อ่านละครเกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17 (ต่อ) วันที่ 4 ก.ค. 55

{[['']]}
 ล้วนเดินผิวปากอย่างสบายใจ เสกสรรวิ่งตามมามองหา แล้วเห็นล้วนกำลังเดินไปที่มุมหนึ่ง เสกสรรค์พยายามสะกดรอยตามไป ล้วนเดินไปรู้สึกได้ว่ามีคนตาม...ล้วนคิดอะไรบางอย่าง หยุดที่หน้าห้องหนึ่งทันทีเสกสรรค์รีบหาที่หลบ...ล้วนเคาะประตูห้อง พูดเสียงดัง
      
       “นายใหญ่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
       ประตูเปิดออก ล้วนเข้าไปในห้องทันที เสกสรรค์รีบออกจากที่ซ่อน แล้ววิ่งมาที่หน้าประตูห้องตัดสินใจผลักประตูเข้ามาในห้อง เจอพนักงานทำความสะอาดที่ยืนตกใจ เสกสรรค์แปลกใจ แต่แล้วล้วนออกจากที่ซ่อนเข้ามาต่อสู้กับเสกสรรค์ทั้งสองตะลุมบอนกันเสก สรรค์เสียท่า ล้วนวิ่งหนีออกไปจากห้อง เสกสรรค์รีบตามไป...
      
       ประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก เทพยิงใส่ เสกสรรค์หลบหลังรถเข็นทำความสะอาด เทพกับล้วนและลูกน้องรีบวิ่งหนีออกไป...เสกสรรค์จึงค่อยๆลุกขึ้น แล้ววิ่งตามออกไป
       ชายคำรณฤทธีรอตำรวจอยู่หน้าโรงแรม
       “ป่านนี้ตำรวจยังไม่มาอีก”
       ทันใดนั้น...พวกเทพวิ่งออกมา ชายคำรณฤทธีรีบหามุมหลบ เสกสรรค์วิ่งตามมา พวกเทพหันกลับไปยิงใส่ สกัดไว้ เสกสรรค์รีบหลบ...รถตำรวจวิ่งเข้ามา พวกเทพวิ่งหนีไปด้านหลังโรงแรม ตำรวจวิ่งไล่ตามพวกเทพไป ชายคำรณฤทธีวิ่งเข้าไปหาเสกสรรค์
       “เสกเป็นยังไงบ้าง”
       “ผมปลอดภัย”
       เสกสรรค์รีบวิ่งตามพวกเทพไป ชายคำรณฤทธีเป็นห่วง
       “เสก!”
       ชายคำรณฤทธีคิดอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเสกสรรค์
      
       เทพกับลูกน้องวิ่งหนีมาในป่ารกหลังโรงแรม ล้วนหันไปบอกเทพ
       “นายใหญ่หลบไปทางด้านโน้นครับ ผมจะล่อพวกมันไปอีกทาง”
       เทพจึงวิ่งแยกออกไปอีกทาง ล้วนและลูกน้อง เห็นว่าตำรวจไล่ล่า จึงวิ่งนำไปอีกทาง...ตำรวจวิ่งไล่ตามพวกล้วนไป
       เสกสรรค์ออกมาจากมุมหนึ่ง รู้ว่าเทพไปทางไหน วิ่งตามไป เทพวิ่งหนีมาจนมาถึงแม่น้ำ หาทางหนี แต่เมื่อหันกลับมาเจอเสกสรรค์ยืนถือปืนขู่ไว้
       “แกจนตรอกแล้ว ยอมรับชะตากรรมของแกได้แล้ว”
       “ไม่เอาน่าคุณเสกสรรค์ โกรธแค้นที่ผมแย่งชิงคนรักถึงกับจะฆ่าแกงผมเลยเหรอ”
       “ฉันไม่ฆ่าแก แต่ฉันจะจับแกส่งตำรวจ ชดใช้กรรม ทิ้งปืนซะ”
       เทพยอมจำนน ทิ้งปืนลง เสกสรรค์เดินเข้ามาหาเทพจะเข้ามาจับตัวแต่เทพพลิกสถานการณ์เข้าต่อสู้กับเสก สรรค์จนปืนตก ทั้งสองต่อสู้กัน
       ตำรวจวิ่งไล่ตามแต่หาพวกล้วนไม่เจอ...แต่แล้ว ล้วนและลูกน้องออกจากที่ซ่อน เข้ามาต่อสู้ทำร้ายตำรวจ...ลูกน้องอีกคนขับรถเข้ามาพวกล้วนกระโดดขึ้นรถ ไป...ตำรวจยิงไล่ไม่ทัน
      
       เสกสรรสู้กับเทพ เขาเสียท่าแต่เขาก็พยายามทำร้ายบาดแผลของเทพทำให้เทพเจ็บล้มลงไปอยู่ใกล้ปืน เทพลุกขึ้นคว้าปืนขึ้นจะยิง เสกสรรค์ตกใจ ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง กระสุนปืนโดนขาเทพ ชายคำรณฤทธีถือปืนเป็นคนยิง เทพทรุดตัว หงายหลังตกไปในแม่น้ำ เสกสรรค์และชายคำรณฤทธีวิ่งมาที่แม่น้ำ เทพหายไปกับแม่น้ำ...
      
       หญิงมานศรีทำมงกุฎดอกไม้เสร็จแล้ว
       “ขอเชิญเจ้าหญิงเบลล์รับมงกุฎดอกไม้ได้แล้วค่ะ”
       เด็กๆเข้าแถว มารับมงกุฎดอกไม้จากหญิงมานศรี ทิวเดินเข้ามา หญิงมานศรีมองด้วยความแปลกใจทิวโค้งให้
       “ถึงเวลาเต้นระบำฉลองความสุขกันแล้ว พะยะค่ะ”
       หญิงมานศรีแปลกใจ เสียงเพลงดังขึ้น ชายหนุ่มเข้ามาจับหญิงสาวเต้นระบำด้วยกัน โดยมีเด็กๆปรบมือให้...ทิวเต้นระบำกลางทุ่งดอกไม้ เป็นภาพแห่งความสุขและความสวยงาม...พิไลพรยืนอยู่มุมหนึ่งมองด้วยความชื่นชม
       “ขอให้ชีวิตจริง...เจ้าหญิงได้สมหวังกับเจ้าชายด้วยเถอะ”
       พิไลพรเป็นกำลังใจให้หญิงมานศรี หันไปมองมุมหนึ่ง เห็นธีระพลเพิ่งทำงานเสร็จเดินออกไป...พิไลพรคิดอะไรบางอย่าง
      
       ธีระพละกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในห้องอาหารของโรงพยาบาล พิไลพรถือแก้วน้ำมาสองใบ ยื่นให้
       “พรซื้อน้ำมาให้หมอค่ะ”
       “ไม่เป็นไรครับ ผมซื้อมาแล้ว”
       ธีระพลหันไปมองแก้วที่ซื้อมา พิไลพรผิดหวังเล็กน้อยจะเดินออกไป แต่เปลี่ยนใจกลับมายืนตรงหน้า
       “พรขอนั่งทานด้วยคนนะคะ”
       พิไลพรนั่งลงตรงหน้าเขา ธีระพลมองๆ แล้วจับมือของหญิงสาว พิไลพรแปลกใจระคนดีใจ
       “กี่โมงแล้วครับ”
       พิไลพรชะงักอึ้ง รู้สึกตัว มองนาฬิกาที่ข้อมือที่เขาจับ
       “จะบ่ายสามแล้วค่ะ”
       “อืม...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
       ธีระพลลุกขึ้นออกไปทันที พิไลพรต้องนั่งคนเดียวมองตามเขาไป รู้สึกผิดหวัง คิดว่าธีระพลไม่สนใจเธอ หญิงสาวพยายามสลัดความรู้สึกผิดหวังออกไป ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง
      
       เด็กๆยกมือไหว้ทิวและหญิงมานศรี
       “ขอบคุณมากนะคะ”
       ทิวยิ้มให้เด็กๆ
       “พรุ่งนี้มาฟังนิทานเรื่องใหม่นะครับ พี่คนสวยมีนิทานและมงกุฎดอกไม้ให้ทุกวันเลย”
       “พรุ่งนี้พวกเราจะมาอีกค่ะ”
       เด็กๆวิ่งออกไป...ทิวหันไปยิ้มให้หญิงมานศรี
       “ใครบอกว่าฉันจะมาอีก ฉันจะกลับวัง แล้วจะไม่มาอีก”
       “กลับได้ไง คุณมีหน้าที่มาดูแลผม”
       “ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น แต่คุณก็หายดีเป็นปกติแล้วนี่ คงไม่ต้องการคนดูแล”
       “ใครบอก...ภายนอกเหมือนจะหาย แต่ภายในมันเจ็บ เจ็บตรงนี้”
       ทิวจับมือหญิงสาวมาจับบริเวณหน้าอก หญิงมานศรีหมั่นไส้
       “ตรงนี้ใช่มั้ย”
       หญิงสาวกดแรง
       “โอ๊ย ผมเจ็บนะ” ทิวแกล้งทรุดตัว “โอ๊ย”
       หญิงมานศรียิ้มเย้ย
       “หยุดเลย ไม่ต้องมารยา เจ็บแค่นี้ไม่ถึงกับตาย”
       “ผมเจ็บจริงๆนะ”
       ทิวทำทีเป็นดิ้นด้วยความเจ็บปวด แล้วก็หยุดนิ่งไป หันหน้าหนีไปอีกทาง หญิงมานศรีไม่เชื่อใจ
       “เลิกเล่นได้แล้ว ฉันกลับแล้วนะ”
       ทิวลุ้นว่าหญิงสาวจะมาช่วยหรือไม่ ชายหนุ่มยอมนิ่งรอลุ้นต่อไป หญิงมานศรีจะออกไปแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เดินมานั่งข้างตัวเขาดึงตัวให้หันมา
       “เป็นไงบ้าง”
       ทิวจึงหันกลับมาทำให้หน้าทั้งสองใกล้กันมาก ทั้งสองมองหน้ากันตกอยู่ในภวังค์ ทิวค่อยๆลุกขึ้น จะหอมแก้มหญิงมานศรี ทันใดนั้นเสียงเสกสรรค์ดังขึ้น
       “คุณหญิงครับ”
       หญิงมานศรีและทิวค่อยๆลุกขึ้นหันไปมอง
       “เสก!”
      
       เสกสรรค์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
       “นายเทพจมหายไปกับแม่น้ำ ทางตำรวจช่วยกันระดมกำลังออกตามหา”
       หญิงมานศรีคิดๆ
       “เขาอาจตายไปแล้วก็ได้”
       ทิวเจ็บแค้นใจ
       “คนอย่างมันไม่ควรตายง่ายเกินไป มันต้องรับกรรมให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไป”
       เสกสรรค์ถอนใจ
       “ผมก็หวังว่าเขาจะรอดชีวิตมาชดใช้กรรมในคุก”
       “ผมนี่ล่ะจะเป็นคนปลิดชีวิตมันด้วยมือผมเอง”
       ทิวยังคงอาฆาตแค้น หญิงมานศรีได้แต่มอง และรับรู้ถึงความแค้นที่ทิวมีต่อเทพ
      
       หญิงมานศรีมาส่งเสกสรรค์ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
       “ขอบใจเสกมากนะที่มาบอกข่าว คุณแม่เสกท่านเป็นยังไงบ้าง”
       “ท่านไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ยังงอนผมอยู่ คงต้องใช้เวลาสักระยะ”
       “หญิงเป็นกำลังใจให้นะ”
       “ได้ข่าวว่าหญิงมาเป็นพยาบาลส่วนตัวดูแลคุณทิว ผมอยากป่วยบ้างจัง”
       หญิงมานศรีแปลกใจที่เสกยังมีเยื่อใย
       “เสก”
       “เสกเข้าใจคำว่าเพื่อนนะ เข้าใจและยอมรับมันได้ แต่ผมยังทำใจไม่ได้...”
       เสกสรรค์จับมือหญิงมานศรี ทิวแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
       “ให้เวลาผมหน่อยนะ มันเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนสถานภาพจากคนรักมาเป็นเพื่อน”
       “หญิงเชื่อว่าเสกต้องทำได้...”
       หญิงมานศรีกุมมือให้กำลังใจ...ทิวเห็นภาพนั้นก็ไม่พอใจ...หญิงมานศรีเอามือออกบอกลาเสกสรรค์
       “เดินทางปลอดภัยนะ”
       “ครับ”
       เสกสรรค์เดินออกไป หญิงมานศรีมองส่ง แล้วหันกลับ ทิวยืนอยู่ที่มุมหนึ่งกลัวหญิงมานศรีจับได้ว่ามาแอบมอง รีบเดินหนีไป...หญิงมานศรีมองเห็นแต่ไม่มั่นใจนัก
      
       ทิวรีบเดินเข้าห้อง แล้วดึงผ้าห่มมาคลุม เสมือนว่านอนพักอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน หญิงมานศรีเดินเข้ามาในห้อง...ทิวทำทีเป็นนอนอยู่นานแล้ว ก่อนจะพูดประชด
       “แฟนกลับไปแล้วเหรอ”
       “เสกไม่ใช่แฟน เขาเป็นเพื่อน”
       ทิวยังประชด
       “เพื่อนสนิท”
       หญิงมานศรีรำคาญ ประชดกลับ
       “ใช่เพื่อนสนิ๊ทสนิท พอใจมั้ย นายอยากให้ฉันเป็นอะไรกับเสก ฉันก็จะเป็นอย่างที่นายต้องการ”
       หญิงสาวย้อนกลับทำให้ชายหนุ่มเจ็บใจ
       “ต่อไปห้ามเขามาที่นี่อีก”
       “เหตุผล”
       “ฉันต้องการการพักผ่อน ไม่อยากให้ใครรบกวน”
       หญิงมานศรีมองยียวน
       “งั้นฉันจะออกไปพบเขาที่อื่น”
       ทิวเสียงแข็ง
       “ไม่ได้!”
       “เพราะ”
       “เธอต้องอยู่ดูแลฉัน 24 ชั่วโมง”
       “ขอโทษ ฉันไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ จะสั่งอะไรได้ดั่งใจ”
       “นี่เป็นคำสั่ง!”
       “ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับออกคำสั่ง”
       “ฉันขอสั่งให้เธอ...”
       หญิงมานศรีสวนขึ้นทันที
       “นายสั่งฉันอีกคำเดียว ฉันกลับวัง”
       ทิวชะงัก
       “เอ่อ...ฉัน...จะนอนแล้ว กรุณาอย่าส่งเสียงดัง...นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำขอ”
       หญิงมานศรียิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ ทิวหมั่นไส้
       “ด้านนี้ทัศนวิสัยไม่ดี”
       ทิวพลิกตัวหนีไปอีกทาง หญิงมานศรีแลบลิ้นใส่ มองไปที่ปลายเท้าเห็นเขายังสวมรองเท้านอนจึงพูดขึ้น
       “หลังจากออกไปนอกห้อง...ก่อนขึ้นเตียงก็ถอดรองเท้าด้วยนะคะ”
       ทิวอึ้ง มองที่ปลายเท้าเห็นรองเท้าเสียหน้าที่เธอรู้ว่าเขาแอบไปมอง ชายหนุ่มหันหน้ากลับมา เจอหญิงสาวยิ้มเย้ยก็เขินอาย ไม่รู้ทำไง ค่อยๆดึงผ้าห่มมาคลุมปิดหน้าแล้วเผลอหัวเราะอายตัวเองในผ้าห่ม หญิงมานศรีพลอยหัวเราะขำไปด้วย...
      
       ล้วนและลูกน้องตามหาเทพ หลังจากรู้ว่าเทพตกน้ำหายไป ล้วนสั่งลูกน้องเสียงเข้ม
       “ตามหานายใหญ่ให้เจอ”
       “นายใหญ่อาจตายแล้ว รอให้ลอยขึ้นมาพรุ่งนี้ดีกว่าพี่”
       ล้วนตบหน้า
       “นายใหญ่ยังไม่ตาย รีบตามหา”
       ลูกน้องต่างออกตามหา ล้วนเดินหาที่ริมแม่น้ำและแล้ว มือหนึ่งจับขาล้วนไว้...
       “นายใหญ่!”
      
       เทพเกาะขาล้วนไว้ ล้วนรีบช่วยดึงขึ้นจากแม่น้ำ
 เวลาผ่านไปอีกหลายวัน...ธีรพลรายงานผลการรักษา
      
       “อาการคุณทิวดีขึ้นมาก...กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้วครับ”
       ทิวอยากอยู่ต่อเพื่อให้หญิงมานศรีดูแล
       “ผมว่าพักอีกสักสองสามวันก็ดีนะครับ เผื่อมีโรคแทรกซ้อน”
       “ผมตรวจดูละเอียดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ”
       พิไลพรเสริม
       “ใช่ค่ะ...พักรักษาตัวที่บ้าน ได้อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ บรรยากาศดีช่วยให้สุขภาพจิตดีด้วยค่ะ”
       ทิวพยายามยื้อเวลา
       “แต่ผม...”
       หญิงมานศรีตัดบท
       “ค่ะ...คุณทิวจะกลับวันนี้ หญิงจะแจ้งให้คุณพวงทองมารับตัวค่ะ”
       ทิวมองหน้าหญิงมานศรี ไม่พอใจนัก...
      
       หน้าโรงพยาบาล...พวงทองรับกระเป๋าจากหญิงมานศรี
       “ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ช่วยดูแลทิว”
       “ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ค่ะ”
       หญิงมานศรีหันไปมองทิว ไม่พอใจที่เขาเป็นคนบีบบังคับให้เธอมาดูแล
       “ดิฉันขอเอากระเป๋าไปที่รถก่อนนะคะ”
       “งั้นหญิงลาเลยนะคะ หญิงก็จะกลับกรุงเทพแล้วเหมือนกัน”
       หญิงมานศรีไหว้ลา พวงทองรับไหว้ อย่างเสียดาย หญิงมานศรีหันมาบอกทิว
       “ฉันไปล่ะ”
       หญิงสาวจะเดินออกไป ชายหนุ่มรั้งมือไว้
       “ไมถึงอยากอยู่ห่างจากฉันนัก อ๋อ...อยากกลับไปหาเพื่อนสนิท”
       “ใช่ค่ะ อยากไปอยู่ใกล้กับคนที่เรารู้สึกดีและเขาก็รู้สึกดีกับเรา”
       “ฉันน่าขยะแขยงนักรึไง”
       “ฉันคิดว่าเจ้าชายอสูรมีแค่ในนิทานซะอีก ในชีวิตจริงก็มีด้วยเหมือนกันนะ”
       ทิวจับแขนหญิงสาวเข้ามาทั้งสองมองหน้ากัน
       “เธอยังกลับไปไม่ได้ เพราะหม่อมแม่เธอสัญญาจะให้เธอมาดูแลฉัน”
       “ในคำสัญญานั้น บอกให้ฉันดูแลนายตอนที่นายป่วย”
       “ฉันรู้ตัวว่ายังไม่หายดี ฉันต้องไปพักฟื้นที่บ้านอีก”
       “แต่มันคงจะไม่เหมาะ เพราะมันเป็นหน้าที่ของภรรยานาย...คุณขวัญตาคงรอคอยนายและพร้อมดูแลนายด้วยความรัก...”
       ทิวอยากจะบอกความจริงกับหญิงมานศรีเกี่ยวกับขวัญตา
       “ความจริงแล้ว ขวัญตา...เขาไม่ได้เป็น...”
       หญิงมานศรีรอฟัง พิไลพรเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
       “เชิญค่ะคุณหญิง ออกเดินทางได้แล้วค่ะ”
       “ฉันไปก่อนนะ”
       หญิงมานศรีบอกลาทิว แล้วเดินไปกับพิไลพร ทิวมองตาม สายตามองด้วยความรักและคิดถึง หญิงมานศรีเข้าไปในรถ สักครู่รถวิ่งออกไป หญิงมานศรีหันมามองทิว ชายหนุ่มมองหญิงสาวจนรถวิ่งลับตาไป...
      
       ทิวเดินมายืนมองคฤหาสน์ พวงทองเข้ามาถาม
       “ทิวแน่ใจนะ จะไม่กลับมาอยู่ที่นี่”
       “ไม่ครับ”
       ทิวจะเดินออกไป
       “ถึงทิวไม่อยากเข้าบ้าน อย่างน้อยพี่อยากให้ทิวได้ไปเยี่ยมขวัญตา...”
       ทิวแปลกใจ
       “ขวัญตา”
       “ขวัญตาพักอยู่ที่นี่”
       “แต่ขวัญตาบอกผมว่าจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อกำนัน”
       “ขวัญตากลับมาเพื่อแก้แค้นผ่องทิพย์ ผ่องทิพย์โกรธมาก ทั้งสองทะเลาะกันแล้วผ่องก็ผลักขวัญตาตกบันได จนแท้งลูก”
       ทิวตกใจ เป็นห่วงขวัญตา
       “แท้งลูก...”
      
       ทิวเดินเข้ามาในห้องกับพวงทอง เห็นขวัญตานอนลืมตาโพลง ไม่มีสติ เลื่อนลอย
       “ขวัญตา...ทำไมถึงมีสภาพเป็นอย่างนี้”
       “หมอบอกว่าสมองขวัญตาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก อาจเป็นอัมพาตชั่วชีวิต หรือสติเลอะเลือน พี่รับขวัญตามาดูแลแทนพ่อของเขา...พี่อยากรับผิดชอบ”
       ทิวเข้าไปดูอาการขวัญตา อย่างสงสาร ทิวเข้าไปจับมือ ลูบหน้าขวัญตาด้วยความสงสาร แต่ขวัญตาไม่แสดงอาการใดๆ
      
       หญิงมานศรีนั่งอยู่มุมหนึ่งในวังกฤตยา หญิงสาวนึกถึงภาพของทิวที่กำลังนั่งเล่านิทานให้เด็กๆ แล้วเธอเข้าไปช่วยเล่านิทาน และเล่นนิทานกอดกัน หญิงสาวนึกถึงตอนที่ ทิวทำมงกุฎดอกไม้ได้แย่มาก เธอเข้ามาช่วยทำมงกุฎดอกไม้ นึกถึงเหตุการณ์ที่ทิวเต้นรำกับเธอ เหตุการณ์ที่เขาโอบกอดแล้วจูบเธอ เมือนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้ว ก็เศร้าใจที่ไม่ได้เจอกันอีก
       พิไลพรเห็นหญิงมานศรีนั่งซึมอยู่ ก็เดินเข้ามาแซว
       “เฮ้อ คุณทิวนะคุณทิว กลับทัดเทพไปตั้งหลายวัน ไม่คิดจะติดต่อส่งข่าวมาบ้างเลย”
       หญิงมานศรีทำเป็นไม่สนใจ
       “เรื่องของเขาสิ เขาอาจจะยุ่งจนไม่คิดถึง...เอ่อ...ใคร”
       “ใครนี่...หมายถึงใครคะ”
       “ใครก็ได้”
       หญิงมานศรีเดินหนีพิไลพรไป ชายคำรณฤทธีและธีรพลเข้ามา
       “ว่าไง พร...หญิงมานศรีพูดอะไรบ้างมั้ย”
       พิไลพรส่ายหน้า ชายคำรณฤทธีหนักใจ
       “อะไรน้า ที่ทำให้คนสองคนที่หัวใจตรงกัน เลือกที่จะไม่พูดความจริง”
       “ทิฐิไงคะ คุณชาย”
       ธีรพลถอนใจ
       “มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดจริงๆ”
       “แหม หมอธีคะ...มีชีวิตมายี่สิบกว่าปี เคยเป็นคนปากแข็ง ใจแข็งยังไง จู่ๆจะให้เปลี่ยนตัวเอง มันก็คงจะทำยากอยู่นะคะ”
       ธีรพลเห็นด้วย
       “ก็จริง”
       ชายคำรณฤทธีพูดเรียบๆ
       “แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ แค่อาจจะต้องใช้เวลา”
       พิไลพรหนักใจ
       “นานแค่ไหนก็ไม่รู้”
       ชายคำรณฤทธีมองน้องสาวอย่างสงสาร
       “ฉันจะไม่ยอมให้น้องหญิงมีความทุกข์ เพราะทิฐิของตัวเองอย่างนี้แน่เราต้องช่วยกัน ชายธี พิไลพร”
       ธีรพลกับ พิไลพรยิ้มให้กัชายคำรณฤทธี พร้อมที่จะช่วยเหลือให้หญิงมานศรีเลิกปากแข็งใจแข็ง ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
      
       ทิวสงสารขวัญตามาก บ่นออกมาอย่างเศร้าๆ
       “พี่ผ่องไม่น่าทำรุนแรงถึงขนาดนี้เลย”
       ผ่องทิพย์เข้ามาโวยในห้อง
       “ก็มันทำลายฉัน มันคิดจะทำให้คุณเทพเกลียดฉัน ฉันยอมไม่ได้”
       “พี่ผ่อง!”
       “คิดดูอีกที น่าจะช่วยสงเคราะห์ให้มันตายไปซะ ไม่ต้องนอนตายซากอยู่อย่างนี้ ว่าไงนังขวัญตา ฉันช่วยส่งวิญญาณแกให้ เอามั้ย”
       ผ่องทิพย์เข้าไปเขย่าร่างขวัญตา...ทิวไม่พอใจลากตัวผ่องทิพย์ออกไปจากห้องทันที
      
       ทิวลากผ่องทิพย์ออกมา ผ่องทิพย์สะบัด
       “ปล่อยฉัน ไอ้ทิว ปล่อย”
       “ปล่อยก็ได้!”
       ทิวผลักผ่องทิพย์ล้มลงไปที่มุมหนึ่ง
       “พี่ไม่รู้รึไงว่าผู้ชายที่พี่รักนักรักหนา เป็นฆาตกรฆ่าพ่อแม่เรา”
       “ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ! คุณเทพของฉันไม่มีวันทำอย่างนั้น คุณเทพบริสุทธิ์”
       พวงทองเข้ามาเสริม
       “บริสุทธิ์แล้วทำไมต้องหนีความผิด ตอนนี้ ตำรวจกำลังตามล่าหาตัวเขามาดำเนินคดี”
       “เพราะทุกคนบีบคั้นเขาไง” ผ่องทิพย์โวยใส่ทิว “แกใส่ร้ายคุณเทพ เพราะแกต้องการแย่งชิงนังคุณหญิง”
       ทิวอึ้ง
       “มันไม่เกี่ยวกัน ที่ฉันบอกพี่มันคือความจริง”
       “ฉันไม่เชื่อแก ได้ยินมั้ยฉันไม่เชื่อแก”
       ผ่องทิพย์เข้ามาทำร้าย ทิวจับมือไว้
       “ต้องรอให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุกก่อนใช่มั้ยพี่ผ่องถึงจะเชื่อ! ได้...ผมจะเป็นคนตามล่าจับตัวมันมาสารภาพต่อหน้าพี่เอง พี่จะได้หูตาสว่างสักที”
       ทิวสะบัดตัวผ่องทิพย์ออก แล้วเดินออกไปจากบ้าน...พวงทองเดินเข้ามา ผ่องทิพย์อึ้ง แล้วเข้าไปถามพี่สาวท่าทีอ่อนลง
       “พี่พวง...ไอ้ทิวโกหกใช่มั้ย”
       “พี่เตือนเธอมาทั้งชีวิตแล้วนะ เธอต้องใช้สติเตือนตัวเองให้เปิดใจรับความจริงบ้าง”
       พวงทองเดินออกไป ผ่องทิพย์คร่ำครวญ
       “คุณเทพเป็นคนดี...คุณเทพรีบกลับมาหาผ่องนะคะ...เราจะได้แต่งงาน กัน...ผ่องพร้อมเสมอที่จะเป็นเมียหมายเลขหนึ่งของคุณ ไม่เปลี่ยนแปลง”
       ผ่องทิพย์ยังคงเพ้อฝันอยู่กับเทพ...
      
       วันใหม่...หญิงมานศรีแต่งตัวพร้อมเดินทางไปต่างประเทศ เดินเข้าไปไหว้ลาหม่อมสรัสวดี...
       “หญิงแน่ใจนะลูก...”
       “หญิงตัดสินใจดีแล้วค่ะ หม่อมแม่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ หญิงไปติดต่องานให้ท่านลุงที่อังกฤษ...อีกไม่นานก็กลับ หญิงต้องตอบแทนพระคุณของท่านลุงที่กรุณารับหญิงไว้ทำงานแล้วยังช่วยเหลือ ธุรกิจของเราไว้อีกต่างหาก”
       “นั่นสินะ แม่ก็มัวแต่เป็นห่วง...ถ้าไม่ได้ท่านลุงเราคงหาทางออกลำบาก กตัญญูต่อผู้มีพระคุณอย่างนี้ดีแล้วลูก ชีวิตของลูกจะเจริญ ไม่มีทางตกอับ”
       หม่อมสรัสวดีเข้ามาโอบกอดลูกสาว ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา
       “ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ หญิง”
       “ค่ะพี่ชาย...”
       หญิงมานศรีหันไปบอกลาแม่แล่ม กับพิไลพร
       “แม่แล่ม...พิไลพร...หญิงไปนะจ้ะ”
       “รีบกลับมานะคะคุณหญิง...”
       หญิงมานศรียิ้มให้พิไลพร กำลังจะออกไป ธีรพลวิ่งเข้ามา
       “แย่แล้ว หญิงมานศรี...ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลว่าคุณทิวประสบอุบัติเหตุ...”
       ธีรพลยังพูดไม่จบ หญิงมานศรีตกใจถามอย่างร้อนรน
       “นายทิว นายทิวเป็นอะไร”
       “เอ่อ...”
       ธีรพลยังพูดไม่ทันจบ หญิงมานศรีสวนขึ้น
       “หมอธี ไปโรงพยาบาลกับหญิงเดี๋ยวนี้”
       หญิงมานศรี ลากตัวธีรพลออกไป ชายคำรณฤทธีงงๆ
       “น้องหญิง รอพี่ด้วย”
       “พรไปด้วยค่ะ”
       ชายคำรณกับพิไลพรวิ่งตามกันออกไป หม่อมสรัสวดีมองตามงงๆ
       “อะไรกันเนี่ย...แล้วเรื่องเดินทางไปอังกฤษล่ะลูก”
       แม่แล่มเข้ามาบอก
       “เรื่องงานรอได้ค่ะ แต่เรื่องคุณทิวเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า”
       “พูดอะไรน่ะแม่แล่ม...ฉันไม่เข้าใจ”
       แม่แล่มยิ้ม
       “แล่มจำได้นะคะ ว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเหมือนสมัยที่ท่านชายอมรเทพ ตัดสินใจไปขอหม่อมแต่งงานก่อนที่จะสายเกินไป”
       หม่อมสรัสวดีอึ้ง ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
       “ลูกหญิง...กับนายทิวน่ะเหรอ”
       “ค่ะหม่อม...”
       หม่อมสรัสวดีถึงกับยิ้มออกมา
       “โชคดีนะลูกหญิง...อย่าปล่อยให้หัวใจหล่นหายที่นั่น ลูกหญิงต้องนำหัวใจตัวเองกลับมาให้ได้นะ”
      
       หม่อมสรัสวดีเอาใจช่วยลูกสาว
   ขอขอบคุณจาก manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ