อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9 วันที่ 9 พ.ค. 55

{[['']]}
อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9 วันที่ 9 พ.ค. 55
อั๋นทิ้งท้ายให้บัวคลี่ติดใจ
ทรงเผ่าฝังปลาทองไว้ใต้ต้นไม้ ขณะที่ชวนอัญชิสาคุยไปด้วย

“ผมไม่เคยรู้ว่าคุณหวานเลี้ยงปลาทองมาก่อน”
อัญชิสารีบหลบตาเพราะไม่เคยเลี้ยงจริงๆ
“หวาน...เลี้ยงในห้องนอนนะคะ มิกกี้เค้าน่ารักมากเลยนะคะ เวลาหวานเหงาๆ ก็จะมาดูเค้าว่ายน้ำเล่น”
“อ๋อ ครับ...เอาล่ะ” ทรงเผ่ากลบดินเสร็จพอดี “ทีนี้มันก็จะกลายเป็นปุ๋ยต้นไม้ มีประโยชน์สองต่อ”
“เค้าค่ะ ไม่ใช่มัน อย่าเรียกมิกกี้ว่ามัน เค้าเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของหวาน”
ทรงเผ่าชะงักไป
“เอ่อ ครับ มัน...เอ๊ย เค้าก็เค้า เราฝังศพเค้าเรียบร้อยแล้ว”
“หวานขอเก็บดอกไม้มาวางหน่อยได้มั้ยค่ะ คุณเผ่าคงไม่คิดว่ามันไร้สาระเกินไป”
ทรงเผ่าชะงักไปอีกที เพราะคิดอยู่ว่าเยอะไป
“เชิญเลยครับ”
อัญชิสาเดินไปเก็บดอกไม้ ที่อยู่แถวนั้นมาวางบนหลุมศพ...ฟ้าลั่นเดินผ่านมา เห็นเดินถอยกลับมายืนดูอีกที งงๆ กับการกระทำของอัญชิสา เธอเอาดอกไม้มาวางบนดินที่ฝังปลาทองบีบน้ำตาอีกรอบ ก่อนจะเอนหัวซบบนไหล่ทรงเผ่า

ฟ้าลั่นเข้ามาเท้าคางส่ายหน้างงอยู่ในครัว วงศ์กำลังเช็ดจาน สอนเมียวดีเช็ดไปด้วย
“คนในเมืองนี้ประหลาดดีนะ ปลาตายตัวเดียวทำเหมือนพ่อตาย” ฟ้าลั่นเปรยออกมา
เมียวดีเฉย รู้แต่ไม่พูดอะไร
“เค้าคงรักมันมาก เลี้ยงมานานก็คงผูกพัน” วงศ์ออกความเห็น
“แต่ ทีไอ้เหินฟ้ามันเอาหมูที่เลี้ยงไว้ใต้ถุนมาต้มกิน ไม่เห็นมันร้องไห้เสียใจเลย เรียกฟ้าลั่นไปกินอีก” ฟ้าลั่นหันมาหาเมียวดี “ปลามันไม่ได้มีไว้กินเหรอวะอีเมียว”
“สัตว์อะไรกินได้ ก็กินทั้งนั้นแหละ ขืนเลือกก็อดตาย”
“เออ นั้นซิวะ”
“แต่คนในเมืองคงมีเหลือกินมั่ง เราไม่ใช่คนในเมืองบอกแทนไม่ได้หรอก”
วงศ์มองเมียวดีที่พูดนิ่งๆ อย่างรู้ทัน
“ใครกันนะบอกว่าคนบ้านป่าบ้านดอยไม่รู้เรื่องอะไร”
เมียวดีเฉยอีก ไม่ต่อความ ฟ้าลั่นยังสงสัยไม่หาย
“แล้วตกลง คนในเมืองเค้าต้องทำศพปลากันทุกคนเหรอคุณแม่บ้าน”
วงศ์ยังไม่ทันพูด เชอรี่ก็เข้ามาพอดี ส่งเสียงมาก่อน
“กระแดะ แบบนี้เค้าเรียกว่ากระแดะนะซิพี่ฟ้าลั่น เลี้ยงไว้ดูเล่นนะพอเข้าใจได้ แต่เลี้ยงไว้ประหนึ่งญาติผู้ใหญ่เนี่ยเค้าเรียกกระแดะ ใครกันเหรอที่ทำแบบนี้”
“คุณหวาน”
เชอรี่นิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเสียงทันที
“เหรอ เออ...ต๊าย ดูดีจริงๆ คนที่เค้ามีวัฒนธรรมเค้าก็ทำแบบนี้แหละ”
ฟ้าลั่นมองหน้า
“เมื่อกี้ น้องเชอรี่ไม่ได้พูดแบบนี้นะ”
เชอรี่รีบแก้
“ฉันก็พูดแบบนี้ ปลามันก็มีชีวิตเหมือนกัน เราทำศพให้มันก็ถูกแล้วนี่”
ฟ้าลั่นอ้าปากจะพูด เชอรี่ก็ขัดขึ้นอีก
“หยุด! พี่ฟ้าลั่นนะ ไม่เข้าใจวิถีชีวิตคนในเมืองแท้ๆไม่ต้องพูดหรอก”
ฟ้าลั่นจำต้องรับคำ
“จ๊ะ”
เชอรี่ทำท่าเคลิ้มฝัน
“สงสัยต้องไปซื้อปลามาเลี้ยงบ้างแล้ว”
“เอาเป็นปลาช่อน หรือปลาสลิดก็ดีนะเชอรี่ พอมันตายจะได้เอาขึ้นเมรุเผา กลายเป็นปลาเผาจิ้มแจ่วไง” วงศ์แดกดัน
ฟ้าลั่นขำเสียงดังทันที
“ฮะๆๆๆดี ฟ้าลั่นชอบกินปลาเผา”
เชอรี่หันควับส่งสายตาเขียวปัดใส่ ฟ้าลั่นหยุดทันที วงศ์ถอนหายใจ
“จะทำอะไรก็เอาแต่พอดี ดูบ้างว่าเราเป็นใคร เห็นช้างขี้อย่าไปขี้ตามช้าง”
“คุณแม่บ้านอ่ะ คุณแม่บ้านไม่เข้าใจเชอรี่”
เชอรี่ได้แต่ฮึดฮัด เมียวดีแค่ยิ้มขำๆแต่ไม่พูดวิจารณ์อะไร

วันใหม่...อัญชิสาสบายใจทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนคุยกับจินนี่
“ลงทุนแวะซื้อปลาทองแค่ตัวเดียว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก”
จินนี่แปลกใจ
“จริงเหรอ แล้วคุณเผ่าเค้าไม่ถามอะไรแกเลยเหรอ เรื่องคุณสาทิศ”
“โน”
“ไม่โกรธ ซักนิดเดียว”
“ใช่...บอกแล้วไงมันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ ทุกอย่างหายไปเมื่อน้ำตาฉันหยด หึ หึ”
“อ๋อ แกงัดมารยาหญิงมาใช้นี้เอง คุณเผ่าเค้าถึงเงียบกริบไม่มีคำถาม เล่มที่เท่าไหร่กันล่ะ เนี่ย”
“ไม่ใช่ย่ะ เค้าเรียกว่าเสน่ห์ของผู้หญิงต่างหาก พวกผู้ชายนะบ้าอำนาจชอบเป็นผู้นำ แค่ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราอ่อนแอ เราต้องการการดูแลจากเค้า แค่นี้ทุกอย่างก็จบ อะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องรื้อฟื้นดีที่สุด”
“ฉลาดเลิศที่สุดเพื่อนฉัน”
จินนี่หยิบครีมทาผิวจะเอามาทา แต่เพิ่งสังเกตเห็น
“อุ๊ย...ครีมนี้แกได้มาเมื่อไหร่ มันหมดอายุแล้วนะ”
อัญชิสาหยิบมาดูวันหมดอายุ
“ไปงาน เค้าให้มา ฉันก็โยนๆ ไว้งั้นแหละ ไม่กล้าใช้หรอก ไม่เป็นไรเดี๋ยวเอาไว้ให้ยายเด็กคนใช้บ้านคุณเผ่าก็ได้ เป็นค่าปิดปากที่มันคาบข่าวมาบอก”
จินนี่หน้าเหวอ
“แต่ มันหมดอายุไปตั้งหลายเดือนแล้วนะ”
“โอ๊ย...หนังหน้าคนพวกนั้นนะหนาจะตาย ฉันให้บ่อยๆ ไม่เห็นมันจะว่าอะไรชอบเสียอีก”
“แกนี่...”
จินนี่ยิ้มให้อย่างพอใจ สองสาวหัวเราะกันชอบใจ

เชอรี่เปิดถุงที่ได้รับมาจากอัญชิสา เอาครีมออกมาทาหน้าอย่างมีความสุข ทาไปพูดไปดูตัวเองในกระจก
“ขาวๆๆเด้งๆๆๆ ของฟรีของดีแบบนี้ต้องโป๊ะเข้าไปเยอะๆ เธอช่างสวยจริงๆ เชอรี่จ๋า”
ฟ้าลั่นแอบเปิดหน้าต่าง เกาะขึ้นมา เชอรี่มองตัวเองในกระจกอยู่ ขยับซ้ายขวา แล้วก็เลยออกสเตปซ้อมร้องเพลงพร้อมเต้นอย่างเต็มที่
“ตั๋วน้องเป็นสาวรุ่นราวเอ๊าะๆ หุ่นฮ่างก็เหมาะ บ่าวมาเกาะมาต๋อม”
เธอเหลือบมองไป เห็นฟ้าลั่นเกาะหน้าต่างอยู่ฟังอย่างชื่นชม เชอรี่อายม้วน
“พี่ฟ้า...บ้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่ให้สุ่มให้เสียงกันเลย เค้าอายนะ”
“ถ้าไม่แอบมา พี่ฟ้าจะเห็น คนสวยเสียงดีแบบนี้เหรอ”
“พูดจากใจจริงใช่มั้ย”
“แน่นอน เสียงน้องเชอรี่เพราะจับใจ จริงๆนะ เหมือน นก...นก...”
เชอรี่ลุ้น
“นก...ปิ๊ดจะลิว”
เชอรี่งงๆ
“นกอะไรของพี่อ่ะ ชื่อประหลาด”
“อ้าว...ก็แถวบ้านพี่ฟ้าถ้าใครเสียงดี เค้าก็ชมแบบนี้กันทั้งนั้น”
เชอรี่ค่อยยิ้มออก
“เหรอ...งั้น ถ้าเชอรี่จะไปประกวดร้องเพลงเป็นนักร้องล่ะ พอจะไหวมั้ย”
“โอ๊ย ขึ้นเวทีไหน ก็ชนะ ได้ขันได้ถ้วย แน่น้องเชอรี่”
“เชอรี่ก็ว่างั้นแหละ” เชอรี่เริ่มจริงจัง “และในเมื่อพี่ฟ้าเชื่อในความสามารถของเชอรี่แบบนี้ เชอรี่ก็มีความลับบางอย่างจะบอกให้พี่ฟ้าได้รู้”
ฟ้าลั่นตื่นเต้น
“เดี๋ยว น้องเชอรี่ พี่ของทำใจก่อน...นี่น้องเชอรี่คือ เจ้าของบ้านแต่ปลอมตัวมาทวงสมบัติใช่มั้ย”
เชอรี่ถลึงตาใส่
“เพ้อเจ้อไปถึงไหนเนี่ยพี่ฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่นอ้อมแอ้ม
“ก็พี่ฟ้าดูในหนังขายยา...”
“นี่มันคือชีวิตจริง ไม่ใช่หนัง ชีวิตที่ต้องต่อสู้เพื่ออนาคตในวันหน้า ต่อไปเชอรี่จะต้องดังเหมือนน้องกระแต อาร์สยาม และการที่เชอรี่มาเป็นคนใช้แบบนี้ ก็เพื่อที่จะเรียนรู้ชีวิต ให้เหมาะสมกับการเป็นคนลูกทุ่ง พี่ฟ้ารู้มั้ยคนลูกทุ่งเค้าจะต้องสู้ชีวิตแบบนี้กันทั้งนั้น”
เชอรี่สายตามุ่งมั่น ฟ้าลั่นพลอยชื่นชมไปด้วย
“ทั้งเก่งและสวยแบบนี้ สมแล้วที่เป็นนางฟ้าของพี่ฟ้าลั่นจริงๆ”

ที่ห้องรับแขก...วงศ์กับบัวคลี่สอนให้เมียวดีไหว้
“เป็นผู้หญิงต้องไหว้สวยๆ ไหว้ทั้งใจและกาย ในใจก็ต้องไหว้ด้วยไม่ใช่แค่ยกมือเป็นฝักถั่ว ค่อย ไหว้ช้า ๆ ๆ สวยมากจ๊ะแม่วงศ์”
วงศ์ทำตามที่บัวคลี่สอนเป็นตัวอย่างให้เมียวดีดู ซาบซึ้งกันอยู่สองคน เมียวดีนั่งฟัง นั่งหาวไม่สนใจนัก ทรงเผ่าเดินมา
“อ้าวเมียวดี หาวอ้าปากกว้างแบบนั้น แมลงวันเข้าไปในปากแล้ว”
“ถ้ามันเข้าไปจริงเราก็ต้องรู้แล้วซิ นาย”
“หรือไม่...เราก็กลืนไปแล้ว ฮะ ๆๆ”
วงศ์กับบัวคลี่เพิ่งรู้ว่าเมียวดีไม่ได้ดู บัวคลี่หันมาดุ
“ตายจริง นี่ไม่ได้ฟังที่สอนเลย แถมยังนั่งหาวอีกเหรอ”
“เป็นผู้หญิงเวลาหาวต้องปิดปากนะคะ คุณเหมียว อ้าปากกว้างๆมันไม่สุภาพ” วงศ์สอน
ทรงเผ่าขำ
“โอโห้ เห็นลิ้นไก่เลยละครับ ฮะๆ”
เมียวดีหัวเราะล้อเลียนทรงเผ่า หมั่นไส้นิดๆ
“ฮะ ฮะ...ดูนายอารมณ์ดีเหลือเกินนะวันนี้ มีอะไรน่าขำนักเหรอ แค่คนหาว”
“ก็ฉันอยากขำ แล้วฉันก็อารมณ์ดีเหมือนทุกวันด้วย”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทรงเผ่าเดินไปคุยโทรศัพท์อีกมุม ปล่อยให้บัวคลี่กับวงศ์สอนเมียวดีต่อ
“ว่าไง เจ้าอั๋น...จะชวนฉันไปยิงปืนอีกเหรอ”
“โอ๊ย เสียงใสแบบนี้ แสดงว่าหายอกหักแล้วใช่มั้ยครับพี่เผ่า”
“ฉันนะเหรอ”
“ใช่ครับ...แหม ได้ยาดีแก้ตรงจุดมันก็รักษาไวแบบนี้ ไม่ต้องใช้วิธียิงปืนคลายเครียดแล้วละครับ”
ทรงเผ่ายังงงอยู่
“เครียด...ฉันเครียดงั้นเหรอ”
“โธ่พี่เผ่า กับน้องกับนุ่งไม่ต้องฟอร์มมากนักหรอก พี่เข้าใจกับคุณหวานก็ดีแล้ว ผมนึกแล้ว ว่ายังไงคุณหวานก็ต้องเลือกพี่”
“แล้ว แก รู้ได้ยังไง”
“เมียวดีไงครับ เมียวดีให้ป้าวงศ์ต่อสายให้โทรมาหาผม”
ทรงเผ่าเหลือบมองเมียวดีประมาณว่ายายตัวดี เดี๋ยวเถอะ...เมียวดีมองมาเขาอยู่เหมือนกันอย่างอยากรู้เธอรีบหลบตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สนใจที่บัวคลี่

เมียวดี เดินเลี้ยวมามุมหนึ่งของบ้าน ทรงเผ่าดักรออยู่ เธอรีบทำเป็นเดินเลี้ยวกลับ
“จะไปไหนเมียวดี”
“เรามีเรื่องอยากคุยกับป้าวงศ์”
ทรงเผ่ารีบก้าวยาวมาดักไว้
“ร้ายนักนะเรา นี่ถึงขนาดไปรายงานเจ้าอั้นเชียวเหรอ”
“หมวดเพื่อนนายเค้าถาม เราก็ตอบตามที่เห็น”
“ว่าฉันอกหัก นะเหรอ”
“แล้วมันถูกมั้ยล่ะ พอคุณหวานมา นายก็หน้าบานเท่ากระด้ง เส้นตื้นเหมือนคนเมาฝิ่น”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
เมียวดีชักรำคาญ
“ไม่เป็นก็ไม่เป็น เราขี้เกียจเถียงกับนายแล้ว เอาเป็นว่าหมวดเพื่อนนาย กลัวนายนอนไม่หลับแล้วลุกขึ้นมาผูกคอตายละมั่ง”
ทรงเผ่าคิดได้
“อ๋อ...นี่ แปลว่า การที่เราสองคนพาฉันไปยิงปืน เพราะคิดว่าฉัน...ฮะ ๆ ๆ เข้าใจแล้ว งั้นเธอก็ห่วงฉันเหมือนกันนะซิ ถึงได้ร่วมมือกับเจ้าอั๋น”
“ก็เราบอกแล้วไง เพื่อนกัน ไม่ตายจะทิ้งกันได้ไง”
ทรงเผ่าพูดด้วยความคะนอง
“แล้วถ้าฉันตาย เธอจะร้องไห้ให้ฉันมั้ย”
เมียวดีนิ่งไปนิด ก่อนจะตอบเรียบๆ
“ตายก็ฝัง”
“งั้นเอาไปฝังในป่าได้มั้ย ที่ๆเธอฝังตาจั่นก็ได้ เธอจะได้มาเยี่ยมง่ายๆพร้อมกันทีเดียวเลย”
เมียวดีหน้าตาจริงจังขึ้น
“เราเก็บไว้ให้คนในครอบครัวเท่านั้น”
“เมียวดี ฉันขอโทษ ฉันล้อเล่น”
เมียวดีพูดเน้นหนักแน่น
“แต่เราพูดจริง”
ทรงเผ่ายังไม่รู้ว่าเมียวดี หมายความยิ่งกว่านั้น
“ไปกันใหญ่แล้ว คือฉันหมายถึง...ฉันแค่พูดล้อเธอเล่น แต่ไม่ได้ตั้งจะล้อความเชื่อของเธอ”
เมียวดีพยักหน้ารับ แต่ไม่พูด
“พูดจริงๆวันนั้นฉันก็สนุกมาก เอางี้ ในเมื่อเธอทำให้ฉันสนุก ฉันก็จะให้รางวัลเธออย่างหนึ่ง ว่ามาเลยอยากได้อะไร”
เมียวดีตาเป็นประกายขึ้นมา
“จริงเหรอนาย เราคิดถึงบ้าน เราขอกลับบ้านได้มั้ย”
“อันนั้นไม่ได้ ก็เราตกลงกันแล้วไง อยู่เที่ยวป่าของฉันก่อนนะเมียวดี”
“งั้นเราก็ไม่อยากได้อะไร”
“เฮ้ย...นี่งอนเหรอ มีอารมณ์งอนแบบผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
“เราเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยงอน”
“เธองอน”
“ไม่ได้งอน”
“งอน”
“ไม่”
“แบบนี้เค้าเรียกว่างอนชัดๆ” ทรงเผ่าชี้นิ้วใส่หน้าเมียวดี “ฮะๆๆ”
เมียวดีโมโห แล้วก็เลยตัดสินใจกัดนิ้วของเขาที่ชี้อยู่เต็มๆ ทรงเผ่าดิ้นพลาด
“โอ๊ยย”
เมียวดียิ้มออกทันที
“เราอารมณ์ดีจะตายเห็นมั้ยนาย” เมียวดีหัวเราะปากกว้างเยาะเย้ย “ฮะๆๆ”
เมียวดีแลบลิ้นใส่ วิ่งหนีไป
“ยายเด็กตัวแสบ”
ทรงเผ่าจะไล่ตาม แต่อัญชิสาเดินมาพอดี
“คุณเผ่า!”

ทรงเผ่ากับ อัญชิสาเข้ามานั่งคุยกันในห้องรับแขกโดยมีบัวคลี่กับทนงนั่งอยู่ด้วย เชอรี่เอาน้ำมาเสิร์ฟ อัญชิสาเอากิ๊ฟเซ็ทส่งให้
“พอดีฉันไปงานมา คิดขึ้นได้ว่าเธอน่าจะชอบ เลยเอามาฝากจ๊ะ”
เชอรี่ยิ้มอย่างดีใจ รีบยกมือไหว้ เปิดดู เห็นครีม
“ของแพงนี่ค่ะ คุณหวาน เชอรี่เห็นในโฆษณาทีวี”
“เล็กๆน้อยๆจ๊ะ รับไปเถอะจ๊ะ”
เชอรี่ออกไป อัญชิสาหันมาหาบัวคลี่
“คุณน้าคงไม่ว่านะคะที่หวานให้ของเด็ก”
“จะว่าทำไมหนูหวานน่ารักจริงๆ มีน้ำใจกับคนโน้น คนนี่ไปทั่ว”
“นี่คุณหวานมาหาผมเหรอครับ มีอะไรหรือเปล่า” ทรงเผ่าถาม
“ไม่ใช่ค่ะ วันนี้หวานไม่ได้มาหาคุณเผ่า แต่ตั้งใจมาหาเมียวดีต่างหาก”
ทรงเผ่าแปลกใจ
“เมียวดี!”
“หวาน นัดกับเพื่อนๆไปทานข้าว แล้วก็จะไปเดินเล่นกันประสาผู้หญิงนะคะ เลยคิดว่าจะชวนเมียวดีไปด้วย ก็คุณเผ่าเคยบอกให้หวานช่วยดูแลแกไม่ใช่เหรอคะ”
บัวคลี่เห็นดีด้วย
“ดีค่ะ ยายเหมียวจะได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่ว่า น้าเป็นห่วงกลัวหนูหวานจะเอายายเหมียวไม่อยู่ซิคะ”
“ไปกันกับผู้หญิงด้วยกัน วัยก็ไม่ห่างกันมาก ยายเหมียวอาจจะสนุกกว่าไปกับคนแก่ๆ ก็ได้นะคุณ” ทนงออกความเห็น
“คุณพี่...นี่คุณพี่ว่าดิฉันแก่คุยกับยายเหมียวไม่รู้เรื่องเหรอคะ”
“ไม่ใช่จ๊ะ...โธ่ ผมจะว่าคุณได้ยังไง ถึงคุณจะแก่แต่ก็ยังสวยอยู่นะ สาวๆบางคนยังสู้ไม่ได้เลยนะ”
“แล้วแคดดี้สนามกอล์ฟ ที่คุณพี่ติ๊บไปทีละพันล่ะคะ”
“อันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเล้ย สงสารเด็กมันเท่านั้น มันทำงานหาเงินเรียน ก็เลยให้เป็นทุนการศึกษาเด็กไปเท่านั้น”
“ค่ะ อย่าสงสารจนถึงขนาดช่วย สมบททุนสร้างบ้านให้ก็แล้วกัน”
ทรงเผ่าฟังแล้วก็ขำไปด้วย ทนงโวย
“อ้าว เฮ้ยเจ้าเผ่ามัวแต่ขำอยู่นั้นแหละ ช่วยออกความเห็นหน่อยซิ”
“ผมว่าคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ผมพาไปก็ไม่เห็นมีอะไร หรือถ้ากลัวนัก ก็ให้แม่วงศ์หรือใครไปด้วยอีกคนก็ได้”
“นั้นซิ แล้วพ่อว่า ดีเสียอีกนะ หนูหวานกับเจ้าเหมียวจะได้สนิทสนมกันไว้ เผื่อวันหน้าหนูหวานคงต้องช่วยเจ้าเผ่าดูแลเจ้าเหมียวต่อไปอีก”
“ประโยคหลังนี้ คุณพี่พูดจาดี ถูกใจดิฉันเหลือเกิน ถูกต้องเลยนะคะ”
บัวคลี่หันมายิ้มให้ อัญชิสาเขินไป แต่ทรงเผ่าไม่ค่อยมั่นใจ
“แต่ผมไม่แน่ใจหรอกนะครับ ว่าเมียวดีจะไปหรือเปล่า”
อัญชิสาหมั่นไส้ที่ทรงเผ่าดูใส่ใจเมียวดีเหลือเกิน แต่ก็ต้องยิ้มแย้มเหมือนเดิม
“คุณเผ่าก็ช่วยพูดซิค่ะ ถ้าคุณเผ่าเอ่ยปากแกคงอยากไป”
อัญชลีพยายามชวน อย่างมีแผนในใจ

วงศ์มาบอกกับเมียวดีว่าทรงเผ่าให้เธอไปเที่ยวกับอัญชิสา เมียวดีถามอย่างไม่เข้าใจ
“ให้ไปกับคุณหวานเหรอ ไปทำไม”
เชอรี่เบ้หน้า
“โอ๊ย...เรื่องมากจริงเค้าให้ไปก็ไปเถอะ ถ้าคุณหวานชวนฉัน ฉันจะไปทันทีเลย ให้ฉันไปแทนมั้ยล่ะ”
“คุณเผ่าไม่ได้บังคับนะคะให้คุณเหมียวตัดสินใจเอง แต่ป้าว่าคงอยากให้คุณหวานกับคุณเหมียวคุ้นเคยกันไว้” วงศ์ออกความเห็น
เชอรี่นึกออก
“อ๋อ...เพราะอีกไม่นาน คุณหวานจะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ใช่มั้ย แหมแทบอดใจรอให้คุณหวานแต่งงานกับคุณเผ่าไม่ไหวเลยล่ะค่ะคุณแม่บ้าน”
เมียวดีได้ยินอย่างนั้นตัดสินใจได้ทันที
“ตกลง ถ้านายอยากให้ไปเราก็จะไป”

อัญชิสากับจินนี่พา เมียวดีมาที่ร้านอาหารในมอลล์ เมียวดียืนมองสถานที่ ที่ไม่เคยมาแต่ไม่ได้กลัว ค่อนข้างนิ่ง จินนี่หันไปกระซิบกับอัญชิสา
“นี่แกนึกยังไง ถึงชวนยายเด็กเถื่อนนั้นมากินข้าว”
“ก็เพราะฉันเป็นนางงามรักเด็กนะซิย่ะ หึ หึ” อัญชิสาหันไปเรียกเมียวดี “มาจ๊ะเมียวดี นี่เพื่อน ของฉัน...นี่ เด็กที่บ้านคุณเผ่าจ๊ะ เพื่อนๆ ที่เคยเล่าให้ฟังนะ” อัญชิสาแนะนำกับเพื่อนๆ
เมียวดีเฉย ไม่ไหว้ใคร จินนี่เหยียดปากดูถูก
“อุ๊ยตาย คนป่าของจริงเลยนะ ดูซิยังไหว้ก็ไม่เป็นเลย”
อัญชิสาหันไปยิ้มให้เมียวดี
“เมียวดี สวัสดีเพื่อนๆ ฉันซิจ๊ะ”
“เมียพ่อนายบอกว่า เวลาไหว้คนต้องไหว้จากใจ อย่าแค่ยกมือ เรายังไม่รู้จักเพื่อนคุณหวานเลย”
ทุกคนหน้าแตกไปตามๆกัน
“ต๊าย อันศิวิไลเซชั่นมากๆ มารยาทพื้นๆยังไม่รู้จัก” จินนี่โวย
“เอาน่า เด็กเพิ่งลงมาจากป่า จากดอย จะถือมารยาทอะไรนักหนา จินนี่” อัญชิสาปราม
เพื่อนแปลกใจ
“จริงเหรอ งั้นก็คนป่าตัวจริงนะซิ ขอถ่ายรูปอัพลงเฟสหน่อยนะ”
เพื่อนคว้าตัวเมียวดีมาถ่ายรูปทันทีโดยที่เมียวดีไม่ทันตั้งตัว อีกคนก็ลากไปถ่ายอีกมุม เมียวดีหงุดหงิด
“ต๊าย ได้ข่าวว่าคนป่ากินคนด้วยใช่มั้ย”
“บ้า คนป่าแบบนั้นนะมันอยู่ป่าในหนังแถวแอฟริกาย่ะ ไม่มีหรอก จริงมั้ยจ๊ะ เมียวดี” อัญชิสาพูดหวานๆใส่ แต่เหน็บในที “เมียวดี เค้าอยู่ป่าเมืองไทย อย่างมากก็คงกินแค่สมองลิงเท่านั้น”
เพื่อนๆทำท่าขยะแขยง
“อี๋ย์”
เมียวดีพยายามกลั้นความโกรธ นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอเดินมากับวงศ์จะไปขึ้นรถ วงศ์ดึงแขนเธอไว้แล้วกำชับ
“คุณเหมียวขา ถ้าคุณเหมียวรักและเคารพคุณเผ่า คุณเหมียวคงไม่อยากให้คุณเผ่าผิดใจกับคุณหวานใช่มั้ยค่ะ”
“เรื่องของสองคนมาเกี่ยวอะไรกับเรา”
“โธ่ คุณเหมียวนี่ป้าพูดจริงนะคะ”
เมียวดีอึ้งไปนิด ก่อนจะตัดสินใจพูด
“อยากให้เราทำอะไรบอกมาเลยดีกว่า”
“วันนี้อย่าไปมีเรื่องนะคะ มีอะไรก็ต้องอดทนไว้”
“เราไม่เคยหาเรื่องใครก่อน”
วงศ์ถอนหายใจ ที่เมียวดีไม่ยอมรับปาก
“ดีแล้วค่ะ แต่จำไว้นะคะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นับ1 ถึง10ไว้นะคะ คุณเหมียวนับเลขได้ใช่มั้ยค่ะ”

เมียวดีพยักหน้า
อัญชิสายังคงพูดจาเยาะหยันเมียววดีต่อ

“ฉันพูดเล่นนะจ๊ะ เมียวดีคงไม่ถือสานะ เอ๊ะ ไม่ตอบสงสัยจะกินจริงๆ”
เมียวดีพึมพำนับ1ถึง 10 เบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับหวาน หน้าเฉยๆ
“สมองลิงไม่อร่อย กินตุ๊กแกดีกว่า เอามาดองกับเหล้านะ อย่างงี้เลย...อย่างงูเห่าก็ไม่ต้องควักไส้ หรือเครื่องในออก เอามาสับๆก็พอ พวกหนอนก็อร่อยดี นิ่มๆลื่นๆใส่ปากแล้วก็กลืนได้เลย แล้วก็มีอีกนะ...”
เพื่อนหวานมองเส้นสปาเก็ตตี้ในจานตัวเอง แล้วนึกตามก็กินไม่ลงตามๆกัน อัญชิสารีบห้าม
“พอๆแล้วล่ะจ๊ะ เมียวดี ที่นี่เค้าไม่กินอาหารป่าพวกนั้นกันหรอก”
บริการเอาน้ำมาเสิร์ฟใหม่ ให้อัญชิสาแล้วก็จะวางอีกแก้วให้เมียวดี จินนี่รีบบอก
“เดี๋ยว...ไม่ใช่โต๊ะนี้”
บริกรชะงัก จินนี่หันไปหาอัญชิสา
“ใช่มั้ยหวาน”
อัญชิสารู้กันหันไปบอก
“อ๋อ...ขอโทษทีนะ พอดี โต๊ะมันเต็ม เมียวดีเธอนั่งทานกับเด็กๆโต๊ะโน้นก็แล้วกันนะจ๊ะ คงไม่เป็นไรนะ”
เมียวดี มองไปเห็นโต๊ะ ข้างๆห่างออกไปจะเป็นเด็กคนใช้ที่คอยเลี้ยงลูกเจ้านาย ป้อนข้าวให้เด็กอยู่ เธอเดินไปนั่งปนกับพวกเด็กๆ บริกรตามไปวางแก้วน้ำ คนใช้ชวนคุยเป็นภาษาอีสาน
“ตามคุณนายมาถือของเหรอ อีหล้า”
เมียวดีรู้ทันทีว่าอัญชิสาแบ่งชั้นชัน หันไปมองอัญชิสาที่คุยอยู่กับเพื่อนๆ อัญชิสาหันมายิ้มให้หวานๆเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ก่อนจะแอบหันไป ยิ้มอย่างเหยียดๆกับเพื่อนๆ

อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 9 วันที่ 9 พ.ค. 55
ติดตามละคร แก้วกลางดง ได้ทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 7.30 ,10.30 ,20.00 และ 23.00 ทาง ช่อง 8
ละคร แก้วกลางดง ประพันธ์ โดย ทมยันตี
ละคร แก้วกลางดง บทโทรทัศน์โดย ธนินทร อุชุภาพ
ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ