อ่านละครแสบสลับขั้ว ตอนที่ 2 วันที่ 3 ก.ค. 55

{[['']]}
เช้าวันรุ่งขึ้น สมทรงยกชุดอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ทุกคน แล้วถอยไปอย่างมีมารยาท
      
       “อะไร วันนี้มีข้าวต้มปลาอย่างเดียวเหรอ”
       รัญญาถามขึ้นมา สมทรงเหลือบมองปลาใหญ่แว่บหนึ่ง
       “ค่ะ”
       “แล้วถ้าฉันไม่อยากกินล่ะ ทุกวันเคยมีให้เลือก”
       “ผมสั่งเอง”
       ปลาใหญ่บอก ทุกคนหันขวับมามองปลาใหญ่
       “อ้อ! เดี๋ยวนี้ก้าวก่ายเข้าไปถึงในครัวแล้วเรอะ ทำไมไม่ทำกับข้าวเสียเองเลยล่ะ มันจะได้ประหยัดสมใจแก...ไอ้ท่านประธานใหญ่”
       เกริกก้องบอกอย่างไม่พอใจแล้วโยนผ้าเช็ดปาก ลุกเดินกระแทกเท้าออกไป
       “ฉันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
       รัญญาเดินลงส้นตามพ่อไปอีกคน
       “เอ้อ... อาต้องขอโทษแทนคุณอาก้องกับคุณพี่รันด้วยนะคะ หลานปลาใหญ่อาน่ะเข้าใจหมดทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะค่ะ หลานปลาน่ะไม่ต้องการให้ฟุ่มเฟือย ส่วนคุณอาก้องก็น้อยใจว่าหลานข้ามหน้าข้ามตาส่วนหนูรันก็รู้สึกว่า ถูกขัดใจ” จันทร์ทิพย์บอก
       “ดีครับ เวลานี้ทุกคนต้องการความเข้าใจ” ครรชิตบอก
       “ผมจะย้ายไปอยู่ห้องคุณพ่อ”
       ปลาใหญ่บอก คราวนี้ครรชิตเป็นฝ่ายหันขวับมามองปลาใหญ่บ้าง
       “เอ๊ะ จะดีหรือคะ”
       “ดีแน่นอนครับ เพราะผมจะได้รู้สึกว่าท่านอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา”
       “งั้นเดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ”
       “ขอบคุณ”
       ปลาใหญ่ทานข้าวต่อเงียบๆ ขณะที่จันทร์ทิพย์มีสีหน้าครุ่นคิด
      
       จันทร์ทิพย์ตามเกริกก้องมาที่ห้องทำงานแล้วบอกเรื่องที่ปลาใหญ่จะย้ายไปอยู่ห้องเกรียงไกร
       “อ้อ ไอ้เด็กเนิร์ดมันอยากอยู่กับผีพ่อของมัน”
       “คุณก้องขา คุณก้องลืมไปหรือคะว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย”
       “รันน่ะซีคะจะตายก่อนมัน ตั้งแต่มันกลับมา รันอึดอัดคับข้องใจไปหมดมีเงินตั้งเป็นแสนล้านไม่รู้ประหยัดบ้าประหยัดบออะไร”
       “ก็ประหยัดเอาไว้ให้เราน่ะซิ”
       “โอ๊ย คงได้แตะของมันละค่ะ”
       จันทร์ทิพย์มองเกริกก้องพลางส่ายหน้านิดๆ เป็นเชิงไม่ให้พูดต่อ
       “รันต้องอดทนไปก่อนจ้ะ”
       “รันอยากให้มันตายเร็วๆ คอยดูนะ รันจะสวดมนต์แช่งมันทุกคืนเลย”
       “โอ้ว Don’t ค่ะ Don’t เด็ดขาด”
       “ทำไมหรือคะ”
       “ศีลข้อแรกบอกว่า ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขืนขัดไปสวดมนตร์แช่งมันอาจจะทำให้มันอายุยืนขึ้นไปอีกก็ได้”
       “คุณรู้เรื่องศีลเรื่องธรรมเหมือนกันเรอะ” เกริกก้องถามอย่างแปลกใจ
       “นิดนึงค่ะ เอาไว้พอคุยกับคนอื่นได้บ้าง”
       “ถ้ามันกล้าไปนอนห้องพ่อมัน ก็แสดงว่ามันไม่กลัวผี ไอ้บ้านี่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว”
       “เค้าเรียกว่าไอ้ทารกเฒ่าค่ะ คุณพ่อ”
       “ไปทำงานกันได้แล้ว เดี๋ยวมันจะตัดเงินเดือนอีก”
       ทั้งหมดเดินปรึกษากันออกไป
      
       น้ำเพชรรีบเดินออกมาหน้าร้านทองพลางดูนาฬิกาด้วยสีหน้ากังวล พอออกมาหน้าร้านก็ถึงกับออกอาการจะเป็นลมเมื่อเห็นรถติดยาวเหยียด
       “โอ๊ย ตายแล้ว”
       “ตึ่งเช้าขึ้งมา ลื้อต้องพูดจาให้เป็นมงคง”
       “พูดไม่ไหวหรอกหม่าม้า รถติดขนาดนี้ แล้วน้ำจะไปทำงานทันได้ไงดันตื่นสายเสียด้วย”
       “ไม่เห็งจะยาก ไปไม่ทังลื้อก็ไม่ต้องไป แค่นี้หมกเรื่อง”
       “ไม่ไปไม่ได้ น้ำเพิ่งรับตำแหน่งเลขาฯ ประธานบริษัทได้แค่เดือนกว่าๆ เออ”
       “นั่งมอไซค์รับจ้างไปซิคะ พี่สุมาลีเคยแล้ว ถึงเร็วทันใจถ้าไม่ตายเสียก่อน”
       “อาสุมาลี”
       “ขอประทานโทษค่ะ”
       “ลุงพิชิต ช่วยไปตามมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้คันนึงนะ”
       “ได้ขรับ”
       พิชิตรีบออกไป
       “เดี๋ยวก่อน”
       “ขรับ” พิชิตหันกลับมา
       “ไม่เอานายเซียนนะ ขอเป็นคนอื่น”
       “ขรับ”
พิชิตมาที่วินมอเตอร์ไซค์ ขณะนั้นรถวินอยู่ครบแต่เซียนกลับบอกกับพิชิตว่า
       “คนอื่นไม่ว่าง ว่างแต่เซียน” เซียนหันไปถามพลางถลึงตาประกอบ “ใช่มั้ย...พวกเรา”
       ทุกคนทำตาปริบๆ แต่ก็พยักเพยิดตาม
       “แต่คุณน้ำบอกว่า...”
       “ซ้อนท้ายเลยลุง เร็วน้า”
       พิชิตตาลีตาเหลือกรีบร้อน เซียนขี่รถออกไปพิชิตร้องลั่น คว้าเซียนเกาะแน่น
       “ริเด็ดดอกฟ้า” ป๋องต่อว่า
       “น้ำตามันจะร่วง”
       “ขนาดหมายปองดอกหญ้าด้วยกัน ไม่ต้องถึงดอกฟ้าน้ำตามันก็ยังจะร่วงเลย”
       มอมเบือนหน้ามาทางชายสี่
       “เอ็งหมายถึงใคร”
       “มันก็หมายถึงเอ็งนั่นแหละ ไอ้มอม ไม่ต้องถาม ใครๆ เค้าก็รู้” ลุงป่องบอก
       “แล้วผมผิดตรงไหน ที่หลงรักดอกหญ้าด้วยกัน”
       “โอ๊ย ไม่ผิด แต่ก็อย่างที่เอ็งว่าไอ้เซียนนั่นแหละ”
       “น้ำตามันจะร่วง”
       ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน มอมทำตาปริบๆ
      
       น้ำเพชรทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นหน้าเซียน
       “ฉันบอกไม่เอา นายคนนี้ไงลุง”
       พิชิตอ้าปากจะอธิบายแต่เซีรยนชิงพูดขึ้นก่อน
       “คุณก็ไม่จำเป็นต้องเอาผม...”
       น้ำเพชรถลึงตาใส่
       “นายเซียน”
       “มาเป็นสารถี... เอ๊ะ ผมพูดผิดตรงไหน” ทุกคนในบริเวณนั้นเริ่มหันมามอง “แต่ที่ผมเสนอตัวมาเอง เพราะเห็นว่าคนอื่นเค้าไม่ว่าง แล้วรถมันก็ติดซะขนาดนี้ คุณคงต้องรีบไปอ๊อฟฟิด ก็แค่ความหวังดีเล็กๆ น้อยแหละครับแต่ถ้าคุณรังเกียจก็ไม่เป็นไร”
       เซียนขยับจะขี่รถกลับไป น้ำเพชรตัดสินใจทันทีเมื่อเห็นรถขยับ
       “ก็ได้”
       เซียนถอยหลังกลับมารับเงียบๆ แล้วส่งหมวกกันน็อคให้ น้ำเพชรรับมาแต่ไม่สวม
       “สวมด้วยครับ เดี๋ยวตำรวจจับ” น้ำเพชรจำใจสวมหมวกกันน็อค “เกาะแน่นๆ นะครับ”
       น้ำเพชรสะพายกระเป๋าทะมัดทะแมง แล้วจับเบาะแน่น เซียนพาน้ำเพชรลดเลี้ยวไปตามช่องว่างอย่างคล่องแคล่วและชำนาญ
      
       เซียนขับรถฉวัดเฉวียนหวาดเสียวเมื่อพ้นบริเวณรถติดมา น้ำเพชรพยายามทรงตัวไว้ไม่เกาะเอวเซียน
       ในที่สุดรถเข้ามาจอดหน้าประตูบริษัท
       “เท่าไหร่”
       น้ำเพชรถามเมื่อก้าวลงจากรถ
       “ไม่ต้องครับ เงินคุณยังอยู่ที่ผม 5 พัน”
       เสียงบีบแตรดังขึ้นข้างหลัง น้ำเพชรหันไปมอง
       “คุณปลาใหญ่”
       “ไอ้บ้าเอ๊ย… จะบีบหาบิดามารดาเรอะไง เดี๋ยวพ่อจอดมันตรงนี้ทั้งวันเลย”
       เซียนตะโกนด่าลั่น คนรถเปิดประตูแล้วก้าวลงมา
       “คุณปลาใหญ่ให้เชิญคุณน้ำเพชรขึ้นรถครับ” คนรถบอกกับน้ำเพชร
       “ขอบใจจ้ะ”
       น้ำเพชรดูตื่นเต้น เมื่อคนรถเปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่งกับปลาใหญ่
       “วันนี้ทำไมมา มอเตอร์ไซค์” ปลาใหญ่ถามน้ำเพชร
       “รถติดค่ะ กลัวมาสาย”
       ปลาใหญ่พยักหน้า คนรถขับเข้าไป
       “ขอดูหน้าไอ้ปลาใหญ่หน่อยซิ”
       เซียนเลื่อนรถในมุมที่มองเห็นชัดๆ โดยไม่สน รปภ. ไล่ รถจอดหน้าบริษัท คนรถลงมาเปิดให้ ปลาใหญ่และน้ำเพชรก้าวลงจากรถ โดยน้ำเพชรและทุกคนในบริเวณนั้นมีท่าทีพินอบพิเทาเป็นอย่างยิ่ง
       “ไอ้เบื๊อกนั่นน่ะเรอะ ชื่อปลาใหญ่”
       รปภ.สะดุ้ง
       “เฮ้ย นั่นน่ะประธานบริษัทนะเว้ย”
       “ฝากถามหน่อยว่าพ่อแม่ไม่มีปัญญาตั้งชื่ออื่นแล้วเรอะไง ชื่อมาด๊าย ไอ้ปลาคัง”
       เซียนพูดพลางขี่รถออกไปอย่างรวดเร็ว
      
       เซียนขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาที่วิน พอมาถึงก็จอดรถแล้วลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคด้วยสีหน้าบึ้งตึง
       “เป็นอะไรว่ะ”
       ลุงป่องถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าปลาใหญ่
       “อยากจะฆ่าคน”
       “ใครวะ”
       “ไอ้ปลาใหญ่”
       “ไหนเอ็งว่า อยากจะฆ่าคน”
       “เออ...แล้วทำไมกลายเป็นปลา”
       “เพราะมันเป็นคนชื่อปลา”
       “ปลาอะไร”
       “ปลาใหญ่” ทุกคนนิ่งกันไปเพราะเริ่มงง “ไอ้ปลาใหญ่มันเป็นเจ้านายของคุณน้ำเพชร”
       “เริ่มเข้าใจ อ้อ...อ...อ...” ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน
       “ชื่อน่ากินดีว่ะ ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งทำได้หลายอย่าง ทั้งผัด ทั้งทอด แกง...เจี๋ยน...” ป๋องบอกทุกคนหันมามอง แต่ไม่มีใครขำด้วยแถมรำคาญด้วยซ้ำ ป๋องถึงกับจ๋อย “แป๋ว...ว...ว...”
       “ไอ้ปลาใหญ่ปลาเล็กอะไรเนี่ยมันเป็นแฟนคุณน้ำเพชรหรือวะ” ชายสี่ถาม เซียนอึ้งไปครู่หนึ่ง
       “คาดว่ามันอาจจะกำลังพยายามจีบอยู่”
       “ต้องกำจัดมัน” มอมบอกด้วยสีหน้าเอาจริง ลุงป่องจึงถีบมอมตกแคร่
       “นี่แน่ะกำจัด เอ็งจะทำอะไรมันเฮอะ ไอ้มอมแมม! จะฆ่ามันเรอะ บอกเสียก่อนนะเว้ย ข้าเป็นพลเมืองดีของประเทศนี้ ข้าไม่มีวันทำอะไรผิดกฎหมาย”
       “ถ้าตำรวจไม่เผลอ” มอมพูดต่อ
       “เออ เฮ้ย... ไอ้มอม ไอ้ปากมอม”
       หมอแม่นเดินออกมา โดยที่ทุกคนไม่ทันมอง
       “เฮ้ย จะทำมาหากินกันเรอะเปล่าเว้ย” หมอแม่นท้าวสะเอวถาม ทุกคนหันกลับมา “หน็อย คุยกันอยู่นั่นแหละ อีแบบนี้สามารถทำนายอนาคตโดยไม่ต้องผูกดวง หรือดูลายมือได้เลยว่า อนาคตต้องยากจน”
       “ไม่ต้องถึง อนาคตหรอกป้า ปัจจุบันมันก็ยากจนอยู่แล้ว จะไปไหนล่ะ”
       “ร้านเฮียเติม”
       เซียนกระฉับกระเฉงทันที
       “งั้นขึ้นมาเลย”
       “เฮ้ย คิวข้า ไอ้เซียน”
       “ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เอ็ง เบิ้ล 2 เที่ยว”
       เซียนพาหมอแม่นออกไปจากที่นั้นทันที
       “ไม่เห็นตัวเค้า แต่เห็นร้านก็ยังดี”
       “โอ้ย! ใครมันก็อยากเห็น...ทองเหลืองอร่ามไปทั้งร้านแบบนั้น”
กิมฮวยเดินนำหมอแม่นเข้ามาภายในห้องรับแขกเล็กๆ ด้านใน
       “นั่งลงก่อง อาหมอแม่ง จ๋อ...จ๋อ”
       หมอแม่นนั่งลง ยกมือโบกพัดตัวมองไปมา ขณะที่กิมฮวยยกน้ำชามาให้
       “เอ้านี่! กิงทั้งชาร้องๆ ชั่งใจ” กิมฮวยบอกแล้วมองหมอแม่นที่โบกมือพัดตัวเอง “นั่งทังอาราย”
       “ร้อนจ๊ะ เจ๊! เจ๊ไม่เปิดแอร์หน่อยเรอะ”
       “ม่ายล่าย ตองนี้อั๊วกังลังช่วยเค้ารงนารงลกโลกร้อน ปาหยักค่าแอร์ลีอีกตังหาก”
       “พัดลมก็ยังดี”
       “เปืองไฟ เราต้องปาหยัดพาลังงาน ลื้อโบกมือแบกนั้งลีแล้ว ล่ายออกกาลังกายไปล่วย” กิมฮวยเลื่อนกระดาษผูกดวงน้ำเพชรให้หมอแม่น “อ้า! ลูลวงอานั้งต่อ อ้อ...อั๊วกาลังจาเปี่ยนชื่อใหม่ ลื้อช่วยลูหน่อยซิว่าเป็นไง”
       “เจ๊จะเปลี่ยนเป็นอะไรล่ะ”
       “สิงเทา”
       “อะไรนะ”
       “สิงเทา ลื้อว่าเป็งไง”
       “เหมาะกับลักษณะเจ๊มากเลย พระที่ไหนเข้าใจตั้ง”
       “ม่ายช่ายพระ แต่เป็นเซียง”
       “เซียนที่ไหน ตาแหลม”
       “เซียงขี่ มอไซค์”
       หมอแม่นขำกลิ้ง กิมฮวยมองงงๆ แล้วขำตามแบบไม่รู้เรื่อง
      
       หน้าห้องทำงานปลาใหญ่ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะน้ำเพชรดึงขึ้น น้ำเพชรรับสาย
       “มีอะไรหรือหม่าม้า”
       น้ำเพชรถามเมื่อกิมฮวยโทรมา
       “ตกลงอั้วล่ายชื่อใหม่แล้ว เพาะมากเลย อยากรู้มั้ย”
       “เดี๋ยวบอกที่บ้านดีกว่าค่ะ” น้ำเพชรบอกยิ้มๆ เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น “แค่นี้นะหม่าม้า เจ้านายตามตัว”
       “เออ... เออ”
       น้ำเพชรวางโทรศัพท์ แล้วรับสายภายใน
       “คะ... ท่านประธาน”
       “เข้ามาข้างในหน่อย”
       “ค่ะ”
       น้ำเพชรวางโทรศัพท์ แอบหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อยแล้วลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานปลาใหญ่
      
       น้ำเพชรเข้ามายืนรอรับคำสั่งเรียบร้อย
       “ท่านประธานมีอะไรหรือคะ”
       ปลาใหญ่เงยหน้าขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเคย
       “วันนี้คุณจะกลับยังไง” น้ำเพชรทำหน้างงๆ “ก็เมื่อเช้าไม่ได้เอารถมาไม่ใช่หรือ”
       “อ๋อ ค่ะ น้ำก็กลับแท็กซี่”
       “ไม่ต้อง ผมจะแวะไปส่ง ชวนคุณครรชิตไปด้วย”
       “โอ๊ะ! ไม่เป็นไรค่ะ น้ำ...”
       ปลาใหญ่ชี้ปากตัวเอง
       “ดูปากผม... ผม... จะ...ไป .... ส่ง” ปลาใหญ่เน้นทีละคำ น้ำเพชรยิ้มแห้งๆ
       “ขอบคุณค่ะ”
       “เท่านี้แหละ” ปลาใหญ่บอกแล้วทำงานต่ออย่างไม่สนใจอีก
       “ค่ะ”
       น้ำเพชรทำอะไรไม่ถูกครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไป
      
       น้ำเพชรเปิดประตูเดินออกมานั่งงงๆ ครู่หนึ่ง แล้วนึกขึ้นได้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหากิมฮวย
       “หม่าม้า...เดี๋ยวเย็นนี้ท่านประธาน จะไปส่งน้ำที่บ้าน”
       “ฮ้า”
       “หม่าม้าเตรียมสั่งอาหารว่างอร่อยๆ ไว้เลี้ยงแขกด้วยนะคะ”
       “ตกลงใครมากังแน่ แขกมาหรือปาทังมา”
       “เอาเป็นว่า หม่าม้าจัดอาหารอร่อยๆ เตรียมไว้ให้น้ำด้วยก็แล้วกัน อ้อ! งานนี้น้ำจ่ายเงินเอง หม่าม้าต้องจัดเต็ม ราคาไม่เกี่ยงนะคะ”
       “อ้อ! อ้อ ลี! ลี ไม่ต้องเป็นห่วง เหลียวอั๊วจักให้”
       “ขอบคุณค่ะ หม่าม้าแพงไม่เกี่ยงนะคะ”
       น้ำเพชรย้ำแล้ววางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าแจ่มใส
      
       กิมฮวยวางโทรศัพท์แล้วเดินออกมาหน้าร้าน
       “อาพิชิก”
       “ขรับ”
       กิมฮวยส่งกระดาษให้
       “ไปซื้อของพวกนี้มาให้อั๊วหน่อย”
       “ขรับ”
       “ซื้ออาราย” เติมศักดิ์ถาม
       “เงินล่ะขรับ คุณนาย”
       “เงิง เงิงอาราย”
       “ก็ค่าซื้อของพวกนี้ขรับ”
       “แค่นี้ทังเป็นทวง” กิมฮวยหยิบกระเป๋าประจำตัวขึ้นมาเปิด ตัดสินใจครู่หนึ่ง จึงดึงใบละ 50 บาทออกมาอย่างสุดแสนเสียดาย “อ้ะ เอาไป”
       พิชิตสะดุ้ง
       “50 บาท หรือครับ”
       “ไม่ต้องตกใจที่อั๊วให้ไปเยอะ เพราะลื้อต้องทองมาล่วย”
       พิชิตคลี่รายการสั่งซื้อยาวเหยียดออกมา ทำหน้าจะร้องไห้เสียให้ได้
       “ซื้อแค่นี้ 50 บาทหรือครับ”
       “อาฮวย” เติมศักดิ์ถาม กิมฮวยยกมือห้าม
       “หยุก” กิมฮวยบอกแล้วพูดกับพิชิตต่อ “ลื้อไปล่าย อย่าลึงเงิงทองล่วย”
       พิชิตเดินซึมเศร้าออกไป
       “อาฮวย...”
       “อั๊วเปี่ยงชื่อเป็งสิงเทาแล้ว”
       “ลื้อไม่สงสารอาพิชิกเรอะ”
       “อาพิชิกขี้โกง อั๊วจะสงสารทังไม เมื่อวังให้เงิน 20 บักไปซื้อรากหน้า เค้าซี! อีกักมาใช้เกี้ยง... ง ไม่มีทองเลยซักบัก อีองหมก” เติมศักดิ์อ้าปากจะพูดต่อ “หยุก อั๊วขี้เกียกฟัง”
       กิมฮวยเดินมานั่งขายทองต่อ เติมศักดิ์มองอย่างหงุดหงิด
       “อาเซียงมังเข้าใจตั้งชื่อ...อาสิงเทา”
      
       เซียนขี่รถมาจอดริมทางเท้าใกล้ป้ายรถเมล์ สายพิณกระโดดลงมา
       “ขอบใจนะ ไม่ไปด้วยกันแน่นะ”
       “ไม่ละ พี่ต้องทำมาหากิน”
       “เดี๋ยวเดียวเอง”
       “ไอ้เซียน”
       สายพิณกับเซียนหันไปมอง พิชิตเดินกระย่องกระแย่งตรงมา
       “รปภ. ร้านคุณหนูน้ำเพชรนี่เอง โธ่เอ๊ย มีเงินเยอะแยะจะจ้าง รปภ. ล่ำบึ๊กแข็งแรงขนาดไหนก็ได้ ดั๊นมาจ้างคนแก่ แค่โจรเดินผ่านก็ปลิวแล้ว”
       สายพิณบอก พิชิตเดินมาหยุด
       “เหนื่อยว่ะ”
       “จะไปไหนก็บอกมา ฉันจะไปส่งให้”
       “ตลาด”
       “ก็นั่นไงลุ้ง” สายพิณชี้ไปที่ตลาด
       “ไอ้เซียน พาข้าไปหน่อย ข้าเดินไม่ไหว”
       เซียนมองพิชิตพลางส่ายหน้า
 เซียนขี่รถพาพชิตมาที่ตลาดแล้วจอดรถมุมหนึ่ง พิชิตลงจากรถ
       “ถ้าลุงไม่ไหว ทำไมไม่บอกเขาล่ะ”
       “ข้ามีเรื่องจะปรับทุกข์กับเอ็ง ไม่รู้จะพูดกับใครว่ะ ไม่อยากให้สายพิณได้ยินด้วย”
       “เฮ้ย เดี๋ยวจะทุกข์เพิ่มขึ้นไม่รู้นะ”
       พิชิตล้วงกระเป๋า หยิบรายการซื้อยาวเหยียดให้เซียนดู
       “รายการกับข้าวที่คุณนายเค้าให้ซื้อ”
       “ไก่ต้มน้ำปลา...เป็ดพะโล้ ... แฮกึ๊น...” เซียนอ่านแล้วชะงัก “โห คุณนายสินเธาว์เค้าจะลงทุนสั่งไปเลี้ยงใครฮึ”
       พิชิตหยิบเงิน 50 บาทส่งให้ดู “อะไร”
       “หมดนี่ 50 บาท แถมยังต้องเอาไปทอนด้วย นี่แหละที่ข้าอยากจะปรึกษา”
       “เขาจะทำเลี้ยงใคร”
       “ได้ยินคุณนายบอกว่าท่านประธานของคุณน้ำเพชร”
       เซียนกลอกตาเจ้าเล่ห์ไปมา
       “ฉันจัดการเอง”
       “เฮ้ย พูดเป็นเล่น”
       “พูดเป็นเล่น แต่ทำจริง ลุงกลับไปบอกคุณนายสินเธาว์ว่างี้นะ”
       เซียนอธิบาย พิชิตพยักหน้า
      
       พิชิตกลับมาที่ร้านพร้อมกับเอาเงินทอน 20 บาทมาคืนกิมฮวย
       “ยี่สิบบาท ยี่จั๊บ นี่ลื้อใช้ไปตั้งซาจั๊บ สางสิบบักเลยเรอะ”
       “อาฮวย...ย”
       “บอกว่าอั๊วชื่ออาสิงเทา”
       สุมาลีและอภิญญา หันมามองหน้ากัน และหลุดหัวเราะไม่ได้ เติมศักดิ์กระแอม
       “ลื้อแน่ใจนะว่าจะชื่อ อาสิงเทา”
       “แล้วลื้อจะทำมาย อิกฉาเรอะงาย ชื่ออาเติงศักดิ์มีกันเกื่อง ชื่อสิงเทาอั๊วไม่เคยล่ายยิงใครชื่อ อาสุมาลีกับอาพิงยายังทำหน้าชื่อชงเลย” สองสาวรีบไปต้อนรับลูกค้าทันที “ลื้อม่ายล่ายอมเงินอั๊วแน่นะ อาพิชิก”
       “เปล่าแน่นอนครับ คุณนายสินเธาว์”
       “แล้วไอ้พ่อครัวมังจะมาส่งอาหารทังห้าโมง หกโมงหรือเป่า”
       “อ๋อ เค้าบอกว่า ถ้าไม่ทันยินดีให้ปรับครับ”
       “เหม คิกแล้วอยากให้มังมาส่งไม่ทังจริงๆ เลย” เติมศักดิ์เกาหัว “อยากล่ายค่าปับ”
      
       บริเวณหลังชุมชนมีผักบุ้ง ผักกะเฉด ขึ้นอยู่เต็มบริเวณนั้น ป๋องหันมาทางเซียนเหมือนไม่ค่อยแน่ใจนัก
       “เอ็งแน่ใจนะ”
       “สุดจะแน่ เดี๋ยวน้ำพริกมะม่วงก็ไปเก็บมะม่วงหลังบ้านหมอแม่น พริกขี้หนูบ้านสายพิณ กะปิก็ไปขอบ้านสายพิณ เอ็งทำกับข้าวอร่อยอยู่แล้ว”
       “แล้วอย่าลืมค่าจ้าง เพราะข้าไม่ได้ขี่มอ’ไซค์”
       “เออน่า ... อ้อ ต้องมีปลาสักตัว”
       “เอ็งจะไปเอาที่ไหน”
       เซียนนึกครู่หนึ่ง
       “ไปขอหลวงพ่อ” ป๋องชะงัก
       “ขอหรือขโมย”
       “บอกว่าขอก็ขอซีวะ”
       “บาปนะเว้ย”
       “งั้นขโมยก็ได้”
       “ไอ้เซียน ... ข้าเอาด้วยกับเอ็งทุกอย่าง ยกเว้นขโมยของพระ”
       “ไอ้ป๋อง ถึงจะขี้เล่นซักนิด รักสนุกซักเหนื่อย แต่ข้าก็เป็นคนดีที่ไม่มีจิตใต้สำนึกนะเว้ย เอ็งไปจัดการเรื่องของเอ็งได้แล้ว”
      
       เซียนเดินย้อนกลับไป ป๋องหันมามองผักบุ้งซึ่งขึ้นเต็มไปหมด  
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ