อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 25 อวสาน วันที่ 26 มิ.ย. 55

{[['']]}
เช้าวันใหม่ ทรงเผ่านั่งเลือกรูปดอกไม้อยู่ เมียวดีเข้ามามอง
“นายถ่ายเองทั้งหมดเหรอ”
“ใช่…จากที่ต่างๆในโลก รูปนี้เป็นดอกไม้ในทะเลทราย ส่วนรูปนี้ก็จากป่าดงดิบ กลางทวีปแอฟริกา สวยมั้ย”
“สวย…แต่มันไม่ได้กลิ่น สู้ของจริงไม่ได้”
“ก็จริง แต่ถ้ามีคนคิดแบบเธอทั้งหมด คงไม่มีใครมางานแสดงภาพของฉัน แล้วก็ซื้อรูปพวกนี้”
“จะมีคนมาซื้อเหรอนาย ทำไมเขาไม่ไปดูด้วยตัวเองล่ะ”
“ต้องมีซิ เธอรู้มั้ย บางที ภาพถ่ายมันก็บอกความรู้สึกได้เยอะแยะนะโดยที่ไม่ต้องไปดูจริง ๆ ก็ได้”
“เอาอีกแล้ว คนในเมืองนี้คิดแปลก ๆ ชอบใช้โน้นใช้นี่มาแทน แต่คนที่อยู่ตรงหน้า กับไม่ยอมพูด”
ทรงเผ่าวางมือมองหน้าเมียวดีเนิ่นนาน
“บางอย่าง มันก็เป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ฉันต้องได้พูดแน่นอน เร็วๆนี้แหละ”
ทรงเผ่าสายตามุ่งมั่น
วงศ์คั้นน้ำส้มเสร็จแล้วเทใส่แก้ว เชอรี่เข้ามาถาม
“ใครมาเหรอค่ะคุณแม่บ้าน”
“คุณหวาน”
“มาทำไมอีก ก็ไหนบอกว่าเลิกกับคุณเผ่าแล้วไง”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“โอ๊ย…เรื่อง แบบนี้ ถ้าเชอรี่ไม่รู้ซิค่ะแปลก คุณแม่บ้านเชื่อจริงๆ เหรอว่ายายคุณหวานแต่เปลือกเนี่ย จะยอมมาเป็นเพื่อนคุณเผ่ากับคุณเหมียวจริงๆ หนูไม่เชื่อหรอก”
“นั้นมันเรื่องของเขา เราห้ามเขาไม่ได้ เอาไปเสิร์ฟได้แล้ว”
วงศ์ ยกแก้วให้เชอรี่ แล้วหันไปทำอย่างอื่น เชอรี่หยิบถาดอย่างเสียไม่ได้แล้วก็คิดได้ แอบเอานิ้วใส่ปากให้เปื้อนน้ำลายแล้วก็เอามาคนในแก้วน้ำส้ม
“นี่สำหรับ ครีมหน้าเด้งที่ให้ฉัน”
เชอรี่สบายใจยกออกไป ไม่รู้ไม่ชี้
เชอรี่ถือแก้วเครื่องดื่มมาให้ อัญชิสายกขึ้นดื่ม
“อืม…สดชื่นดีจังจ๊ะเชอรี่”
“งั้นก็ดื่มให้หมดเลยซิคะ เชอรี่คั้นเองกับมือเลยค่ะ คุณหวาน”
เชอรี่มองอย่างสะใจ หันไปเห็นเห็นเมียวดีจับตาอยู่ ประมาณ ว่าต้องมีอะไรบางอย่างใช่มั้ย เชอรี่ยิ้มให้ไม่รู้ไม่ชี้ ทรงเผ่าหันไปถาม
“คุณหวานมีงานถ่ายภาพให้ผมเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ…หวานแอบส่งรูปถ่ายฝีมือคุณเผ่าให้ปิแอร์ดู เขาสนใจมากอยากให้คุณเผ่า บินไปคุยกับเขา เขามีโปรเจคใหญ่ปลายปีนี้นะคะ”
บัวคลี่หันมายุทรงเผ่า
“น่าสนใจนะคะ คุณเผ่า หวานดิวให้แล้วเรียบร้อยแล้ว”
“เมื่อไหรครับ”
“อาทิตย์ค่ะ”
ทรงเผ่าคิดๆ
“อาทิตย์หน้า ตรงกับงานนิทรรศการของผมเสียด้วย”
“แต่ปิแอร์เขาก็ว่างแค่อาทิตย์หน้าเท่านั้นนะคะ เลื่อนไปก่อนไม่ได้หรือค่ะ”
“คงไม่ได้ครับ เพราะผมส่งบัตรเชิญไปแล้ว อีกอย่าง ผมก็ไม่อยากรับงานต่างประเทศอีกแล้ว อยากจะปักหลักจริงๆจังๆเสียที”
ทรงเผ่ามองไปที่เมียวดี อัญชิสามองตาม
ห้องจัดแสดงภาพ เป็นห้องโล่ง ๆ ยังไม่ได้ทำอะไร ยังรกๆอยู่บ้าง เมียวดีช่วยทรงเผ่า ขนลัง ใส่พวกผ้าที่ใช้ตกแต่ง มา…ทรงเผ่ากำลังตอกผ้าติดผนังเป็นระยะ เมียวดีเข้ามาช่วยตอก
“ไอ้ฝรั่งเศส นี่มันอยู่ไหนอ่ะนาย ไกลมากมั้ย”
“ถามทำไม อยากไปเหรอ”
เมียวดีส่ายหน้า
“นายไม่เสียดายเหรอ”
“ไม่ ฉันว่าเมืองไทยก็มีหลายแห่งที่น่าสนใจ”
เมียวดีเห็นด้วย
“จริง ขนาดป่าบ้านเรายังไม่เคยย่ำหมดเลย พ่อบอกว่าถ้าย่ำป่าได้หมดทุกที่ ก็เหมือนกับเรานับเส้นผมตัวเองนั้นแหละ แต่เราคิดว่าเราอยากลองทำดูนะ พรานที่ดีควรทำ”
“ฉันไปด้วยได้มั้ย”
เมียวดีชะงักสะดุดกับคำถามของเขาไปนิด ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำงานต่อ
“นายไม่ได้เป็นพรานจะไปได้ไง”
“เธอก็นำทางให้ฉันซิ อยู่ในป่าคอนกรีตฉันเป็นคนนำทางให้เธอ แต่ที่ป่าเธอ เธอก็ต้องนำทางฉัน ฉันพูดเรื่องจริง ๆ นะเมียวดี”
บัวคลี่กับทนง ถือถุงขนมมาฝาก
“พักก่อนเถอะ เจ้าเผ่า คุณบัวคลี่ แวะซื้อขนมมาฝาก”
ทรงเผ่าวางมือ
“ขอบคุณครับ พ่อ คุณน้า”
บัวคลี่มองไปรอบๆ
“โอ้โห นี่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลยหรือคะ คุณเผ่า”
“นี่เป็นงานแสดงครั้งแรกของผม ผมอยากทำทุกอย่างเองนะครับ”
“เข้าใจค่ะ แต่แหม อ้าว…เมียวดี มาเร็ว มาทางขนมกัน”
เมียวดี วางมือ ตั้งท่าจะหยิบเลย แต่บัวคลี่กระแอม เมียวดีเลยมองมือตัวเอง นึกได้
“เราขอไปล้างมือก่อนนะเมียพ่อนาย”
บัวคลี่ยิ้มพอใจ
“ดีมากจ๊ะ”
บัวคลี่หันไปมองโชว์ทุกคนว่าเป็นไง ฝีมือการอบรมของฉัน ทรงเผ่ากับทนงมองหน้ากันแล้วก็ขำๆ
เมียวดีล้างมือเรียบร้อย เดินเข้ามามองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ก็เช็ดมือเอากลับกางเกง ที่ใส่ เดินเข้าไป แต่ได้ยินเสียงคุยกันก็ชะงัก
“ถ้าคุณเผ่ารับงานของคุณหวานคงดีกว่านี้นะคะ”
ทนงถอนใจ
“ผมคิดว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันแล้วเสียอีก”
“แหม มันเป็นงานระดับโลกนะคะ พูดแล้วก็ยิ่งเสียดาย คุณหวาน คุณเผ่านะถ้าได้คุณหวานเป็นภรรยา คงก้าวหน้ากว่านี้เยอะ เธอสามารถซับพอร์ทคุณเผ่าได้สบายเลยนะคะ”
ทนงเซ็งๆ
“เด็กเขาเป็นเพื่อนกันแล้ว เพื่อนกันก็ช่วยเหลือกันได้นะ”
“ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ คุณพี่ก็รู้…เอาเถอะค่ะ ดิฉันไม่พูดแล้ว”
เมียวดียืนอึ้งไป เหมือนโดนตบหน้า ด้านหลังเมียวดี อัญชิสายืนอยู่ ยิ้มอย่างสะใจ
อัญชิสาชวนเมียวดีมาคุยที่มุมหนึ่งลับตา อัญชิสาพูดหยั่งเชิง
“อย่าไปถือสาคำพูด คุณน้าเลยนะ”
“เราไม่ได้คิดอะไร”
อัญชิสายิ้มเยาะตรงเข้าเป้าทันที
“เรา เป็นผู้หญิงด้วยกันทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าเธอรู้สึกยังไงกับคุณเผ่า เธอตามเขามาจากป่า จากบ้านของเธอ ผู้หญิงที่ไหนกันที่จะยอมทิ้งถิ่นที่ตัวเองคุ้นเคยมา ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนรัก”
เมียวดีอึ้งเพราะอัญชิสาพูดถูก
“ยอมรับเถอะเมียวดี…เหมือนกับที่ฉันยอมรับไง ว่ายังไงฉันก็ยัง รักคุณเผ่า อยู่ และคงเลิกรักไม่ได้เธอเห็นมั้ย”
อัญชิสาเปิดข้อมือให้ดู เห็นเป็นรอยกรีดๆ
“คุณทำอะไรมานะ”
“ฉันบอกเธออย่างไม่อาย ฉันยังเลิกยานรกนั้นไม่ได้”
“คุณมาบอกเราทำไม”
“เมีย วดีฉันขอร้องล่ะนะ คืนคุณเผ่าให้ฉันได้มั้ย ไม่มีคุณเผ่า ฉันก็ไม่รู้จะเลิกมันไปได้ยังไง ในเมื่อไม่มีคุณเผ่าแล้ว ฉันจะทำไปเพื่ออะไร”
“ก็เพื่อตัวคุณเองไง เราไม่ต้องทำเพื่อใคร”
เมียวดีเดินออกไป
“ใช่ เธอพูดถูกทั้งหมดมันเป็นแค่ข้ออ้างของฉัน แล้วเธอล่ะ ที่เธอทำกำลังทำอยู่ พยายามเป็นสาวชาวเมือง เธอทำเพื่อใคร ไม่เธอก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น หรือเพื่อคุณเผ่า…เด็กสาวชาวป่ากับหนุ่มไฮโซคนเมือง มันเป็นสิ่งแค่เพ้อฝันเท่านั้น ในชีวิตจริงมันไม่มีทาง”
เมียวดีจะเดินออกไป อัญชิสาเดินไปดักหน้า
“กฎ ของสังคมมีมากมาย ชีวิตของคนที่นี่ ไม่ได้หมายความกินอยู่หลับ นอน แค่หมายถึง หน้าตา และเกียรติยศด้วย ผู้หญิงที่จะยืนเคียงข้างทรงเผ่า จะต้องมีพร้อม แต่เธอไม่มีอะไรซักอย่าง เธอจะเป็นตัวถ่วงเขา เป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะเยาะ เธอไม่พร้อมจะเดินไปกับเขาหรอก”
“เราไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ นายรอเราอยู่”
เมียวดีรีบเดินไป
“เธอมันคนเห็นแก่ตัว เมียวดี ถ้าเธอรักคุณเผ่าจริง เธอจะไม่ทำแบบนี้หรอก คนเห็นแก่ตัว”
เมียวดีพยายามไม่ฟัง เดินออกไป ทั้งๆที่จริง หวั่นไหวมาก
เมียวดีเดินกลับมาคิดถึง เหตุการณ์ระหว่างตัวเองกับทรงเผ่า ที่เกิดขึ้น คิดถึงคำพูดของอัญชิสา
“ชีวิตของคนที่นี่ ไม่ได้หมายความกินอยู่หลับ นอน แค่หมายถึง หน้าตา และเกียรติยศด้วย ผู้หญิงที่จะยืนเคียงข้างทรงเผ่า จะต้องมีพร้อม แต่เธอไม่มีอะไรซักอย่าง”
เมียวดีนึกถึงคำพูดของบัวคลี่
‘พูดแล้วก็ยิ่งเสียดาย คุณหวาน คุณเผ่านะถ้าได้คุณหวานเป็นภรรยา คงก้าวหน้ากว่านี้เยอะ เธอสามารถซับพอร์ทคุณเผ่าได้สบายเลยนะคะ’
คำพูดของอัญชิสาแว่บเข้ามาอีก
‘ถ้าเธอรักคุณเผ่าจริง เธอจะไม่ทำแบบนี้หรอก คนเห็นแก่ตัว’
เมียวดีรู้สึกทนไม่ไหวปิดหูวิ่งออกไป ชนกับคนที่ถือกาแฟ เดินมา
“ขอโทษ”
ปรากฏว่าคนที่เธอชนเป็นฝรั่ง โวยวายใหญ่ เมียวดีงงเพราะฟังไม่รู้เรื่อง
“ก็เราขอโทษ จะเอาอย่างไงอีก”
ฝรั่ง ดึงเมียวดีไว้เพื่อถามทาง เมียวดีคิดว่าจะทำร้ายก็เลยสะบัดแขน พร้อมกับต่อยหน้าไป ฝรั่งล้มไปชนถังขยะคนแถวนั้นเลยหันมาดูเมียวดี กันใหญ่ ผู้หญิงคนหนึ่งมองเมียวดีอย่างไม่พอใจ
“ทำร้ายฝรั่งทำไม”
ผู้หญิงอีกคนโวยใส่
“เขาเป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยวเมืองเรา”
ผู้คนแถวนั้นเข้ามาดู เมียวดีตกอยู่ในวงล้อมโดนสายตา ตำหนิ และประณาม เมียวดียกมือกั้น
“ไม่…อย่ามายุ่งกับเรา”
ทันใดนั้นมีมือมาจับ ไหล่เธอเขย่า
“เมียวดี! นี่ฉันเอง”
เมียวดีเงยหน้าดู เพิ่งเห็นว่าเป็นทรงเผ่า
“นาย!”
เมียวดียืนรออยู่ ทรงเผ่าคุยกับฝรั่ง จับมือเข้าใจกัน ฝรั่งแยกย้าย ไป ทรงเผ่าเดินกลับมาหาเมียวดี
“ฉันเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เขาไม่ได้จะทำร้ายเธอ เขาแค่ต้องการจะถามทางเท่านั้นเอง”
เมียวดีหน้าเสีย
“งั้นเหรอ เพราะเราไม่รู้ เราฟังไม่ออก”
เมียวดียิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองไม่เท่าทรงเผ่า
“ฉันอธิบายไปแล้วล่ะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอฟังภาษาอังกฤษไม่ออกนะ ไม่มีอะไรแล้ว เรื่องนิดเดียวเท่านั้นเอง”
ทรง เผ่ายิ้มให้อย่างเอ็นดู เมียวดีมองหน้าเขาโผเข้ากอด รู้สึกตัวเองช่างก่อเรื่องและไม่คู่ควร น้ำตาไหลพราก ทรงเผ่าไม่รู้เรื่องรู้ราวคิดว่าเธอกลัว
“กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่…”
เมียวดียิ่งกอดแน่น ทรงเผ่ารับรู้ การกอดเป็นอีกอย่างที่รู้สึกดี
ค่ำนั้น…ทรงเผ่ายืนมองดาว ความรู้สึกดี ยังกรุ่นอยู่ ทนงเดินเข้ามาหา
“ดาวเต็มฟ้าเชียวนะ สวยจริงๆ”
“ใช่ครับ พ่อเห็นนั้นมั้ย มีดาวเล็กๆ ซ่อนอยู่ตรงดาวนายพราน เมียวดีบอกผมว่าเป็นดาวประจำตัวเขา”
ทนงมองหน้าลูกชาย รู้สึกอยู่ว่าลูกชักจะยังไง
“งั้นเหรอ…ตื่นเต้นมั้ย พรุ่งนี้ก็จะเปิดงานแล้ว”
“มาก ครับ เพราะนี่การแสดงภาพครั้งแรกของผม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมจับกล้องบันทึกภาพต่างๆ ดอกไม้ พรรณไม้ต่าง ๆ…จนถึงภาพที่ผมประทับใจที่สุด”
ทนงแปลกใจ
“มีด้วยเหรอ พ่อไม่ยังรู้”
ทรงเผ่าเขิน
“ผมเก็บไว้เป็นไฮไลท์นะครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเป็นภาพที่ผม…ชอบมากในชีวิต”
ทนงหันมามองหน้า
“ภาพดอกไม้หายากที่ขึ้นในป่าดงดิบที่ไหนซักแห่งในโลก ใช่มั้ย”
“เปล่าครับ…อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า เช้าแล้วก็ต้องรอจนถึงพิธีเปิด” ทรงเผ่าถอนหายใจ “ผมจะทนไหวมั้ยเนี่ย”
ทนงไม่มองหน้าแต่มองดูดาวแทน
“พิธีมันก็มันก็เป็นเรื่องที่เรากะเกณฑ์เอาเองทั้งนั้น ถ้าแกรู้อยู่แล้วว่ามันสำคัญ จะต้องรอทำไม…”
ทรงเผ่ามองหน้าพ่อ ไม่แน่ใจว่าพูดเป็นนัยหรือรู้อะไรหรือเปล่า ทนงไม่ตอบแต่ยิ้ม ๆ ให้ไปคิดเอาเอง ทรงเผ่าคิดขึ้นได้ ยิ้มอย่างดีใจ
“ขอบคุณครับพ่อ”
ชายหนุ่มโผเข้ามากอดพ่อแล้วรีบวิ่งออกไป
เมียวดีนอนไม่หลับ ทันใดนั้นมีกระดาษก้อนกลมๆถูกขว้างเข้ามาในห้อง เธอรีบออกไปที่หน้าต่างเห็นทรงเผ่าที่คึกมากอยู่ไกล ๆ หันมายิ้มแล้ววิ่งออกไป เมียวดีก้มลงหยิบกระดาษเปิดดู
วันใหม่…ในห้องนิทรรศการ ทรงเผ่ายืนหันหลังมีภาพบนขาตั้งคลุมผ้าเอาไว้ เท้าใครคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา
“ขอโทษนะที่ต้องนัดมาที่นี่ ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนะเลยต้องลุกขึ้นกวนเธอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ทรงเผ่ารู้แล้วว่าไม่ใช่เสียงเมียวดีหันไป เจออัญชิสา
“คุณหวาน…ทำไมคุณมาที่นี่”
“ไม่สำคัญหรอกค่ะ”
ทรงเผ่างงๆ หวานเดินเข้ามาใกล้ๆไล้ไปตามไหล่ของเขา
“ก็ ดีนะคะ ที่คุณเลือกจะเปิดงานนี้ แทนจ็อบที่หวานติดต่อให้ เพราะมันจะเป็นเครดิตให้คุณในวันข้างหน้า ไม่ต้องห่วงค่ะ หวานจะหาจ็อบใหม่ ให้คุณเอง”
“ผมคิดว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วเสียอีก ขอโทษนะ ผมกำลังรอคนอยู่ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ผมว่าคุณกลับไปเถอะ”
“เมียวดีไม่มาหรอกคะ”
ทรงเผ่าชะงัก
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมรอเขา”
“ก็ เขาเป็นคนบอกหวานเอง เผ่าค่ะ ยอมรับเสียทีเถอะคะ ว่าเรื่องระหว่างคุณกับเมียวดีมันเป็นไปไม่ได้ เด็กนั้นนะ ไม่เหมาะกับคนอย่างคุณ อย่างพวกเรา กับสังคมเมืองอย่างนี้ ปล่อยให้แกกลับไปอยู่ป่าของแกดีแล้ว คุณรู้มั้ยค่ะ ว่าทำไมคุณถึงจองที่นี้ได้อย่างง่ายดาย แถมยังไม่คิดค่าเช่าอีกด้วย”
“เขาเห็นว่างานนี้เป็นงานการกุศล รายได้จะหักเข้ากองทุนรักษาป่าและต้นน้ำ”
“โถ เผ่า นี่คุณเชื่อเหรอค่ะ เพราะเจ้าของเป็นเพื่อนกับคุณแม่ต่างหาก หวานเป็นคนบอกเขาเองไม่ให้เก็บค่าใช้ เห็นมั้ยค่ะ ว่าใครคือผู้หญิงที่คุณควรเลือก เราคือคู่ที่เหมาะสมกัน ซึ่งเป็นมาตลอด และก็ต่อๆไปด้วย หวานไม่ถือสาเรื่องเมียวดี ขอให้มันแล้วก็แล้วไป ต่อแต่นี้ไปเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ นะคะ”
ทรงเผ่าชะงัก
“ผมขอบคุณสำหรับน้ำใจที่คุณช่วยเหลือ แต่คุณคงไม่รู้ วัตถุประสงค์จริงๆ ที่ผมต้องการจัดงาน ทั้งหมดเป็นเพราะภาพนี้”
ทรงเผ่าเดินไปดึงผ้าออก เป็นรูปเมียวดีหน้าตามอมแมม ตอนอยู่ในป่า
“นี่เป็นรูปที่ผมชอบมากที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ถ่ายภาพมาก เพราะเป็นรูปของคนที่ผมรัก ซึ่งผมอยากแสดงให้ทุกคนได้เห็น”
อัญชิสาอึ้ง
“คุณไม่อายเหรอที่เอายายเด็กชาวป่า หลังเขา มาเชิดชู”
“ผมต้องการเมีย ที่เป็นคู่คิด คู่ยาก รวมทุกข์ รวมสุขกับผม ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องประดับ หรือแค่ความเหมาะสมทางสังคม”
อัญชิสาเจ็บจี๊ด ถึงกับทนไม่ได้ ทรงเผ่าเดินออกไป อัญชิสายังพยายามยื้อไว้
“แต่ฉันรักคุณนะ ทรงเผ่า ไม่น้อยไปกว่า…”
ทรงเผ่าสวนทันที
“คุณไม่ได้รักผมหรอก คุณรักหน้าตาของตัวเองต่างหาก”
ทรงเผ่าเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้อัญชิสาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่คนเดียว
ทรงเผ่าเปิดห้องเมียวดีผางแต่ปรากฏว่าห้องว่างเปล่า เขาตกใจมาก วงศ์เข้ามา
“คุณเหมียวไปแล้วค่ะ ตั้งแต่เช้ามืด”
ทรงเผ่ามึนไปหมด
“มันต้องไม่ใช่แบบนี้ซิ ผมจะไปตามเขากลับมา”
“จะตามกลับมาทำไมล่ะคะ คุณเหมียวเธอกลับบ้านเธอแล้ว”
“ป้าวงศ์ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ ป้าจะว่าผมเป็นสมภารกินไก่วัดผมก็ยอม แต่ผมขอไปตามเมียวดี เถอะครับ”
“งั้น ก็รออยู่ทำไม รีบไปซิค่ะ”
ทรงเผ่ายิ้มออก เข้าไปกอดวงศ์ ก่อนจะวิ่งออกไป เชอรี่ออกมาขวางไว้
“หยุด!”
ทรงเผ่าหงุดหงิด
“โอ๊ย…อะไรกันเนี่ย ฉันกำลังรีบ ไปเล่นมุกวันหลังได้มั้ยเชอรี่”
“งั้นสั้นๆ ตรงๆ เลยนะคะ คุณเผ่า ขอเชอรี่ไปด้วยได้มั้ยค่ะ เชอรี่คิดถึงพี่ฟ้าลั่น ฮือ ๆๆๆ”
ทรงเผ่า รีบเดินกึ่งวิ่งออกไปหน้าบ้าน เชอรี่วิ่งตามบอกให้เขารอด้วย ทนงกับบัวคลี่ยืนมองอยู่บนระเบียงบ้าน
“เจ้าเผ่านี่มันไม่ได้เรื่อง ดูซิ ต้องมาวิ่งแจ้นตามเจ้าเหมียวเข้าป่าอีกแล้ว สู้ผมสมัยหนุ่มๆไม่ได้เลย”
“ใช่ค่ะ เพราะคุณพี่เล่นจีบดิฉันตั้งแต่บนเวทีแล้วนี่ค่ะ มาเป็นกรรมการแท้ ๆ”
“อ้าว…จะมาเสียเวลาทำไม ดีเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ปล้ำคุณตั้งแต่ตอนนั้น”
“แน๊”
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ