อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9/2 วันที่ 11 พ.ค. 55

{[['']]}
อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9/2 วันที่ 11 พ.ค. 55
หลัง จากทานอาหารเสร็จ เพื่อนอัญชิสาพร้อมเด็กรับใช้ที่อุ้มเด็กโบกมือลากัน เหลืออัญชิสากับจินนี่และเมียวดีที่ยืนห่างออกมาหน่อย จินนี่ถามเบาๆ
“หวานฉันขอถามแกอีกที แกคิดจะพามันเป็นปลิงเกาะเราไปช้อปปิ้งจริงๆเหรอ”
อัญชิสานยิ้ม ๆ
“ก็บอกแล้วว่าสงสารเด็กมัน ฉันเลยพามาเปิดหูเปิดตา ถ้าไม่พาชอปปิ้งด้วยจะพาไปไหน”
“แต่น้ำเสียงแกมันตรงข้ามนะฉันว่า”
“แกคิดมากไปได้ จินนี่”
อัญชิสามองไป เห็นลานโปรโมชั่นไม่ไกลนัก จัดเป็นซุ้ม แจกนมอยู่ มีตัวแมสคอท ถือพวงลูกโป่งอยู่คนเริ่มกรูเข้าไปดู
“ต๊าย ตรงนั้นมีอะไร น่าสนุกจังไป ไปเถอะเมียวดี จินนี่ไปดูกัน”
อัญชิสาคล้องแขนเมียวดีกึ่งเดินกึ่งลากที่ซุ่มจัดโปรโมท จินนี่ตามมาด้วยแบบเซ็งๆ อัญชิสาร่าเริงเต็มที่
“รู้มั้ย ว่าการดื่มนมมีประโยชน์มากนะจ๊ะ เมียวดี”
“นมวัวนมควาย กินแล้วก็นิสัยเหมือนวัวควาย สู้กินนมแม่ไม่ได้แล้วเราก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กแดงๆ”
จินนี่หน้าเหวอ
“ต๊าย...นี่ด่าพวกฉันเหรอย่ะ ยายเด็กป่าเถื่อน”
จินนี่จะเอาเรื่อง อัญชิสาดึงไว้ส่ายหน้าห้าม ก่อนจะหันมาหวานต่อ
“อย่าถือสาเลยน่าจินนี่ ก็เมียวดีเค้าไม่มีความรู้เหมือนเรานี่น่า...ฮะๆ นึกแล้วว่าเธอต้องตอบแบบนี้ รู้มั้ยจ๊ะนมอะไรก็มีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่งั้นเค้าจะรณรงค์ดื่มนมกันเหรอ”
เมียวดีงงๆ
“รณรงค์”
“เอ่อ...ขอโทษนะ คงยากไป สำหรับเธอ คือ...ชักชวนให้ดื่มนมเยอะๆ โตแล้วก็กินได้จ๊ะ”
คนเริ่มเข้ามาล้อมเยอะอัญชิสาเข้าหยิบตัวอย่างแก้วเล็ก ที่ใส่นมอยู่มาสองแก้ว ส่งให้ เมียวดีถือไว้ ไม่ยอมกิน
“นี่ไม่เชื่อกันเหรอ มาฉันกินให้ดูก่อนก็ได้”
อัญชิสายกขึ้นกินจนหมด ประมาณว่าบริสุทธิ์ใจ เมียวดีเลยกล้ากินแต่เธอพ่นทันที โดนหน้าจินนี่ไปเต็มๆจนนี่เตรียมกรี๊ด เมียวดีเบ้หน้า
“นมเสียแล้ว เปรี้ยว”
อัญชิสาแอบขยิบตาไม่ให้จินนี่ร้อง จินนี่เลยต้องกลั้นไว้ ง่วนหาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ด
“ไม่ได้บูด นะ...เค้าเรียกว่านมเปรี้ยวต่างหาก เป็นนมอีกอย่างหนึ่งนะดูซิ ไม่งั้นคนอื่น คงไม่มาต่อแถวลองชิมกันแบบนี้ ถ้าเธอไม่ชอบรสนี้ก็มีรสอื่นให้ชิมอีกนะ ไปซิลองดู”
“ไม่ต้องเสียตังค์เหรอ”
“ไม่ต้องจ๊ะ อันนี้เค้าให้ชมฟรี”
อัญชิสารีบดันหลังเมียวดี ให้เข้าไปในหมู่คนเมียวดีถูกเบียดไปมา เธอยังงงๆ อยู่ อัญชิสาถอยออกมา แอบดึงเข็มกลัด ที่ติดเสื้อออกมาเข้าไปยืนใกล้ ๆ ตัวแมสคอทที่ถือพวงลูกโป่ง ก่อนจะเอาแทงไปที่ลูกโป่ง เสียงลูกโป่งแตก โพล๊ะ! อัญชิสาก็ร้องโวยวายทันที
“ว๊าย...ระเบิด!”
เท่านั้นเอง ทุกคนที่รุมล้อมรับแจกนมอยู่ตกใจ กรีดร้อง
“กรี๊ด!”
ต่างพาวิ่งหนีกันไปทั่วอลหม่านกันไปใหญ่ เมียวดีซึ่งไม่รู้เรื่องตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ ก็งงๆมองภาพผู้คนที่วิ่งหนีกันอลหม่านก่อนจะเริ่มจับได้ว่าเกิดอะไร เธอเห็นเด็กน้อย ร้องไห้อยู่เพราะหลงกับแม่เมียวดีรีบเข้าไปกอดไว้พาไปนั่งหลบ
อัญชิสากับจินนี่วิ่งมา ก่อนจะดึงจินนี่หยุด
“หยุดทำไม ไปต่อซิ แถวนี้ยังไม่พ้นรัศมีระเบิดเลยนะ”
“แค่นี้ก็พอแล้ว”
จินนี่ยังตกใจ
“บ้านะซิ จะรู้ได้ไงว่าไม่มีลูกต่อไป เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดรู้มั้ย ฉันยังไม่อยากนอนหน้าเละเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ฉบับพรุ่งนี้หรอก”
จินนี่จะฉุดวิ่งต่อ
“ระเบิดลูกโป่ง คงไม่เท่าไหร่มั่ง”
จินนี่เริ่มเข้าใจ
“ฝีมือแกเหรอ ยายหวาน”
อัญชิสาหยิบเข็มกลัดให้ให้ดู ยิ้มเป็นนัย สองคนก็หัวเราะกับคิกคัก

เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาเคลียร์ ร้องบอก
“แค่ลูกโป่งแตกครับ ไม่มีอะไร ไม่ใช่ระเบิด”
ผู้คนเริ่มหายตื่นตระหนก และแล้วก็กลับมาเดินกันเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมียวดีที่อยู่กับเด็กน้อย เริ่มปลอบเด็ก
“ไม่ต้องร้องนะ ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“แม่...ฮือๆ หนูจะหาแม่”
“อย่าร้องซิ...ดูนี่นะ”
เมียวดีพยายามทำหน้าตลกๆ เพื่อปลอบ เด็กค่อยๆ หยุดร้อง หันมามอง แม่เด็กวิ่งมาหาลูก
“ชมพู่!”
เด็กเห็นแม่รีบวิ่งไปหาทันที
“แม่!”
แม่เด็กมองเมียวดี หัวจรดเท้า เพราะเห็นการแต่งตัวก็ไม่ไว้ใจ ดุเมียวดีเสียงเขียว
“จะเอาลูกฉันไปไหน”
“เราไม่ได้เอาไปไหน เด็กร้องจะหาแม่”
“ไม่ต้องเข้ามา อย่ามายุ่งกับลูกฉันอีกนะ คอยดูนะจะแจงตำรวจจับให้หมด แค่แต่งตัวก็ดูรู้แล้ว...”
เมียวดีงงๆ ที่โดนด่าดูเสื้อผ้าตัวเองว่าแสดงตรงไหนว่าไม่ดี แม่เด็กรีบพาเด็กเดินออกไป พลางสั่งสอนลูก
“คราวหลังอย่าไปเที่ยวคุยกับคนแบบนี้อีกนะชมพู่ เดี๋ยวมันจับไปเป็นขอทานแม่ช่วยไม่ได้นะ”
เมียวดีเพิ่งเข้าใจว่าเขากลัวเธอเรื่องอะไร
“มองแค่หน้าก็รู้แล้วเหรอว่าเป็นคนไม่ดี”
เมียวดีส่ายหน้ากับความคิดของคนกรุงแล้วก็นึกขึ้นได้
“เฮ้ย แล้วคุณหวานล่ะ!”
เมียวดีเหลียวมองไปรอบๆแต่ไม่มี ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม เห็นคนเดินกันควักไขว่แต่เธออยู่คนเดียว ไม่รู้จะไปทางไหน

อัญชิสากับจินนี่เลือกเสื้อผ้าอยู่ใน ร้านเสื้อผ้า จินนี่มองซ้ายมองขวา
“แกหาอะไรอีกจินนี่”
“โอมายก็อต เราลืมนังเด็กคนป่านั้นไว้”
อัญชิสาเลือกเสื้อผ้าไปตามปกติ ไม่ตื่นเต้น
“ก็ทิ้งมันไว้ซักสามสี่ชั่วโมง ช้อปปิ้งให้เสร็จแล้วค่อยกลับไปดู หมั่นไส้นักต้องสั่งสอนมันให้รู้เสียบ้างว่าที่นี่ถิ่นใคร ใครคือนางพญาตัวจริง”
“แต่ว่า...ถ้าเกิดมันหายไปล่ะ”
“ก็ยิ่งดี คุณเผ่าจะได้ไม่ต้องเลี้ยงดูมันอีก กะอีแค่เด็กบ้านป่าที่เก็บมาเลี้ยง มีข้าวให้กินก็บุญแล้ว นี่ต้องดูแลยังกับ...”
อัญชิสานิ่งไม่พูดต่อ
“กับอะไร พูดต่อสิ...อย่าบอกนะว่าแกหึงนังเด็กนั้น ไหนว่าไม่สนไง แต่จะว่าไป มันก็หน้าตาดีนะ ผิวพรรณก็ดี จับมาแต่งตัวอีกหน่อยใช้ได้เลย”
อัญชิสามองหน้า จินนี่ก็เลยหยุดไป แล้วก็อดไม่ได้ต้องพูดอีก
“แล้วแกไม่กลัวคุณเผ่าเค้าจะว่าเหรอ ว่าแกทิ้งเด็กเค้า”
“ก็มันเป็นเรื่องฉุกเฉิน เกิดระเบิดขึ้นมา แกจะให้ฉันทำยังไงหรือถ้ามันเก่งนัก ก็ให้มันแกะรอยกลับบ้านเองก็แล้วกัน”
หวานเดินถือเสื้อเข้าไปห้องลองเสื้อ ไม่สนใจอีก

เมียวดีเดินสะเปะสะปะอยู่ในท่ามกลางผู้คน เธอก้มลงดูพื้นซีเมนถอนหายใจ
“ไม่มีพื้นดินให้เยียบเลย แล้วจะหารอยตีนได้ยังไง”
คนเดินผ่านไปมากระแทกเธอทำให้เธอต้องลุกขึ้น พยายามหาทิศทาง ช่วยตัวเอง...เมียวดีเดินมาถึงถนน รถราขวักไขว่เสียง ต่างๆ เสียงแตรรถดูหนวกหู ตึกระฟ้าที่เบียดเสียดขึ้นแข่งกัน...เมียวดีเดินมาที่ป้ายรถเมล์เหลียวหน้าเหลียวหลัง ร้อนก็ร้อน เห็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูเหมือนคนใจดีนั่งปะปนอยู่กับผู้คน มองเมียวดีอย่างสังเกต เมียวดีเดินเลยไป ผู้ชายคนหนึ่งข้ามถนนเมียวดีเห็นด้านหลังเหมือนทรงเผ่าก็ดีใจรีบเรียก
“นาย ๆ ๆ”
เมียวดีรีบข้ามถนนตามทันที แต่ไม่ดู รถวิ่งมาเบรคเอี๊ยด จังหวะเดียวกับหญิงคนนั้นที่ป้ายรถเมล์ ดึงเธอกลับมาบนฟุตบาท
“ระวัง! หนู”
คนขับรถยกนิ้วกลางให้ แล้วขับต่อไป เมียวดียังชะเง้อมองผู้ชายอีกฝั่งให้ชัด เห็นว่าไม่ใช่ทรงเผ่า
“ไม่ใช่นาย นี่”
“ใครเหรอหนู คนรู้จักเหรอ เวลาข้ามถนนต้องระวังหน่อยนะ”
เมียวดีหันมาดูหญิงตรงหน้า
“ขอบใจนะ”
“มาจากไหนเรา”
“บ้านนาย เราจะกลับบ้าน”
หญิงคนนั้นมองการแต่งตัวและเผ้าผมของเธอ
“ดูท่าทางคงไม่ใช่คนในเมืองใช่มั้ย หลงทางใช่มั้ยเนี่ย น่าสงสารจริงๆ”
เมียวดียังไม่ตอบ ระวังตัวอยู่
“น้าเห็นหนูแล้วก็คิดถึงตัวเอง สมัยเข้ากรุงเทพใหม่ๆรถรา ผู้คนโอ๊ย มันเยอะไปหมด อากาศก็ทั้งร้อนทั้งอบ ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านนอก ตื่นเช้าขึ้นมาหายใจโล่งอก”
เมียวดีค่อยคลายความระแวง
“ใช่...บ้านน้าอยู่ไหน”
“อยู่สุพรรณ ทางสามชุกนั้นแหละ แต่พอหมดหน้านาก็ต้องเข้ามาหางานในกรุงเทพ ดูซิเหงื่อเต็มเชียว ร้อนมากใช่มั้ย”
หญิงกุลีกุจอ ค้นกระเป๋าหยิบขวดน้ำเล็กๆให้
“เอาๆกินเสีย”
เมียวดีรับมากินแค่จิบเดียว หญิงคนนั้นยิ้มรับ
“อ้าวแล้วทำไมล่ะกินเยอะๆล่ะ กินให้หมดขวดก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”
“เหนื่อยๆ แค่จิบก็พอ กินเยอะเดี๋ยวไม่สบาย คนในเมืองก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ”
เมียวดียื่นขวดน้ำส่งให้ทันใดนั้นขวดน้ำหล่นตกพื้น เมียวดีสลบ หญิงคนนั้นเช้าไปประคองทันที
รถตู้เข้ามาจอด ประตูรถเปิดออก หญิงคนนั้นประคองเมียวดีที่สลบอยู่ โยนขึ้นไปในรถตู้ซึ่งมี ผู้หญิงวัยรุ่นอยู่ในรถ ถูกมันมือมัดเท้า อัดกันอยู่ในรถ หญิงคนนั้นหันไปสั่งคนขับ
“เฮ้ยออกรถซิว่ะ รอพ่อเอ็งมาสอยหรือไง”
รถตู้ปิดประตูขับกระชากออกไป

เย็นนั้น ทรงเผ่าเริ่มชะเง้อมองหน้าบ้าน ซึ่งเหมือนกันกับ บัวคลี่และทนง
“เย็นแล้วทำไม คุณหวานกับเมียวดียังไม่มาอีกก็ไม่รู้นะครับ” ทรงเผ่าถามอย่างกังวลใจ
“ก็คงช็อปปิ้งกันเพลินประสาผู้หญิง นั้นแหละค่ะ”
ทนงขำๆ
“หรือไม่เจ้าเหมียวมันก็ออกฤทธิ์จนหนูหวานเป็นลมไปแล้ว”
บัวคลี่หน้าตื่น
“นั้นซิค่ะ ดิฉันก็หวั่นใจเหลือเกิน คุณหวานจะเจอฤทธิ์เดชยายเหมียวเข้าไป จะถอดใจจนไม่กล้าพาไปไหนอีก”
“ก็ ถ้าหนูหวานใจเสาะขนาดนั้น ต่อไปจะคุมเจ้าเหมียวไหวได้ยังไง เอาไงดีล่ะที่นี้ ฮึ...เจ้าเผ่า หรือว่า หาคนคุมคนใหม่ดี”
ทรงเผ่ารับมุกต่อ
“อืม...ก็น่าสนใจนะครับพ่อ ผมจะรับหลักการของพ่อไว้พิจารณาก็แล้วกัน”
สองคนพ่อลูกหัวเราะกันขำๆ บัวคลี่มองอย่างไม่ชอบใจ ยกมือไหว้ทนง
“ขอโทษนะคะ คุณพี่...นี่แน่ะ...”
บัวคลี่ตีเพี้ยะเข้าให้ ไม่ได้จริงจัง
“โอ๊ย อะไรกันคุณ”
“ก็คุณพี่นะมายุคุณเผ่าทำไมล่ะคะ” บัวคลี่หันไปหาทรงเผ่า “หนูหวานนี่แหละค่ะ น่ารักที่สุดแล้ว คุณเผ่าอย่าไปเชื่อคุณพ่อนะคะ หาทางมีใหม่อยู่เรื่อย”
ทรงเผ่ากับทนงยิ้มขำกัน ทนงหันไปอ้อนบัวคลี่
“ผมนะแก่แล้ว คงตายอยู่ในอ้อมอกคุณนี่แหละ ไม่มีใหม่อีกแล้วล่ะ”
บัวคลี่ยิ้มออก วงศ์เข้ามา
“คุณหวานมาแล้วค่ะ”
อัญชิสามาถึง ก็พุ่งเข้ากอดทรงเผ่า
“คุณเผ่า ฮือๆๆ”
ทนงงง มองหน้ากับบัวคลี่ จินนี่รีบยกมือไหว้ บอกทนง
“ยายเด็กคนป่า...เอ๊ย เมียวดีหายไปค่ะ!”

ค่ำนั้น...รถตู้เลี้ยวเข้าจอดที่ปั้ม หญิงคนนั้นโวยวาย
“จอดทำไมวะ ทางโน้นเค้ารอรับของอยู่นะโว้ย”
“ขอเข้าห้องน้ำหน่อย...ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอกน่า”
ชายคนขับรถลงไปเตร็ดเตร่ สักครู่รถกระบะมาจอด ชายคนขับรีบขึ้นรถไป หญิงคนนั้นมองดูอยู่
“โธ่เอ่ย...ทำเป็นปวดขี้ปวดเยี่ยว ที่แท้ก็แวะซื้อยา”
ชายคนขับรับยาบ้าใส่ในกระเป๋า
“ขอบใจนะพี่ ถ้าไม่ได้ของ คงไม่มีแรงขับรวดเดียวถึงชายแดน”
ส่วยเป็นคนเอายามาส่งใส่หมวกบังไว้
“ขาดเมื่อไรก็โทรมาแล้วกัน แล้วของเอ็งล่ะ เที่ยวนี้แจ่มมั้ยวะ”
“ใช้ได้เลย พี่ ขาวๆ อวบๆ ทั้งนั้น แถมเพิ่งตกมาได้เพิ่มอีกคน พี่จะเก็บไว้ลองก่อนซักคนก็ได้นะ เดี๋ยวค่อยเอาไปส่งงวดหน้าก็ได้”
“จะดีเหรอ”
ส่วยคิดๆเริ่มหื่น ลูบคาง
“คนกันเอง สบายพี่”
ส่วยยิ้มอย่างถูกใจ

ส่วยเปิดประตูรถตู้ขึ้นมา ผู้หญิงบนรถต่างตกใจ ขยับตัวหนี เมื่อส่วยเข้ามาบีบแก้มดูหน้าตา หญิงที่คุมเด็กมาโวยวาย
“เฮ้ย อะไรว่ะ”
“ให้พี่เค้าเลือกเด็กไปกก ซักคนน่า”
ส่วย ชะงักเมื่อเห็นเมียวดี นอนสลบอยู่ เขาจำได้
“เอ็งเอาอีนี่มาจากไหน!”

อั๋นในชุดกีฬาถือกระเป๋าเข้ามาในสปอร์ตคลับ ผู้หญิงสองคน ใส่ชุดรัดรูปเดินผ่านคุยกันไป อั๋นถึงกับชะงักต้องแอบเหลือบมองบันท้ายแสกนอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวมีคลาสโยคะ เข้าคลาสนี้ดีกว่านะ ปุ๊กกี้”
“ดีๆเอาซิ”
หญิงสองคนเดินผ่านไป อั๋นแอบ ว๊าว!
“ผมก็ชอบโยคะ เหมือนกันครับปุ๊กกี้”
อั๋นยักคิ้วกับตัวเอง มีแผนทันที

ทรงเผ่าคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกบ้าน บัวคลี่ปลอบใจอัญชิสาโดยมีจินนี่นั่งอยู่ข้างๆ
“เป็นความผิดของหวานเอง ที่ดูแลแกไม่ดี หวานน่าจะจับมือแกไว้ให้แน่นกว่านี้”
จินนี่รีบเสริม
“โธ่ หวาน ตอนนั้นนะทุกคนต่างเอาตัวรอด หวานเอง ก็โดนคนวิ่งมาชนจนล้มไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
บัวคลี่เห็นใจ
“ตายจริง โถ แม่คุณ”
ทรงเผ่าเดินกลับเข้ามา ทนงรีบถาม
“ได้เรื่องยังไงบ้าง อั๋นว่าไง ขอกำลังตำรวจออกช่วยตามได้มั้ย”
“ยังติดต่อเจ้าอั๋นไม่ได้เลยครับ ไม่รู้มันหายหัวไปอยู่ที่ไหน”

ในห้องโยคะ...อั๋นเป็นผู้ชายคนเดียว อยู่ท่ามกลางสาวๆ ครูสอนไปเรื่อยๆ อั๋นตื่นตาตื่นใจ ไม่มีสมาธิ มองไปทั่วเห็นสาวๆใส่ชุดโยคะ
“จดจ่ออยู่กับตัวเอง และลมหายใจเข้าและออก” ครูสอน
อั๋นหายใจเข้าอย่างกรุ่มกริ่มมีความสุขมองซ้ายที ขวาที กับหุ่นของสาวๆ
“หายใจเข้าค่อย ๆ ยกขาขึ้นช้า”
ครูสอนให้ทำท่าต้นไม้ยืนขาเดียวยกมือขึ้นประกบกันเหนือศีรษะ อั๋นทำไปก็สอดส่ายสายตามองหาปุ๊กกี้ที่เป็นเป้าหมาย ก่อนจะกระโดดเขยกไปยืนใกล้ แล้วชวนคุย
“ขอฝึกตรงนี้นะครับ ตรงนั้นมองไม่ค่อยเห็น”
ปุ๊กกี้ หันมามองยิ้มให้ตามมารยาท อั๋นได้ที ชวนคุยต่อแบบเบาๆ
“ผมอั๋นครับ ท่านี้ยากจังนะครับ คุณเอ่อ ปุ๊กกี๊ใช่มั้ยครับ ผมได้ยินเพื่อนคุณเรียก”
ปุ๊กกี้เอามือลงหันมายิ้มให้ เสียงดังชัดเจน
“มีอะไรสงสัย ถามครูดีมั้ยคะ”
ทุกคนในห้องรวมทั้งครูหันมาดูอั๋นเป็นตาเดียว

อั๋นถอยหลังออกมาจากห้องโยคะ ขอโทษขอโพยใหญ่
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆครับ”
ขาดคำประตูปิดใส่หน้าเขาทันที

สาทิศกำลังไดกอล์ฟอยู่กับ ผู้ใหญ่ในสนามกอล์ฟ
“โอ้โห้ คนหนุ่มนี้แรงดี เหลือเกินนะ วงสวิงก็สวย แบบนี้ต้องไปออกรอบด้วยกันหน่อยแล้ว” ผู้ใหญ่ชม
สาทิศยิ้มแย้ม
“ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่เป็นเกียรติมากครับที่ท่านเอ่ยปากชวน”
ลูกน้องสาทิศเข้ามากระซิบบอกบางอย่าง
“ขอตัวซักครู่นะครับท่าน พอดีผมมีด่วน ต้องจัดการนิดหน่อย”
“ตามสบายเลย”
“ขอบคุณครับ อ๋อ...ได้ข่าว ว่าลูกสาวท่านเพิ่งเรียนจบ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
ลูกน้องยื่นกล่องของขวัญให้ สาทิศรับมาส่งให้ ท่านแง้มฝากล่องดูเห็นเงินวางเรียงกันอยู่เต็มกล่อง
“ไม่น่าลำบากเลย”
“ของขวัญเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเองครับ”
สาทิศก้มหัวเชิงลา แล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้องหน้าตาเครียด ตรงไปยังห้องน้ำชาย ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องน้ำมองซ้ายมองขวาว่าปลอดคนหรือเปล่า
“คุมให้ดี อย่าให้ใครเข้าไป”

อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9/2 วันที่ 11 พ.ค. 55
ติดตามละคร แก้วกลางดง ได้ทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 7.30 ,10.30 ,20.00 และ 23.00 ทาง ช่อง 8
ละคร แก้วกลางดง ประพันธ์ โดย ทมยันตี
ละคร แก้วกลางดง บทโทรทัศน์โดย ธนินทร อุชุภาพ
ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ