากลับตัว หันมาใช้เท้าถีบประตู แต่ประตูติดแน่น ไม่ยอมขยับ ทันใดนั้น ก็มีเสียงคนขับครางเบาๆ บัญชาหันไปมอง
“ช่วยด้วยๆๆ”
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน” บัญชาถาม
“ขาผม..สงสัย..ขาจะหัก” คนขับรถบอกเสียงสั่น
บัญชาพยายามมุดไปที่ประตูอีกด้าน พยายามเปิด ปรากฏว่าประตูติด เปิดไม่ได้อีก

ค่ำวันนั้นดารากานต์พยายามติดต่อบัญชาทางโทรศัพท์ มือถือ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ในที่สุดก็กดสาย
“สงสัยโทรศัพท์นายหัวจะแบ็ตหมด เพราะปกตินายหัวไม่เคยปิดเครื่อง แล้วนายหัวไปไหนก็ไม่ทราบ ไม่สั่งอะไรใครซักอย่าง ถามที่ไหนก็ไม่มีใครตอบได้” ดารากานต์พึมพำ
“เอาไงดี ฝ่ายโน้นเค้าไม่ยอม คุณดินล่อซะลูกเขาจมูกหัก แก้มแตก สลบยังไม่ฟื้นอยู่นี่” บุรีเอ่ยอย่างกังวล
“คุณพระคุณเจ้า ทำไมคุณดินต้องรุนแรงขนาดนี้ด้วย คุณบุรี!! ทำไมไม่ดูแลคุณดินให้ดี” บัวแว้ดใส่บุรี
“ป้าบัว...คุณดินของคุณน่ะ มีเมียได้แล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่เด็ก 5 ขวบ ในเมื่อเค้ายืนยันจะไปเรียนรู้งานกิจการของครอบครัว จะให้ผมขัดขวางเหรอไง” บุรีโมโหขึ้นมา
“เอาเถอะค่ะๆ สรุปว่า น้องดินอยู่ที่สถานีตำรวจไหนคะ นายหัวไม่อยู่ ฉันก็คงจะต้องไปประกันตัวลูกเอง ฉันต้องเตรียมอะไรไปบ้างล่ะคะ คุณบุรี” น้ำเสียงของดารากานต์ร้อนรน

คนขับรถเอาแต่ร้องโอดโอยครวญครางไม่ยอมหยุดปาก
“โอย..ฮือๆๆๆ ปวดๆๆ เจ็บ..เจ็บมากๆ เลย...ผมต้องตายแน่ๆๆ”
“ใจเย็นๆ น่า..เดี๋ยวต้องมีคนมาช่วยสิ” บัญชาปลอบพยายามสงบจิตใจ
“มาช่วยหรือมาปล้นซ้ำก็ไม่รู้ พวกบ้านนอกไว้ใจได้ที่ไหน ฮือๆๆๆ”
ทันใดนั้น เสียงสัญญาหวอ ก็ดังใกล้เข้ามาๆ
“พวกกู้ชีพ...พวกมูลนิธิอะไรซักอย่างมาแล้ว ทำใจดีๆ ไว้นะ โชเฟอร์” บัญชาบอก
รถของมูลนิธิมาเบรกจอดเทียบข้าง ฟ้ากระจ่างและเพื่อนๆ กระโดดลงมาจากรถอย่างทะมัดทะแมง
บัญชารีบเคาะกระจกตะโกนขึ้นมา
“ช่วยด้วยครับ ออกไม่ได้ครับ”
ฟ้ากระจ่างรีบตรงเข้ามาดูพลางถาม “มีใครเป็นอะไรสาหัสไหมครับ”
“รีบเปิดให้หน่อยครับ คนขับ..สงสัยจะขาหัก” ครั้นพอบัญชาหันไปเห็นหน้าฟ้ากระจ่างถนัด ก็ถึงกับชะงัก
ฟ้ากระจ่างไม่ทันสังเกต เพราะจดจ่ออยู่กับช่วยคน พยายามเปิดประตูรถ พอบานแรกเปิดไม่ได้ ก็วิ่งไปเปิดรอบคัน
“ประตูเปิดไม่ได้” ฟ้ากระจ่างตะโกนบอก
เพื่อนๆ หันไปคว้าอุปกรณ์ มาส่งให้ ไวเท่าความคิดฟ้ากระจ่างตัดสินใจทุบกระจก แล้วช่วยกันง้างประตูออก บัญชา อึ้ง ตะลึง เอาแต่มองหน้าฟ้ากระจ่างตลอดเวลา
ปักเป้า หมีใหญ่ ช่วยกัน แบกคนขับวางลงเปล ฟ้ากระจ่างกับสมหมายช่วยกันประคองบัญชาออกมา
บัญชามองหน้าฟ้ากระจ่างอย่างไม่วางตา อีกฝ่ายยิ้มให้ซื่อๆ
“ยังไง คุณก็ต้องไปโรงพยาบาลก่อนครับ..เวลานี้คุณอาจจะยังไม่รู้สึกเจ็บตรงไหน แต่สักพัก อาจจะมีอาการเคล็ดยอก ช้ำบวมก็ได้ เออ..คุณอยากจะติดต่อส่งข่าวทางบ้านไหมครับ”

เกียรติบดินทร์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะสารวัตรร้อยเวร ลุกขึ้น เมื่อดารากานต์และบุรีเดินเข้ามา เกียรติบดินทร์มองหาบัญชา
“พ่อล่ะ”
“นายหัวไม่อยู่ครับ” บุรีตอบ
ดารากานต์ “คุณสารวัตรคะ..ดิฉันมาประกันนายเกียรติบดินทร์ค่ะ” ดารากานต์เอ่ยขึ้น
“พ่อไปไหน ทำไมอาบุรีต้องรบกวนแม่” เกียรติบดินทร์ฉุนๆ
สารวัตร “ขอเอกสารของคุณด้วยครับ” สารวัตรพูดกับดารกานต์
ดารากานต์ยื่นทั้งซอง ส่งให้ พอดีประตูห้องเปิด พวกญาติของปรีชาเข้ามา
“ไม่ยอมนะ คุณสารวัตร ผมไม่ยอม พวกคนรวยจะรังแกคนจนแล้วเอาเงินมาฟาดหัวเหรอ” ญาติที่เป็นผู้ชายโวยวายขึ้นมา
“อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลสิคะ คุณตำรวจ ปรีชามันเกือบตายนะ ลูกนายหัวพยายามฆ่าหลานชั้นชัดๆ แล้วผู้ต้องหาก็มีทั้งอิทธิพล ทั้งอำนาจ ทั้งเงิน จะให้ประกันไปง่ายๆแบบนี้เหรอ” ญาติที่เป็นผู้หญิงผสมโรง
“เอ้าๆๆ เจ๊...เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วเจ๊ นี่มันแค่คดีทะเลาะวิวาทเองนะ” บุรีโวยขึ้นมา
“ใช่ครับ นี่คือคดีทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายครับ” สารวัตรเจ้าของคดีบอก
“อ้าวๆๆ แบบนี้คุณตำรวจอยู่ข้างคนผิดนี่..หลานชายผมยังไม่ฟื้นเลยนะ ป่านนี้ นี่มันคดีพยายามฆ่า โดยไตร่ตรองไว้ก่อนตะหากเล่า” ญาติผู้ชายโวยวายกลับ
“ไอ้พวกสถุนนี่มันมั่วแล้ว ไอ้กระจอกนั่นมันไม่สำคัญถึงกับที่ผมจะสนใจอยากฆ่าแม้แต่น้อย ผมเพิ่งเคยเห็นมันครั้งแรก ก่อนชกหน้ามันไม่ถึง 2 นาทีด้วยซ้ำ” เกียรติบดินทร์โมโห
“ใจเย็นๆ ดิน...ลูกไม่ต้องพูดอะไรนะจ๊ะ” ดารากานต์ปรามอย่างสุภาพ
“ผมจะพูด เพราะผมไม่ผิด ก็เหมือนเราเดินๆไป แล้วอยู่ๆก็มีหมาบ้าพุ่งเข้ามาจะกัด เราก็ต้องเตะมันซะก่อนเพื่อป้องกันตัว” เกียรติบดินทร์โวยใส่
“มันด่าหลานผมเป็นหมา คุณตำรวจเห็นไหม ว่ามันอาฆาตมาดร้ายหลานผม มันไม่ได้ป้องกันตัว มันจะฆ่าหลานผมเพราะมันคิดจะแย่งแฟนหลานผม” ญาติผู้ชายบอก
“อะไรนะ..ดวงน่ะเหรอ เป็นแฟนไอ้นั่น” เกียรติบดินทร์งง
“นั่นไงๆๆ มันมาติดพันดวง...ถึงคิดจะฆ่าไอ้ปรีชา” ญาติผู้หญิงโวยลั่น
“ใส่ร้ายป้ายสีกูชัดๆ ไอ้พวกชั่ว” เกียรติบดินทร์จะโดดใส่
ดารากานติ์เข้าขวาง กอดลูกไว้ “น้องดิน หยุดเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยผม แม่ มาจับไว้ทำไม ปล่อย” เกียรติบดินทร์โวยไม่หยุด
“น้องดิน..พอได้แล้ว เลิกเป็นเด็กเอาแต่อารมณ์ซะที” ดารากานต์สุดจะทน
“แม่ไม่รู้อะไรก็อย่ามายุ่ง แม่จะไปไหนก็ไป ไป๊” เกียรติบดินทร์ไล่ผู้เป็นแม่
“น้องดิน..ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ” บุรีเอ็ด
“พ่อไปไหน ให้พ่อมาเคลียร์ไม่ได้เหรอ ผมไม่มีวันยอมให้ไอ้พวกคนชั้นต่ำมามั่วหวังจะไถเงินเราหรอก”
เกียรติบดินทร์แปลกใจนิดๆ

ที่โรงพยาบาลตำรวจ บัญชาเดินออกมากับสมหมาย ฟ้ากระจ่าง ปักเป้า หมีใหญ่ เดินออกมาจากอีกด้าน
“คุณพงษ์โชเฟอร์ขาหัก ต้องเข้าเฝือก ภรรยาของเค้ากำลังเดินทางมาครับ เวลานี้หมอให้ยาแล้ว ก็เลยนอนหลับพักผ่อนอยู่ คุณบัญชาไม่ทราบส่งข่าวให้ทางครอบครัวทราบหรือยัง”
บัญชามองหน้าฟ้ากระจ่างรีบบอก
“ผมไม่เป็นอะไร..คงไม่จำเป็นต้องบอกใคร ไม่อยากให้ตกใจด้วย เดี๋ยวจะแตกตื่นกันไปใหญ่”
“งั้น..ถ้าไม่มีอะไร พวกผมไปก่อนนะครับ ลาเลยนะครับ...”
ฟ้ากระจ่างไหว้นำทุกคนไหว้บัญชา แล้วหันเดินออก
“ไป..หิวข้าวแล้ว ป่านนี้ป๊าแกคงทำเสร็จแล้วนะ อาจ้าง” หมีใหญ่เอ่ยชวน
“เออว่ะ หรือป๊ะจะรอเราไปทำน้ำจิ้มวะ” ฟ้ากระจ่างว่า
ปักเป้าหัวเราะก๊าก
“เออ น้ำจิ้มซีฟู้ดนี่..ป๊าบอกว่า ต้องเป็นฝีมือแกด้วยดิวะ อาจ้าง”
“งั้นรีบเหอะ ป่านนี้คนรอกินฝีมือแกคงบ่นกันอุบ” สมหมายว่า
ทั้งสี่คนหัวเราะกันคิกคัก บัญชามองตามไป

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 3
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ