อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 12 วันที่ 4 ก.ค. 55

{[['']]}
ใหญ่เข็นรถมาชิดเตียงคนไข้วางของเยี่ยมไว้บนโต๊ะ ก้มลงช้อนขาอุ่นเรือนจะอุ้มขึ้นเตียง แต่อุ่นเรือนกลับคิดว่าใหญ่จะทำร้าย จึงผลักใหญ่สุดแรงจนใหญ่เซไป
       
       “อย่านะ แกจะทำอะไรฉัน”
       ใหญ่ชักไม่พอใจจึงขึ้นเสียง “ทำไม กลัวผมมาแก้แค้นเหรอ”
       อุ่นเรือนหวาดกลัวหนัก รีบเหลียวมองสัญญาณกดกริ่ง เอื้อมมือไปสุดแขนแต่ไม่ถึง ใหญ่ยืนมองเฉยๆ อุ่นเรือนหมุนล้อรถเข็นเพื่อไปให้ถึงที่กดกริ่ง ใหญ่เดินสบายๆ เข้าไปยืนขวาง
       “เวลาป้าทำผมทำไมไม่รู้จักกลัวบาป”
       อุ่นเรือนหมุนล้อถอยหนีทีละนิด ใหญ่เดินเข้าหาเชิงข่มขู่ให้อุ่นเรือนหวาดกลัว
       อุ่นเรือนทำใจกล้าตวาดกลับ “อย่ามาพูดเรื่องบาปบุญกับฉัน คุณเองก็เคยฆ่านายผา ทำร้ายใครต่อใครไปทั่ว ทั้งคุณนาย คุณนะ แล้วก็นังปิ่น”
       ใหญ่เย้ยหยัน “คุณนายครองสุขยัดข้อมูลพวกนี้ใส่หัวป้าล่ะสิ รวมทั้งบงการให้ป้าใส่ยาพิษฆ่าผมด้วย”
       อุ่นเรือนแก้ตัวพัลวัน “คุณนายไม่เกี่ยว ปิ่นมันก็ไม่เกี่ยว ฉันทำเอง ทำคนเดียว”
       ใหญ่ยิ่งโมโหย่อตัวลงนั่งตรงหน้าอุ่นเรือน จับที่วางแขนของรถเข็นทั้งสองข้างแน่น ไม่ให้อุ่นเรือนขยับรถเข็นได้ ใหญ่เร่งเร้ากดดัน และคาดคั้นอุ่นเรือน
       “คุณนายเป็นคนฆ่าพ่อผม ป้ารู้ใช่มั้ย ป้าต้องเห็น บอกผมมา”
       อุ่นเรือนโวยวายลั่น “ไม่ใช่ ไม่จริง คุณนายไม่เคยฆ่าใคร”
       “ผู้หญิงคนนี้เป็นคนใจคอโหดเหี้ยม ทำไมป้ายังหัวปักหัวปำเชื่อเค้าแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้”
       อุ่นเรือนเจ็บปวดฝังลึกในใจ “ถ้าไม่มีพ่อของคุณนาย อุ้มฉันขึ้นมาจากถังขยะที่นังผู้หญิงใจยักษ์ใจมารทิ้งฉันไว้ ฉันก็คงตายอยู่ในกองขยะไปแล้ว”
       พลางอุ่นเรือนร้องไห้ออกมา “ฉันสาบานว่าจะตอบแทนบุญคุณท่านทุกอย่าง แม้แต่ตายแทนลูกของท่าน หรือต้องตกนรกหมกไหม้ ฉันก็ทำได้”
       ใหญ่อึ้ง อุ่นเรือนจ้องหน้าใหญ่เขม็ง “คุณเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณของผู้ให้กำเนิด คุณคงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก จริงมั้ย”
       ถูกพูดแทงใจดำ ใหญ่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “ถ้าผมต้องตอบแทนบุญคุณใคร ด้วยวิธีทำร้ายคนอื่นเหมือนอย่างที่ป้าทำ ผมยอมเป็นคนอกตัญญู”
       อุ่นเรือนจ้องหน้าใหญ่ เถียงไม่ออกสักคำ
      
       ครองสุขถือบัตรเครดิต จดจ้องเจ้าหน้าที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลผ่านช่องเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่กดคีย์คอมพิวเตอร์ อ่านข้อมูล
       “คุณอุ่นเรือน ห้อง...” เจ้าหน้าที่บอกเลขห้อง “คุณชาลิตเป็นเจ้าของไข้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดค่ะ”
       ครองสุขหันกลับ หน้าดุดัน กัดฟันแน่น “ไอ้ใหญ่ นังอุ่นแกทรยศชั้น!”
      
       อุ่นเรือนขึ้นนอนอยู่บนเตียง สายตามองใหญ่ตาขวางอย่างไม่ไว้ใจ ใหญ่กำลังยกที่กั้นเหล็กขึ้นทั้งสองข้าง ใหญ่ยิ้มกวนๆ
       “ป้าคงเกลียดผมมากสินะ”
       “อย่าตามรังควานคุณนายอีก” อุ่นเรือนเสียงกร้าวแข็ง
       “ป้าคงไม่เคยรู้ตัว คนที่ได้รับผลจากการกระทำของป้าไม่ใช่ผม แต่เป็นปิ่นอนงค์ลูกสาวคนเดียวของป้า ป้าเกลียดชังแม่ตัวเองว่าใจยักษ์ใจมาร แล้วป้าทำอะไรกับลูกสาวป้าบ้าง”
       อุ่นเรือนสะอึก คำพูดของใหญ่แทงใจดำเต็มๆ ตวาดไล่ใหญ่ “คุณต่างหากที่ทำร้ายลูกสาวฉันมาตลอด มันหมดอนาคตก็เพราะไปแต่งงานกับผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบอย่างคุณ”
       ใหญ่โดนย้อนแทงใจดำเข้าบ้างถึงกับนิ่งอึ้ง
      
       ครองสุขเดินคุยโทรศัพท์น้ำเสียงหงุดหงิดมาก
       “ทำไมต้องเร่งชั้นด้วยอรสอางค์ ฉันกำลังจะไปที่รถเดี๋ยวนี้แหละ” ครองสุขมองตรงไปเห็นใหญ่เดินไปอีกทาง “เธอพาตานะกลับไปก่อน พอดีฉันเจอคนรู้จัก”
       ครองสุขรีบตัดสาย มองไปทางที่ใหญ่เดินออกมา ซึ่งเป็นทางเดินไปยังห้องอุ่นเรือนที่ครองสุขเจอครั้งแรก
       ที่หัวมุมทางเดินมีช่างซ่อมไฟฟ้า 2 คน ช่างคนหนึ่งปีนถอดกล้องวงจรปิดส่งให้ช่างอีกคนที่จับบันไดให้
       “สงสัยสายวงจรช็อร์ต”
       ครองสุขมองมุมเพดานว่างเปล่าเหลือแต่สายไฟโด่ๆ ไม่มีกล้องแล้ว ครองสุขมองไปตลอดทางเดินทั้งชั้นถ้าทำอะไรไม่มีกล้องบันทึกไว้แน่ๆ ยิ้มอย่างมีแผนร้าย
      
       อุ่นเรือนนั่งเหม่อลอย ยินเสียงใหญ่ก้องในหัว “ป้าคงไม่เคยรู้ตัว คนที่ได้รับผลจากการกระทำของป้า
       ไม่ใช่ผม แต่เป็นปิ่นอนงค์ลูกสาวคนเดียวของป้า ป้าเกลียดชังแม่ตัวเองว่าใจยักษ์ใจมาร แล้วป้าทำอะไรกับลูกสาวป้าบ้าง”
       อุ่นเรือนน้ำตาไหลริน เสียงโทรศัพท์สายภายในของโรงพยาบาลดังขึ้น อุ่นเรือนสะดุ้ง
      
       ปิ่นอนงค์เข็นรถขายข้าวแกงมาจอดหลบแดดตรงตลาดโบราณ จะโทรศัพท์มือถือแต่แบตหมด
       ปิ่นอนงค์แต่งชุดปอนๆ ใส่หมวกบังหน้าตา เดินไปที่โทรศัพท์เครื่องแดงหยอดเหรียญ ที่วางบนตู้ไม้บุกระจกใส่สินค้าเป็นชั้นๆ หน้าร้านขายทอง
       “แม่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
       อุ่นเรือนฟังโทรศัพท์นิ่ง เช็ดน้ำตาทำสีหน้าเป็นปกติ
       “เดี๋ยวขายของเสร็จ ปิ่นจะรีบไปเฝ้าแม่นะจ๊ะ”
       อุ่นทำเสียงปกติ ยกมือปาดน้ำตา “แกไม่ต้องมาหรอกปิ่น แม่ดีขึ้นมากแล้ว ขายของเสร็จก็กลับบ้านพักผ่อนซะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน”
       “โธ่แม่ ปิ่นยังไหว ขายข้าวแกงแค่นี้เอง”
       อุ่นเรือนทำเสียงเข้ม “อย่ามาเถียงแม่ ทำเป็นอวดเก่งไปได้ แกต้องหัดดูแลตัวเองบ้าง แม่เองคงอยู่กับแกไม่ได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ “แม่ ทำไมพูดอย่างนั้น”
       อุ่นเรือนอยากบอกว่ารักและห่วงปิ่นอนงค์ แต่พูดไม่ออก “แม่ ...อภัยให้แม่นะลูก”
       ปิ่นอนงค์ไม่ทันได้ฟัง เห็นคนยืนดูแกงในหม้อ ที่รถเข็น “อุ๊ย แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ แม่ เดี๋ยวค่ำนี้เจอกัน”
       ปิ่นอนงค์รีบวางโทรศัพท์ พุ่งไปที่รถเข็น ถามลูกค้า “รับอะไรดีจ๊ะ”
       อุ่นเรือนลดหูโทรศัพท์ลง “แม่รักแกมากนะปิ่น แม่ขอโทษที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณนายจนลืมนึกถึงแก” อุ่นเรือนเสียใจ ร่ำไห้ สะอื้นฮักๆ “แม่เสียใจ”
       มีเสียงเคาะประตูสองครั้ง อุ่นเรือนมองไปที่ประตู เห็นประตูค่อยๆ แง้มเข้ามาอุ่นเรือนดีใจ ไม่คาดฝัน
       “คุณนาย!”
      
       ตกกลางคืน ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาตามทางเดิน หิ้วกล่องใส่อาหารมาด้วย มาถึงห้องแม่ปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้าห้องผู้ป่วย พอเข้าห้องมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบนเตียงว่างเปล่า ปิ่นอนงค์เหลียวมองรอบห้องวางกล่องใส่อาหารที่เตียง แล้วรีบไปเปิดประตูห้องน้ำ
       “แม่.. แม่จ๋า”
       ปิ่นอนงค์ถอยจากประตูห้องน้ำ ป้าพยาบาลเปิดประตูเข้ามาถือเครื่องวัดดัน
       “คุณป้าค่ะ แม่หายไปไหนก็ไม่รู้”
       ป้าพยาบาลครุ่นคิด “เอ..เมื่อตอนเย็นพยาบาลพิเศษยังเห็นอยู่เลยนี่น่า เห็นว่าคุณใหญ่มาเยี่ยมก็เลย...”
       ปิ่นอนงค์ได้ยินก็ตกใจจับแขนพยาบาลถาม “คุณใหญ่.. คุณใหญ่มาเยี่ยมแม่หรือค่ะ”
       ป้าพยาบาลรู้สึกตัว อ้ำอึ้งแตะมือปิ่นอนงค์เบาๆ
       “หนูปิ่น อย่าโกรธป้าเลยนะ ป้าขอโทษจริงๆ ความจริงแล้วคุณใหญ่คือเจ้าของไข้ ช่วยดูแลค่าห้องค่าใช้จ่ายต่างๆให้แม่อุ่น เค้าขอร้องไม่ให้ป้าบอกหนูปิ่นกลัวหนูกับแม่อุ่นจะปฏิเสธความหวังดีของเค้า”
       ปิ่นอนงค์เครียดครุ่นคิดมองในแง่ร้ายว่าต้องเป็นใหญ่อุ้มแม่ไปแน่นอน
      
       เช้าวันต่อมา ปิ่นอนงค์บุกไร่ไพศาลหน้าตาเอาเรื่องเดินมาตามทาง พอกำลังจะผ่านต้นไม้ มีมือลึกลับจับแขนดึงไปหลบหลังต้นไม้
       ปิ่นอนงค์ร้องลั่นใช้อีกมือต่อสู้ทุบตีพัลวัน
       ที่แท้เป็นใหญ่ เขาใช้อีกมือจับแขนปิ่นอนงค์ดันไปจนหลังปิ่นอนงค์ติดต้นไม้ใหญ่ ปิ่นอนงค์หลับหูหลับตากรีดร้องดิ้นไปมาไม่หยุด
       ใหญ่ตัดสินใจประกบปากปิดปาก รสสัมผัสคุ้นเคย ทำเอาปิ่นอนงค์ชะงักหยุดกึก ตาโต พอรู้ตัวสะบัดผลักใหญ่ออกไป
       ปิ่นอนงค์เอาหลังมือเช็ดปาก “ใจร้ายชอบรังแกผู้หญิง เห็นปิ่นเป็นผู้หญิงข้างถนนหรือยังไงคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ”
       ใหญ่จุ๊ปาก เหลียวดูซ้ายขวา “เบาๆ สิ ก็เธอร้องเสียงดังอย่างเมื่อกี้ ถ้าอาปลอดได้ยินเข้าจะทำยังไง อาปลอดไม่ได้ใจดีเหมือนกับฉันหรอกนะ”
       “คุณใหญ่ไม่ต้องมาขู่ ปิ่นไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว คืนแม่อุ่นให้ปิ่นเดี๋ยวนี้”
       ใหญ่ตกใจมองสบตาปิ่นอนงค์เขม็ง
      
       ยามนั้นหน้าตาปลอดดูดุดันขณะเช็ดถูปืนพกสั้น อยู่ตรงโต๊ะในสนามหญ้าข้างเรือนใหญ่ สักครู่หนึ่งถวิลเดินเร่งรีบระแวดระวังเข้ามา ถวิลเข้าชะโงกพูดกับปลอดพลางชี้มือไปอีกทาง
       ถวิลมาบอกปลอดว่าเห็นทัศนีย์ที่เรือนพักเก่าของอุ่นเรือน
       ปลอดตบโต๊ะ “ดี วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้อีก..ไป”
      
       ปลอดเหน็บปืนเดินเร่งรีบไปกับถวิล
 สองคนอยู่ตรงริมลำธาร สีหน้าใหญ่เครียดเคร่งขณะพูดอธิบาย
      
       “ฉันสาบานได้ปิ่นอนงค์ ฉันไม่ได้พาป้าอุ่นออกจากโรงพยาบาลมาที่นี่หรือพาไปไหนทั้งนั้น”
       ใหญ่อัดอั้นอธิบายวุ่นวาย
       ปิ่นอนงค์จ้องหน้าใหญ่ “คุณใหญ่แอบมาเป็นเจ้าของไข้ให้แม่ คุณใหญ่ต้องการแก้แค้นแม่ปิ่น คุณใหญ่เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับแม่ อย่าโกหกปิ่นอีกต่อไปเลยค่ะ คืนแม่ให้ปิ่นเถอะนะค่ะ แม่ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่
       ปิ่นเป็นห่วงแม่”
       ใหญ่โกรธเอามือทุบต้นไม้อย่างแรง ปิ่นอนงค์สะดุ้ง “ปัดโธ่โว้ย.. อะไรกันเนี่ย..ทำดีไม่ได้ดี เธอคิดจริงๆหรือปิ่นอนงค์ว่าฉันจะเป็นคนเลวคิดร้ายกับป้าอุ่นได้ขนาดนั้น”
       ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด ใหญ่ตกใจคว้าข้อมือปิ่นอนงค์
       “อาปลอด เป็นเรื่องแล้ว หลบกันก่อนเร็ว”
       ใหญ่ลากปิ่นอนงค์ลุยน้ำไป ปิ่นอนงค์ตกใจ เหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่กตามใหญ่ไป
      
       ใหญ่จูงปิ่นอนงค์หนีลุยน้ำมา เหมือนมีคนตามไล่ล่า สองคนลุยน้ำลับโขดหิน และต้นไม้มาได้พอควร
       ปิ่นอนงค์หน้าซีดเหงื่อตกตาพร่ามัว ดึงแขนใหญ่ให้หยุด
       “คุณใหญ่..ปิ่น..ปิ่น”
       ใหญ่ชะงักมอง ปิ่นอนงค์พยายามจะพูด แต่ทรุดลงเป็นลม ใหญ่เข้ารับร่างปิ่นอนงค์ประคองแนบอก
       เสียงย่ำน้ำดังเข้ามา ใหญ่คิดว่าเป็นปลอดแต่พอหันไปดูเห็นเป็นเพ็ญ ใหญ่โล่งใจ
       “น้าเพ็ญ ผมก็นึกว่าอาปลอด”
       เพ็ญมองไปที่ปิ่นอนงค์
      
       ขณะที่ทัศนีย์กำลังตากชุดชั้นในที่ราวระเบียงบ้าน ปานเทพกระหืดกระหอบเข้ามาลากแขนทัศนีย์อย่างร้อนรน ทัศนีย์ตกใจ มือยังถือชุดชั้นในอยู่ “หนีเร็วทัศนีย์”
       ทัศนีย์ฉุนตีแล้วแกะมือปานเทพออก “ไอ้บ้า ปล่อยฉัน”
       ทัศนีย์มองปานเทพที่ยึดชุดชั้นในไว้ในมือ “อ๊าย นี่นาย ไอ้โรคจิต คิดจะมาขโมยชุดชั้นในชั้นเหรอ
       ปานเทพหยุดมองมือตัวเองที่จับชุดชั้นในกำมือทัศนีย์ไปด้วย ตกใจรีบปล่อยมือจากทัศนีย์
       “เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อฉันกำลังมาจับตัวเธอ”
       ปานเทพดึงแขนทัศนีย์จะลงบ้าน แต่ชะงักทั้งคู่ เห็นปลอดเดินมากับถวิลใกล้ถึงแล้ว ปานเทพดึงทัศนีย์กลับเข้าห้องหน้าตาตื่น
      
       หน้าต่างห้องบนบ้านถูกเปิดออก ปานเทพปีนขอบหน้าต่างกระโดดลงมา ชูมือจะรับทัศนีย์ ที่อาการเลิ่กลั่ก กล้าๆกลัวๆ
       “มันสูงอ่ะ”
       “โดดสิ โดด แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า อย่างมากก็แค่พิการ”
       ทัศนีย์คว้าขอบหน้าต่างแต่พลาดหล่นลงมา ปานเทพรับตัวทัน แต่เสียหลักล้มลง ทัศนีย์หัวฟาดพื้นสลบคาที่
       ปานเทพเลิ่กลั่กเงยหน้ามองหน้าต่างกลัวปลอดตามทัน รีบประคองกึ่งลากทัศนีย์ไปหลบ
       ปลอด ถวิล โผล่ที่หน้าต่างเหลียวมองหาไปมา ปานเทพกอดทัศนีย์แนบอกหลบอยู่ใต้หน้าต่าง
       ปานเทพมองหน้าทัศนีย์ รู้สึกวาบหวิวในใจ จนเผลอตัวอมยิ้ม
       “ตอนไม่มีพิษสง ก็น่ารักดีแฮะ”
      
       เวลาต่อมาปานเทพอุ้มทัศนีย์เอาหลังดันประตูห้องบ้านพักที่รีสอร์ตหลังเก่าเข้ามา พอหันมองในห้อง ต้องสะดุ้งโหยงท่าทีน่าขัน
       “เฮ้ย...”
       ปานเทพเห็นปิ่นอนงค์นอนบนเตียง เพ็ญกำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้ ใหญ่ยืนมองอยู่อีกมุม ทุกคนมองปานเทพ ต่างคนต่างตกใจ ปานเทพรีบเอาทัศนีย์ไปวางลงบนเตียงข้างๆ ปิ่นอนงค์
       ใหญ่ชี้ทัศนีย์ ส่วนปานชี้ปิ่นอนงค์ สองหนุ่มประสานเสียง “อะไรกันวะ”
       “พ่อ..พ่อฉันตามล่ายัยชะนีนี่อยู่”
       “แล้วแกพายัยนีมาที่นี่ทำไมวะเดี๋ยวก็ได้ซวยกันหมด”
       “อ้าวแล้วทีปิ่นอนงค์ล่ะ แกพามาทำไม”
       “ปิ่นเค้าเป็นลม ฉันเลยพามาพักผ่อนก่อน ดีขึ้นเมื่อไร ก็จะส่งกลับ”
       “ยัยชะนีก็เหมือนกัน ฟื้นจากสลบเมื่อไรฉันก็จะพา...ไปซ่อนที่อื่น”
       ใหญ่โวยวายไม่ยอม “ไม่ได้โว้ย”
       “ทำไมไม่ได้วะ”
       เพ็ญเอ็ดเอา “หยุดทั้งคู่ น้าดูแลหนูปิ่นกับทัศนีย์เอง”
       เสียงปลอดดังเข้ามา “ค่อยๆ ดูไปทีละหลัง ถ้าเจอก็จับตัวไว้เลย”
       ใหญ่กะปานเทพสะดุ้ง มองหน้ากันไปมา “อาปลอดมา” / “พ่อมา” สองหนุ่มประสานเสียง
       ทั้งใหญ่ ปานเทพ และเพ็ญ รีบไปแหวกม่านหน้าต่างแอบดู แล้วสบตากันด้วยความตกใจ
      
       ปลอดยืนมองถวิลเดินลับตัวไป หันมาหน้าตาดุดันขยับจะเข้าบ้านพัก
       ใหญ่ กะปานเทพ รีบพุ่งออกมาปลอดงง “คุณใหญ่ ไอ้ปาน มาทำอะไรกันแถวนี้ครับ”
       “อ๋อ..คนงานไปรายงานว่าเรามีปัญหาเรื่องปลวก ผมกับปานเลยมาตรวจดู หลังนี้ปลอดภัยครับ” ใหญ่ว่า
       ปานเทพรีบสนับสนุน “ใช่ๆ ครับ หลังนี้ไม่มีอะไรเลย”
       แล้วได้ทีขยับเดินหนีไปอีกทาง ปลอดตวาดลั่น “ไอ้ปาน อย่าเพิ่งไป”
       ปานเทพสะดุ้งโหยง รีบรับคำ “ครับพ่อ”
       ปลอดคาดคั้น “แกเอาทัศนีย์ไปซ่อนที่เรือนคนงานใช่ไหม ฉันสั่งให้ไล่ออกไปจากไร่ แกกล้าขัดคำสั่งฉันหรือ”
       ปานเทพปากคอสั่น พูดติดๆขัดๆ “พ่อพูดอะไร ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
       ปลอดเข้าไปจับคอเสื้อปานเทพด้านหลัง ลากไป ตบกบาลไปหนึ่งที ปานเทพร้อง “โอ๊ย”
       “งั้นแกไปคุยกับฉันให้รู้เรื่อง หนอย..กางเกงใน ยกทรง ตากอยู่ที่ราว น้ำหยดติ๋งๆ บอกไม่รู้เรื่อง…”
       ใหญ่ตกใจ รีบเดินไปขวางปลอด “อาปลอดใจเย็นๆ ไอ้ปานอาจจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็ได้”
       ปลอดลดเสียงนุ่มนวลกับใหญ่ “มันลูกผม สบตาก็รู้ว่ามันพูดจริงหรือโกหก คุณใหญ่เองก็เหมือนกัน ถ้ารู้ว่าปิ่นอนงค์อยู่ไหนต้องรีบบอกผม ผมจะได้รีบๆ ปิดบัญชีกับไอ้แก๊งชั่วร้ายนี้ซะที”
       ใหญ่แกล้งสนับสนุนปลอด ทำเสียงขึงขัง “ไม่ต้องห่วงครับอา ผู้หญิงพรรณ์นั้นถ้าผมเจอ ผมจะฆ่าเอง
       กับมือ ส่วนเรื่องทัศนีย์ ผมจะทำให้ไอ้ปานมันเปิดปากบอกอาเอง มานี่เลยไอ้ปาน”
       ใหญ่เข้าไปกระชากปานเทพออกจากปลอด ใหญ่ชกท้องปานเทพไป 2 ที ปานเทพทรุด ปลอดกะปานเทพ ตะลึง มองใหญ่งง
       “สั่งอะไรไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ยังกล้ามาขัดใจอาปลอดอีก”
       ใหญ่บุ้ยใบ้ปากให้ปานเทพรู้ว่าตนจะเตะขวา แต่ปานเทพไม่เข้าใจพุ่งไปทางขวา ใหญ่เตะสวนเข้าครึ่งอกครึ่งท้อง
       ปานเทพนอนจุกแน่น ด่าใหญ่ไปกุมท้องไป ใหญ่หน้าเสียทำปากพูด “ขอโทษ”
       “ไอ้....อู๊ยจุก”
       ปลอดใจอ่อนสงสารลูกรีบจับแขนใหญ่ “พอเถอะครับคุณใหญ่ ผมว่าพอสมควรแล้ว”
       “ไม่ได้ครับ มันประชด พุ่งสวนแข้งผม อย่างนี้ต้องซ้อมให้หนัก รีดความจริงออกมาให้ได้ มานี่”
       ใหญ่ทำทีจับคอปานเทพ ลากติดมือตามไป ปานเทพเล่นละครแกล้งแหกปากร้องโวยวาย
       ปลอดรีบวิ่งตามใหญ่ ที่แท้ห่วงลูกชาย “ให้ผมจัดการมันเองดีกว่า คุณใหญ่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
      
       เพ็ญแอบดูอยู่ที่หน้าต่างยิ้มส่ายหน้า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “พี่น้องคู่นี้กะล่อนกันจริงๆ”
       เพ็ญหันมามองสองสาวที่เตียง เดินไปคลี่ผ้าห่ม คลุมห่มตัวให้ทั้งคู่
      
       ครองสุขพาอุ่นเรือนมาซ่อนตัวและขังไว้ในบ้านไม้ซอมซ่อ อยู่ห่างไกลบ้านผู้คน ในบ้านมีห้องน้ำผนังไม้ผุๆ ไว้ขับถ่าย อุ่นเรือนนอนหลับคุดคู้ที่เสื่อผืนหมอนใบ มีผ้าห่มเก่าๆ คลุมครึ่งตัว
       อุ่นเรือนตบยุงสะดุ้งตื่นในตอนเช้าวันต่อมา งัวเงียยันตัวลุก เหลียวมองรอบตัวไปมา กะพริบตาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
      
       สีหน้าอุ่นเรือนตกใจระคนดีใจเรียก “คุณนาย”
       ครองสุขเดินยิ้มเข้าประตูมา เหลียวมองกลับประตูระแวดระวัง ครองสุขเข้าไปจับแขนท่าทีลุกลี้ลุกลน อุ่นเรือนดีใจจับมือครองสุข
       “คุณนายหายไปอยู่ที่ไหนมาค่ะ อุ่นเป็นห่วงคุณนายมาก ไม่รู้จะติดต่อกับคุณนายได้ยังไง”
       ครองสุข เป่าหูทันที “แกต้องรีบหนีไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้ใหญ่มันวางแผนฆ่าแก มันแอบมาเป็นเจ้าของไข้ให้แก แล้วจ้างพยาบาลวางยาเพื่อแก้แค้น”
       อุ่นเรือนเอามือทาบอกกลืนน้ำลาย ครองสุขเร่ง
       “ไป..รีบไป ฉันจะช่วยแกเอง”
       “แล้วถ้ามันมาเจอปิ่นล่ะคะ รอบอกนังปิ่นก่อนเถอะค่ะ”
       ครองสุขช่วยประคองอุ่นเรือนลงจากเตียง “ฉันส่งคนไปเตือนนังปิ่นมันแล้ว แกไม่ต้องห่วง”
       ครองสุขประคองอุ่นเรือนขึ้นรถเข็น เข็นไปที่ประตู ประตูเปิดครองสุขเหลียวดูไปมา
      
       เสียงครองสุขเปิดประตู อุ่นเรือนผวาหันไปมองอย่างตกใจ เห็นครองสุขหิ้วถุงข้าว ขนม และน้ำเข้ามา
       ครองสุขจัดแจงเปิดกล่องข้าวหมูแดง เอาช้อนวางให้อุ่น
       “แกไม่สบายกินข้าวซะ ขนมก็มี เสร็จแล้วจะได้กินยา”
       ครองสุขพูดไป หยิบขนม ขวดน้ำ และยาหมอตี๋ออกมาวางข้างหน้าอุ่น
       อุ่นเรือนตักข้าวกิน มองครองสุขตื้นตันใจ
       “ไอ้ใหญ่มันแกล้งมาทำดีกับแก มันเคยหลอกถามอะไรแกบ้าง แกบอกอะไรมันบ้างหรือเปล่า อุ่น”
       “ไม่เลยค่ะ อุ่นไม่ได้บอกอะไรมัน อุ่นไล่มันไปพ้นๆ ด้วยซ้ำ อุ่นไม่มีวันทรยศคุณนาย”
       ครองสุขจ้องตาอุ่นวัดใจ แล้วยิ้มให้ “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นแกหลบอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่าโผล่หน้าออกไปไหนเชียวนะ ป่านนี้ไอ้ใหญ่คงส่งคนตามหาแกอยู่”
       “แล้วนังปิ่นละค่ะ มันรู้หรือยังว่าอุ่นอยู่ที่ไหน”
       ครองสุข โกหก “รู้แล้ว มันฝากฉันมาบอกว่าจะมาเยี่ยมแกทีหลัง”
       อุ่นเรือนวางกล่องข้าว จับมือครองสุขมากุม “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตอุ่น”
       ครองสุขทำยิ้มใจดี ตบหลังมืออุ่นเรือน
       ครองสุขออกมาบรรจงคล้องกุญแจล็อกประตูขังอุ่นเรือน มองจิกตาเข้าไปในห้อง
      
       เช้านั้นปิ่นอนงค์นอนหลับอยู่กับทัศนีย์บนเตียง ทัศนีย์รู้สึกตัวก่อนค่อยๆ หยีตา จับหัวตรงที่ฟาดพื้นหน้าตาเจ็บปวด
       ทัศนีย์เหลียวมาเจอปิ่น อนงค์ก็งง “นังปิ่น แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       ปิ่นอนงค์ยังหลับ ทัศนีย์จ้องหน้าอย่างแค้นเคือง แล้วลุกขึ้นคร่อมร่าง บีบคอ จนปิ่นอนงค์รู้สึกตัวพยายามแกะมือทัศนีย์ออก
       “แก นังปิ่น นังมารชีวิต ฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนก็เพราะแก ฉันเกือบโดนไอ้เสี่ยบ้ากามข่มขืนก็เพราะแกเป็นต้นเหตุ อย่าอยู่เลย”
       ปิ่นอนงค์ดิ้นรน ถีบทัศนีย์จนกระเด็น แล้ววิ่งหนีออกมาท่าทีหอบเหนื่อย
      
       ปิ่นอนงค์วิ่งหนีออกมาที่ระเบียง ทัศนีย์ ตามมากระชากจิกหัว
       “จะหนีไปไหน แกทำลายชีวิตฉัน ทำลายอนาคตฉัน นังปิ่น”
       “ปิ่นไปทำอะไรให้คุณนี ปล่อยปิ่น ปล่อย..ช่วยด้วยๆ…”
       น้อยถือถาดอาหารเข้ามา พร้อมกับหวานที่ถือขวดน้ำตามติด
       น้อยกะหวาน ตะลึงภาพที่เห็น “ขอยืมเอ็งเป็นตัวช่วยหน่อยนะนังน้อย”
       น้อยงงๆ “ช่วยยังไงพี่หวาน”
       หวานผลักน้อยเข้าใส่ทัศนีย์ น้อยร้องกรี๊ดพุ่งเข้าหาทัศนีย์ถาดอาหารเทใส่หน้าทัศนีย์เต็มๆ
       ทัศนีย์ล้มลงกับพื้น อาหารเต็มหน้าเต็มตัว ปิ่นอนงค์ไปตั้งหลักนั่งพิงข้างฝา
       ทัศนีย์ร้องกรี๊ดๆ ชี้หน้าปิ่นอนงค์ “แก..แก แกเอาลูกน้องมารุมทำร้ายฉันเหรอ”
       ทัศนีย์ตะเกียกตะกายจะคลานไปหาปิ่นอนงค์ น้อยกะหวานจับทัศนีย์แต่ทำเป็นห้าม
       “อย่าค่ะคุณนี” / “หยุดค่ะหยุด” / “อย่าทะเลาะกัน”
       น้อยกะหวานมือจับอาหารหวาน คาว ป้ายหน้าทัศนีย์ อาหารเข้าปาก เข้าจมูก
       เสียงปลอดดังเข้ามา “หยุดเดี๋ยวนี้..หยุด” แต่สองคนยังไม่หยุด “ฉันสั่งให้หยุด”
      
       ทุกคนตกใจหยุดกึกมองปลอดที่ยืนหน้าดุ มองปิ่นอนงค์กับทัศนีย์ด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว  
ขอขอบคุณจาก manager.co.th  
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ