อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอน 6 วันที่ 3 ก.ค. 55

{[['']]}
อาทิจดื่มเหล้าอึกๆอยู่คนเดียว ทองประศรีแอบดูชายหนุ่มอยู่กับน้องๆ ทองประสานยิ้มกรุ่มกริ่ม
        
       “หือ...หล่อจังเลยพี่ศรี”
       ทองประสมมองอาทิจตาวาว
       “นี่ถ้าพี่ศรีไม่จองไว้ก่อน คืนนี้ฉันไม่ปล่อยให้เขากลับบ้านแน่”
       ทองประศรีรีบกันท่า
       “อย่านะโว้ย...ผู้ชายข้าใครอย่าแตะ ไม่งั้นมีตบ”
       ทองประสานค้อนพี่สาว
       “เห็นตอนแรกให้ท่าพี่ยง เหมือนอยากจับทำผัว”
       ทองประศรีเหยียดปาก
       “ผู้ชายขี้กลากอย่างนั้น ฉันไม่เอามาทำพันธุ์หรอกเว้ย”
       บรรยงนั่งมองทองประศรี เห็นหญิงสาวเอาแต่สนใจอาทิจก็โมโหหึงตะโกนลั่น
       “ขอเบียร์ขวดสิจ๊ะน้องศรี”
       ทองประศรีหงุดหงิด
       “เดี๋ยว”
       บรรยงไม่พอใจ
       “ขอน้ำแข็งด้วย”
       ทองประศรีรำคาญ
       “รอก่อน”
       บรรยงไม่ยอมแพ้
       “ขอแหนมอีกจาน”
       ทองประศรีเสียงห้วนมาก
       “ไปห่อเองเลยไป”
       อาทิจทั้งเมาทั้งมึน
       “ขอเหล้าอีกแบน”
       ทองประศรีเสียงหวานปานน้ำผึ้ง
       “ได้ค่า”
       ทองประศรีเดินไปหยิบเหล้าอีกแบน แล้วเดินนมล้นมาหาอาทิจ คนงานคนหนึ่งเดินโซเซจากโต๊ะตัวเองมาหาอาทิจ
       “นายมานั่งกับพวกเราดีกว่าครับ”
       “ไม่ล่ะ นั่งตรงนี้สบายแล้ว พวกนายสนุกกันเถอะ”
       ทองประศรีไม่พอใจคนงานมาก
       “กลับไปที่โต๊ะสิย่ะ คุณเขาจะนั่งที่นี่ ไม่ได้ยินรึไง”
       คนงานเดินโซเซกลับไป บรรยงหึงหนัก เดินเซมาดึงแขนทองประศรีซึ่งกำลังเปิดขวดเหล้าให้อาทิจ
       “พี่ยงสั่งเบียร์ก่อนไอ้หมอนี่นะ”
       ทองประศรีสะบัดแขนหนีอย่างแรง
       “แล้วยังไง ใครสั่งก่อนสั่งหลังไม่สำคัญ มันสำคัญที่ ฉันอยากขายให้ใครต่างหาก”
       “น้องศรีหมายความว่ายังไง”
       “ก็หมายความว่าตอนนี้ ฉันไม่มีอารมณ์ขายของให้ใครแล้วเว้ย ไปเลยนะ...ออกไป
       ให้หมด เมาแล้วหาเรื่องนี่หว่า ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว นังสานนังสม...ปิดร้าน”
       ทองประสานกับทองประสม ออกมาช่วยไล่พวกคนงานออกไป บรรยงหันมามองอาทิจ
       “แล้วไอ้นี่ล่ะ”
       “ไม่เข้าใจคำว่าปิดร้านเหรอ ไม่ว่าใครก็อยู่ไม่ได้ทั้งนั้นเว้ย...ไป”
       อาทิจลุกขึ้นยืนโงนเงน ทำท่าจะเดินออก ทองประศรีโมโหบรรยง
       “เห็นมั้ยล่ะว่าคุณเขาไปแล้ว รีบกลับไปเลยนะพี่ยง...จะไปไม่ไป”
       ทองประศรีคว้าขวดเหล้าเปล่าซึ่งพวกคนงานดื่มหมดแล้วขึ้นมาทำท่าจะฟาด ใส่กบาล บรรยงรีบเผ่นออกจากร้าน ทันทีที่บรรยงวิ่งออกไป ทองประศรีก็ดิ่งไปลากแขนอาทิจให้กลับมานั่งที่เดิม
       “เชิญคุณดื่มต่อเถอะค่ะ เพิ่งสั่งขวดใหม่มาแท้ๆ”
       “ขอบใจนะ แต่...ฉัน...”
       “นั่งเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ คุณจะนั่งนานแค่ไหนศรีก็ไม่ว่า ศรีนั่งเป็นเพื่อนนะคะ”
       “ฉันอยากอยู่คนเดียว ต้องการเพื่อนเมื่อไหร่แล้วจะบอก”
       ทองประศรียิ้มหนังปากแห้งติดเหงือก หญิงสาวค่อยๆลุกออกมา อาทิจยกเหล้าขึ้นดื่ม
      
       ย่าแดงยืนหน้าตาเป็นกังวล แก้วเดินเข้ามองอย่างเป็นห่วง
       “คุณย่าคะ ไปกินข้าวก่อนเถอะค่ะ กับข้าวจะเย็นหมดแล้วนะคะ”
       “ฉันจะรอพ่ออาทิจกับแม่ณีก่อน”
       “มันจะสามทุ่มอยู่แล้วนะคะ ผิดเวลาไปมากแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอาค่ะ”
       ย่าแดงลงนั่งที่เก้าอี้แล้วถอนใจหนัก
       “ฉันไม่หิว มันกินไม่ลง พ่ออาทิจคงจะเสียใจมาก เป็นใครก็ต้องเสียใจ อุตส่าห์ตั้งใจทำงานแล้วต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้”
       “คุณณีไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะคุณย่า แก้วเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กๆ แก้วรู้ค่ะว่าคุณณีไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายจิตใจใคร คุณอาทิจเองก็น่าจะทราบดี เพียงแต่ตอนนี้เธออาจจะเสียใจน้อยใจ อาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนมาใหม่ แล้วทำไมคนที่นี่ถึงได้ทำกับเธอเหมือนเธอเป็นคนนอก เป็นหมาหัวเน่าอะไรทำนองนี้น่ะค่ะ”
       “ก็คงจะอย่างนั้น ฉันกลัวว่าเรื่องเล็กมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่รู้ว่าเตลิดไปถึงไหน จะตามกันเจอรึเปล่า หรือว่าหนีกลับบ้านไปแล้วก็ไม่รู้”
       แก้วปลอบใจ
       “คุณอาทิจไม่ใช่คนหนีปัญหานี่คะคุณย่า เธออาจจะเสียใจเสียความรู้สึกบ้าง แต่พอตั้งหลักได้แล้วเธอต้องกลับมาค่ะ ป่านนี้คุณณีอาจจะเจอตัวเธอแล้วขอโทษขอโพยกันแล้วก็ได้ คุณย่าอย่าห่วงไปเลยนะคะ”
       ย่าแดงพยักหน้าอย่างปลงๆ ในขณะที่แก้วส่งยิ้มให้กำลังใจแต่ก็อดเป็นห่วงอาทิจไม่ได้
      
       ดรุณี ลุงเกร็ง ต๊อด อึ่ง พัน สาดไฟฉายเดินหาและตะโกนเรียกอาทิจในเรือนเพาะกล้า ลุงเกร็งส่องไฟฉายไปร้องเรียกไป
       “คุณอาทิจครับ”
       ต๊อดตะโกน
       “นาย!”
       พันเรียกอีกคน
       “นายอยู่แถวนี้รึเปล่า...นาย”
       อึ่งชักกังวล
       “ไม่มีอะ ข้าชักกลุ้มจริงๆแล้วนะเว้ย นายไปอยู่ไหนวะ”
       ทุกคนเริ่มนิ่ง...คิด...เครียด โดยเฉพาะดรุณี ต๊อดคิดๆๆแล้วนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
       “หรือว่า...”
       ทุกคนหันมามองต๊อด...หรือว่าอะไร
      
       อาทิจยกขวดเหล้าซดจนหยดสุดท้าย แล้วหลับฟุบไปกับโต๊ะ สามสาวกรี๊ดลั่น ทองประศรีนึกขึ้นได้รีบจุ๊ปากให้น้องๆเงียบแล้วกดเสียงต่ำ
       “ชูว์...เบาๆสิวะ”
       ทองประสานลดเสียงลง
       “ก็มันตื่นเต้นนี่พี่ศรี อุตส่าห์วางแผนไล่ไอ้พวกขี้เมากลับบ้านแล้วก็ยังต้องมาลุ้นว่าคุณอาทิจจะฟุบไปตอนไหน”
       ทองประศรียิ้มพอใจ
       “จะตอนไหนก็ตอนนี้น่ะสิวะ ไป...ไปช่วยกันอุ้มพี่เขาไปที่ห้อง”
       สามสาวพยักหน้าแล้วย่องมา กำลังจะยื่นมือมาล็อกตัว แต่แล้วทั้งสามคนก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อ...อาทิจฟื้นดีดตัวผึงขึ้นมาจากโต๊ะ อาทิจเสียงอ้อแอ้เมาสุดๆ
       “ขอเหล้าอีกขวด”
       ทองประศรีรีบปฏิเสธ
       “เหล้า...เอ่อ...ไม่มี คือ...หมดแล้วจ้ะ”
       อาทิจพยักหน้ารับรู้เหมือนยังมีสติ แต่แล้วก็ฟุบลงไปกับโต๊ะอีก ทองประสมส่ายหน้า
       “ขืนดื่มอีกขวดได้นอนจมกองอ้วกแน่”
       ทองประศรีตัดบท
       “พูดมากน่า ช่วยกันแบกเร็วเข้า”
       สามสาวเข้ามารุม อาทิจละเมอสะบัดตัวหนี สามสาวกระเด็นไปคนละทาง
       “อะไรวะ ไอ้ต๊อด ไอ้อึ่ง ไอ้พัน มาเกาะมาพันอยู่ได้ รำคาญ คนจะนอน”
       สามสาวลุกขึ้นมาจากพื้นกระดูกกระเดี้ยวแทบหัก ทั้งหมดหันมามองหน้ากันแล้วพยักหน้าเข้ามารุมอาทิจซึ่งฟุบลงไปกับโต๊ะอีก ครั้ง ทั้งสามย่องเข้ามา แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งยืนแข็งเป็นหุ่นกันอีกครั้ง เมื่ออาทิจละเมอลุกขึ้นยืนฟรึ่บ แล้วเหวี่ยงแขนขา เหมือนกำลังถูกพวกต๊อด อึ่ง พันเข้ามานัวเนีย
       “ไม่ต้องมายุ่ง จะกลับบ้าน อย่ามากวนใจนะเว้ย ฉันเดินกลับเองได้”
       อาทิจเดินโซเซออกมาทางหน้าร้าน สามสาวเซ็งสุดขีด ทองประศรีหันไปสั่งน้องๆ
       “ช่วยกันลากกลับมาหน่อยสิวะ”
       ทองประสานส่ายหน้า
       “ไม่เอาอะ กลัวถูกเตะ”
       ระหว่างที่สามสาวกำลังปรึกษากัน อาทิจซึ่งเดินมึนจัดมายืนแล้วฟุบลงกับพื้น สามสาวย่องไปสะกิด จากเบาๆแล้วกลายเป็นเขย่าตัวแรงขึ้น อาทิจนอนนิ่งไม่ขยับ สามสาวดีใจ เฮลั่น รีบพยุงอาทิจเข้าห้องและทันทีที่อาทิจหายเข้าไปในห้อง ต๊อด อึ่ง พัน ลุงเกร็งเดินนำดรุณีเข้ามายืนที่หน้าร้าน ดรุณีมองไปรอบบริเวณ
       “เขาคงไม่วิ่งมาถึงนี่มั้งต๊อด”
       ลุงเกร็งเห็นด้วยกับดรุณี
       “นั่นสิ...คุณอาทิจไม่เคยเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วจะเข้ามาที่นี่ทำไมวะ”
       ต๊อดคิดๆ
       “ก็...อาจมากินเหล้าแก้กลุ้มก็ได้นี่”
       อึ่งมองหน้าร้าน
       “แต่ร้านยายทองโตนี่ก็ปิดแล้วนี่หว่า”
       พันแปลกใจ
       “นั่นสิ...ทำไมวันนี้ปิดเร็วนักวะ”
       ลุงเกร็งตัดบท
       “ข้าว่าพาคุณหนูณีกลับก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณย่าจะเป็นห่วงหนักขึ้นไปอีก”
       ทั้งหมดเดินออกไป
      
       สามสาวช่วยกันพาอาทิจเข้ามาในห้องทองประศรี แล้ววางเขาลงนอน ทั้งหมดก็ยืนหอบ ทองประศรีหันไปสั่งน้องๆ
       “พวกแกออกไปนอนห้องแม่ได้แล้ว”
       ทองประสานชะงัก
       “อ้าว...แล้วถ้าพ่อกับแม่กลับมาล่ะ”
       “ไม่กลับเร็วขนาดนั้นหรอกน่า หายไปเล่นไพ่อย่างนี้ อย่างน้อยก็ต้องสองคืน”
       ทองประสมนึกบางอย่างได้
       “ไม่ให้พวกฉันอยู่เป็นพยาน ถ่ายรูปแชะ แชะก่อนเหรอ”
       ทองประศรีเห็นดีด้วย
       “เออ...ฉลาดแฮะ เอ้า...ถ้างั้นแกสองคนมาช่วยกันถอดเสื้อพี่เขาก่อน”
       ทองประศรีถอดเสื้อตัวเองในผ้าห่ม ทองประสานกับทองประสมช่วยกันปลดกระดุมเสื้ออาทิจ แต่ไม่สำเร็จเพราะชายหนุ่มดิ้นพลิกไปมาแถมเหวี่ยงแขนขาใส่ทั้งคู่จนแอ่น กระแทกพื้นดังแอ้กอีกต่างหาก ทองประสานร้องลั่น
       “โอ๊ย...ไม่เอาแล้ว มือตีนหนักอย่างกับอะไรดี พี่ศรีถอดเองก็แล้วกัน”
       “มันจะยากอะไรวะ”
       ทองประศรีดึงผ้าห่ม ขึ้นมาปิดนมและร่างอันเปลือยเปล่าช่วงบนของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือมาปลดระดุมเสื้ออาทิจ แล้วหญิงสาวก็ต้องกระเด็นลงไปกองบนที่นอน เมื่ออาทิจพลิกตัวกลับมาแล้วเหวี่ยงแขนใส่หน้าหญิงสาวแบบเต็มๆ
       “โอ๊ย...พี่อะ สาบานนะว่าแขน นึกว่าแข้งซะอีก เอาวะ...ไม่ต้องถ่งต้องถอดมันแล้ว ถ่ายมันทั้งอย่างนี้แหละ”
       ว่าแล้วทองประศรีก็เข้าไปกอดอาทิจแล้วก็จูบที่แก้ม เอาหน้าแนบแก้มทุกท่าเป็นแบบโพสถ่ายรูปคือหันมาฉีกยิ้มแล้วส่งตาจิกมาที่ กล้อง ทองประสมซึ่งกำลังเอากล้องดิจิตอลแบบถูกๆขึ้นมาถ่ายรูป เห็นแล้วถึงกับเซ็ง
       “ปัดโธ่พี่ศรี ตกลงพี่ปล้ำเขาหรือเขาปล้ำพี่กันแน่”
       ทองประสานเข้ามาจัดท่า
       “พี่ศรีอยู่นิ่งๆไปเลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
       ทองประสมยิ้มแย้ม
       “ได้ดีแล้วอย่าลืมฉันสองคนล่ะ”
       “ไม่ลืมหรอกน้า ได้เป็นหลานสะใภ้คุณย่าเมื่อไหร่ พวกแกเลิกเป็นแม่ค้า เตรียมนั่งกระดิกตีนเป็นน้องคุณนายได้เลย ถ่ายเสร็จแล้วรีบออกไปก็แล้วกัน”
       ทองประสานเอามืออาทิจขึ้นมาโอบกอดทองประศรี โดยให้ทองประศรีหันหลังก้มหน้างุดเหมือนกำลังร้องไห้ราวกับเพิ่งถูกอาทิจข่ม ขืนมายังไงยังงั้น
      
       ดรุณีขับรถเข้ามาจอด ย่าแดงจ้ำออกมาจากบ้านพร้อมแก้ว ดรุณีก้าวลงจากรถพร้อมต๊อด อึ่ง พัน และลุงเกร็ง ย่าแดงถามทันที
       “พ่ออาทิจล่ะ”
       แก้วพุ่งมาถามอีกคน
       “ไปเจอตัวที่ไหนคะคุณณี”
       ดรุณีส่ายหน้า
       “หนูหาทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่...ไม่เจอค่ะ”
       ย่าแดงกับแก้วอึ้งไป
      
       ดรุณีเดินเข้าไปหาย่าแดง ซึ่งยืนครุ่นคิดและมองฝ่าความมืดออกไปที่ระเบียง
       “หนูขอโทษนะคะคุณย่า หนูหาทุกซอกทุกมุมแล้วจริงๆ...แต่อาจจะเป็นเพราะความมืดก็ได้นะคะที่บังตา พรุ่งนี้หนูจะลองตระเวนหาดูอีกที ยังไงหนูก็ต้องพาตัวเขากลับมาหาคุณย่าให้ได้”
       ย่าแดงเปรยแบบไม่มีอารมณ์โกรธ แต่เหมือนเสียใจอยู่ลึกๆมากกว่า
       “ถ้าเขายังอยู่ที่นี่นะ”
       ประโยคสั้นๆของย่าทำให้ดรุณีรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย เพราะมันเจือไปด้วยความรู้สึกใจหาย เสียใจ และห่วงหาอาทร
      
       ทองประศรีนุ่งผ้าถุงและเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้อาทิจอย่างละเมียดละไม
       “หล่อจังเลย...ผัวฉัน”
       หญิงสาวปลดกระดุมเสื้อให้ อาทิจงัวเงียพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ ทองประศรีไม่ละความพยายาม ตามมาปลดกระดุมเสื้อให้อีก อาทิจรำคาญจนทนไม่ไหว ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพูดเสียงยานคางเพราะเมาหนัก
       “จะทำอะไร”
       “เช็ดตัวให้พี่ไงจ๊ะ พี่จะได้สดชื่นกระชุ่มกระชวย”
       ทองประศรีตามตอแยปลดกระดุมเสื้ออีก อาทิจปัดมือหญิงสาว
       “ไม่ต้อง เธอเป็นใคร”
       “ฉันชื่อทองประศรี เป็นมะ...”
       ทองประศรียังไม่ทันหลุดคำว่า เมียออกมาเพราะอาทิจอ้วกพุ่งใส่หน้าหญิงสาวอย่างเต็มรักซะก่อน
       “อ๊าย...อะ...อะ...อ้วก”
       ทองประศรีรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ อาทิจรู้สึกหัวหมุนติ้ว ชายหนุ่มเอามือกุมหัวก่อนจะทนไม่ไหว ล้มตัวลงหลับไปกับหมอนอีกครั้ง ทองประศรีวิ่งหน้าเปียกน้ำเข้ามาหาเขาอีกครั้งหญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มแล้ว ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
       “มาถึงก็ฝากรักด้วยอ้วกเลยนะ น่ารักอ้ะ เดี๋ยวเถอะ...จะลงโทษซะให้ มามะ...มาให้ลงโทษซะดีๆ”
       ทองประศรีเข้ามาปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของอาทิจ ออกแรงปลดไม่รู้กี่ท่าต่อกี่ท่า ไอ้เจ้ากระดุมพวกนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดจากรังดุมง่ายๆ แถมยังต้องคอยหลบแข้งขาอาทิจที่ฟาดเหวี่ยงไปมาเพราะหงุดหงิดรำคาญ
       “โอ๊ย” ทองประศรีถอนใจเฮือก “ใส่กางเกงติดกระดุมแปะกาวตาช้างมารึไง ถึงได้แกะยากแกะเย็นอย่างนี้ เหนื่อยแล้วนะเว้ย...นอนมันทั้งอย่างนี้แหละ”
       ทองประศรีกระแทกตัวลงนอนข้างๆอาทิจ หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ แล้วยื่นปากจู๋เข้าไปเตรียมจ๊วบปากสีแดงฉ่ำสตรอเบอรี่ของชายหนุ่ม อาทิจขย้อนเหมือนจะอ้วกแตกใส่หน้าอีกครั้ง ทองประศรีตาเหลือก รีบผละจากชายหนุ่ม ออกมานอนสงบอยู่อีกมุมทันที
      
       ดรุณีล้มตัวลงนอน โดยมีแก้วขยับผ้าห่มเตรียมจะห่มให้
       “น้าแก้วว่าเขาหายไปไหน”
       แก้วพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนส่ายหน้าอย่างเดียว
       “เป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะเสียใจจนหนีไป”
       “คุณย่าท่านก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่น้าแก้วว่าคุณอาทิจไม่ใช่คนอย่างนั้น”
       “ถ้าเขาไม่หนีไปแล้วเขาไปอยู่ที่ไหน หรือว่า...ทางมันมืดขนาดนั้น เขาอาจจะโดนงูกัดเข้าให้แล้ว เขาจะตายมั้ยคะน้าแก้ว”
       “อย่าคิดอะไรในทางร้ายเลยนะคะ”
       “น้าแก้วรู้ใช่มั้ยคะว่า หนูไม่ได้มีเจตนาให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้”
       “โถ...น้าแก้วเลี้ยงคุณณีมาตั้งแต่เด็ก น้าแก้วรู้สิคะว่าคุณณีเป็นคนยังไง”
       “แต่ถ้า...เขาตาย”
       “คุณอาทิจเป็นคนดีนะคะ ยังไงพระท่านก็ต้องคุ้มครองค่ะ”
       ดรุณีรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ และจู่ๆก็รู้สึกเป็นห่วงอาทิจขึ้นมา
      
       ดึกคืนนั้น...คำมาย่างสามขุมเข้ามาเห็นอาทิจนอนอยู่กับทองประศรีใน มุ้งก็กระชากมุ้งดึงจนเชือกขาดแล้วโวยลั่น โดยมีทองประสานและทองประสมวิ่งหัวฟูตามมายื้อแม่ไว้
       “งามหน้ามั้ยล่ะนังศรี พ่อแม่ไม่อยู่ริอ่านพาผู้ชายมานอนกกถึงในบ้าน”
       ทองประศรีตกใจตื่น ดึงผ้าห่มคลุมหน้าอกไว้
       “แม่!”
       “เออ...กูเอง ไหน...ไอ้หน้าไหนที่มันกล้าหยามนังคำมา ขอดูหน้ามันหน่อยซิ”
       คำมากระชากอาทิจขึ้นมา อาทิจซึ่งนอนหันหลังให้ทองประศรี ได้ยินเสียงโวยวายก็งัวเงียลุกขึ้นนั่งตามแรงกระชาก ชายหนุ่ม ค่อยๆลืมตา คำมาโกรธมาก
       “หน้าตาไอ้แมวขโมยมันเป็นอย่างนี้นี่เอง โทรศัพท์เรียกเจ้าบรรยงมาเดี๋ยวนี้เลยนังสาน ให้มันมาลากไอ้นี่เข้าตาราง”
       ทองประศรีรีบห้าม
       “ทำอย่างนั้นไม่ได้นะแม่”
       “เอ็งเงียบไปเลย ข้าไม่ตบเอ็งสมองบวมก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้าพ่อเอ็งอยู่แล้วรู้ว่าเอ็งลากไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายตีนมากกอย่างนี้ เอ็งกับไอ้หมอนี่ตายแน่”
       ทองประศรีเถียงสุดฤทธิ์
       “ใครบอกว่าหลานคุณย่าไม่มีหัวนอนปลายตีน”
       “ใคร...หลานคุณย่า”
       “ก็พี่เขานี่ไง”
       คำมาเปลี่ยนท่าทีทันที
       “ฮ้า...นั่นไงแม่นึกในใจอยู่แล้วเชียวว่า หน้าตาหล่อใสกิ๊กดูมีสกุลรุนชาติอย่างนี้ จะเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้ยังไง ถ้างั้นก็ดีเลย ได้กันแล้วใช่มั้ย”
       อาทิจงงๆ
       “ได้กัน”
       คำมายิ้มหน้าบาน
       “ใช่ค่า...คุณกับนังศรีลูกสาวฉัน ได้กันแล้ว”
       “ใคร...นังศรี”
       “ก็ศรีไงจ๊ะ ศรีเป็นเมียพี่แล้ว พี่ปล้ำศรี”
       อาทิจมึนมาก
       “ปล้ำ...ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไมฉันจำไม่ได้”
       “ก็ที่นี่ไงจ๊ะ พี่เมาแล้วพี่ก็เลยใช้กำลังปลุกปล้ำฉัน”
       “ฉัน...ฉัน...ปวดหัว”
       คำมาจ้องหน้าอาทิจ
       “คุณต้องรับผิดชอบนะคะ ลูกสาวฉันไม่เคยมีราคี คุณมาสร้างราคีแปดเปื้อนมันแล้ว คุณต้องรับผิดชอบ”
       อาทิจงงหนัก
       “ฉัน...ขอฉันกลับบ้านก่อน ปวดหัวแทบระเบิดแบบนี้ พูดกันก็...ไม่รู้เรื่อง”
       “แล้วฉันจะเชื่อใจคุณได้ยังไง นังสม...เอากระดาษมาให้คุณเขาเซ็นรับนังศรีเป็น
       เมียหน่อยซิ”
       “ผมไม่เซ็น”
       คำมาไม่พอใจ
       “อ้าว...พูดอย่างนี้ จะฟันแล้วทิ้งกันรึไงวะ อย่าคิดว่าเป็นหลานคุณย่าแล้วจะเที่ยวข่มเหงใครก็ได้นะเว้ย ถือว่ารวยแล้วจะรังแกคนจนได้อย่างนั้นเหรอ คิดจะหนีล่ะสิ...บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ยอมเด็ดขาด เป็นไงเป็นกัน“
       “ลูกผู้ชาย ถ้าทำผิดจริง เขาไม่หนีกันหรอก”
       “แน่ใจนะว่าคุณจะรับลูกสาวฉันเป็นเมีย”
       “ผมจะกลับบ้าน และผมจะไม่หนีไปไหน”
       อาทิจพูดจบก็เดินโซซัดโซเซออกไปทันที ทองประศรี คำมา ทองประสาน ทองประสม ได้แต่มองตามแต่ไม่กล้าทัดทานแต่อย่างใด
      
       ย่าแดงนั่งยกมือไหว้อยู่หน้าองค์พระที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา ด้วยจิตที่พยายามรวบรวมให้สงบนิ่ง
       “ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดคุ้มครองพ่ออาทิจ ขอให้พ่ออาทิจอยู่รอดปลอดภัย อย่าได้เกิดอันตรายใดใดขึ้นเลยนะเจ้าคะ”
      
       ท้องฟ้าที่มีเพียงดาวกับเดือนเสี้ยว อาทิจเดินโซเซมาตามทางเดินอย่างเคร่งเครียดสักครู่...ชายหนุ่มเอามือกุมหัว เหมือนปวดหัวแทบระเบิด เขาทรงตัวไม่อยู่ทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วนอนแผ่หราหมดแรง ก่อนจะเพ้อพึมพำ
       “เราทำอะไรลงไป คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า...คุณย่าครับ ผม...ขอโทษ”
      
       เสียงละเมอเพ้อของเขาค่อยๆ เบาลงและแผ่วจนกลืนหายไปกับสายลมอันหนาวเหน็บ เขานอนขดตัวอยู่กลางสวนส้มอย่างโดดเดี่ยว...ชายหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย เพราะอากาศอันหนาวเหน็บและเย็นยะเยือกไปทั้งใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ