อ่านละคร บ่วง วันที่ 25 เมษายน 2555

{[['']]}
อ่านละคร บ่วง วันที่ 25 เมษายน 2555
รัมภาแปลกใจจึงถาม วรรณคันปากรีบบอก “ก็เรื่องบ้านคุณน่ะค่ะ” อนุกูลร้องห้ามก่อนทำท่ารูดซิบปาก วรรณศิกาหันไปมองรัมภาก่อนจะบอกว่าอนุกูลไม่ให้บอก อนุกูลพยักหน้าอย่างพอใจ แต่เพียงอึดใจเดียว

“จำที่ยายพัชถ่ายรูปบ้านคุณได้ไหมคะ ยายพัชเขาเอากลับบ้าน ลุงช่วงมาเห็นเข้า เขารีบเข้าไปนั่งสมาธิใหญ่ เขาบอกว่า บ้านคุณมีวิญญาณร้าย แต่พวกเราเห็นว่า ไม่เหมาะที่จะบอกคุณกับคุณมน...อุ๊ย หลุดปาก ขัดคำสั่ง ต๊ายไม่เคยขัดคำสั่งเลยนะเนี่ย” วรรณศิกาพ่นพรวดทีเดียวหมดเปลือก อนุกูลชี้หน้าจำไว้เลย วรรณศิกาขำ ๆ แล้วหันมา บอกอนุกูลเสียงจริงจัง เพราะคิดดีแล้ว “เอาน่า เชื่อหรือไม่เชื่อ คนฉลาดอย่างคุณรัมภาเขาจัดการได้ ก็แค่รู้เอาไว้”
“ฉันอยากเจอคุณลุงคนนี้!” รัมภาบอก อนุกูลและวรรณตกใจ อุทานพร้อมกัน “หา!”

วรรณศิกาจดแผนที่วัดให้รัมภา โดยขอให้วรรณศิกาและอนุกูลดูแลลูกสองคนให้ รัมภามาที่วัดก็เจอกับลุงช่วงและพัชนีซึ่งนุ่งห่มขาว พัชนีแนะนำลุงและรัมภาให้รู้จักกัน


“ผมเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่หมอผี ไม่ใช่เจ้าเข้าทรง ถ้าจะถามอะไรต้องแน่ใจก่อนนะว่าตัวเองต้องการอะไร” ลุงช่วงบอก

“ดิฉันเจอวิญญาณร้ายและวิญญาณดีที่คุณลุงบอกแล้ว” รัมภาพูดตรงประเด็น ลุงช่วงตกใจ “เจอเลยหรือ”

“วิญญาณดี...นั่นคือคุณทวด เห็นในฝัน วิญญาณร้ายเห็นด้วยตา ด้วยหู ด้วยสัมผัส มากมายจนแทบจะเป็นบ้า!” สีหน้ารัมภามีแต่ความทุกข์ทนจนช่วงสังเกตได้

“เฮ้อ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่างที่บอก ผมไม่ใช่หมอผี ผมปราบผีให้ไม่ได้ ต้องขอโทษจริง ๆ” ลุงช่วงลุกขึ้นยืนจะเดินไป รัมภาเรียกเอาไว้ ลุงช่วงหันกลับมาพูดเสียงเรียบ ๆ “เราทุกคนมีเวรกรรมติดตัว ใครทำอะไรได้อย่างนั้น นี่คือกฎที่ยุติธรรมที่สุดของธรรมชาติ การให้อภัย อย่าจองเวรต่อกัน เป็นทางตัดกรรมที่ดีที่สุด”

พูดจบลุงช่วงก็เดินไป รัมภาว้าวุ่น สีหน้าผิดหวัง แค่นี้หรือที่เขาช่วยเราได้ พัชนีรีบหันมา บอก “คุณลุงจะไปนั่งสมาธิค่ะ ท่านคงช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ ไม่งั้นคงช่วยไปแล้ว”

“ไม่ได้ แค่นี้ไม่ได้” รัมภาบ่นเบา ๆ และรีบตาม

ลุงช่วงเดินมานั่งสมาธิใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง รัมภาเดินตามมาขอความช่วยเหลือ ลุงช่วงยังไม่ยอมลืมตา

“ดิฉันกราบขอโทษคุณลุงด้วย คุณลุงกำลังทำบุญด้วยการนั่งสมาธิ แต่หากมีลูกนกลูกกา ที่ไม่มีทางออกใด ๆ กำลังจะเป็นบ้า กำลังจะทำร้ายลูกตัวเองและคนอื่น คุณลุงจะกรุณาทำบุญด้วยการช่วยเหลือคน ๆ นั้นก่อนจะได้ไหมคะ” รัมภาเสียงเครือ น้ำตาคลอ แต่ช่วงยังเงียบ

“ที่ท่านพูด...ให้อภัย ทำได้ไม่ยากหรอกค่ะ แต่ถ้าดิฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จู่ ๆ มาทำร้ายฉันและครอบครัวทำไม ฉันจะให้อภัยเขาได้ยังไงคะ ถ้าไม่รู้ต้นตอสาเหตุ เราจะเริ่มต้นแก้ปัญหาได้ยังไง”

ช่วงยังเงียบต่อ พัชนีเอ่ยขึ้น “คุณลุงคงช่วยไม่ได้จริง ๆ ออกไปข้างนอกก่อนเถอะนะคะ” รัมภาเศร้าจะเดินตามพัชนีออกไป ช่วงพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา “คุณมีความเชื่อในเรื่องชาติภพแค่ไหน”

“ชาติภพ?” รัมภาอุทานออกมา

“ถ้าไม่เชื่ออย่าฟังเลย ไม่มีใครอยากเป็นบ้าในสายตาคนอื่นหรอกนะ”

“เรื่องเป็นบ้า ดิฉันอยู่ใกล้เป็นบ้ามากกว่าคุณลุงค่ะ เพราะฉะนั้นฉันอยากฟัง!” ช่วงลืมตาและถอนใจ เล่าก็เล่า

ลุงช่วงเริ่มเล่าเหตุการณ์ในอดีต โดยบอกชื่อของอบเชยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างถูกต้องทั้งที่ไม่มีใครบอก ทำเอาพัชนีและรัมภาแปลกใจ

“ท่านมีลูกสาวคนหนึ่ง ชื่อชื่นกลิ่น คุณชื่นกลิ่น มีคนใช้ติดตัวคนหนึ่ง เป็นลูกแม่ครัว ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าแพง

แพงเป็นหญิงคนสนิทดูแลคุณชื่นกลิ่นมาตั้งแต่เด็ก แพงแอบหลงรักคุณหลวง ขณะที่คุณหลวงแต่งงานกับชื่นกลิ่น ทั้งสามคน คือคู่เวรคู่กรรมมายาวนาน นางแพงเกิดริษยานายสาวของตน มุ่งมั่นจะแย่งคุณหลวงมาจากคุณชื่นกลิ่น คุณอบเชยจึงออกโรงปกป้องลูกสาวสุดที่รัก ด้วยการก่อเวรก่อกรรมกับนางแพง”

ลุงช่วงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนจะถามรัมภา “ถึงตอนนี้ จำอะไรได้ไหม”

“จำ? ทำไมต้องจำคะ”

“คุณคือคุณชื่นกลิ่นกลับชาติมาเกิด”

“อะไรนะ” รัมภาและพัชนีตกใจมาก

“ถ้ารับฟังต่อไม่ได้ ก็เชิญกลับไปได้เลย”

“ค่ะ...ฉันยินดีฟังต่อ” รัมภากลืนน้ำลายลงคอก่อนพูด

“วิญญาณร้าย 1 ตน วิญญาณดีอีก 1 ตน รู้ไหม ว่าเขาคือใคร” ลุงช่วงถามขึ้น รัมภาพยายามนึกและนึกถึงอดีตที่เธอเคยฝัน ในฝันเธอเรียกอบเชยว่าแม่

“ทวดอบเชยเป็นแม่ของชื่นกลิ่นเมื่อชาติที่แล้ว ฉันเคยหลุดปากเรียกท่านว่าแม่ ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไม เพราะเหตุนี้ ฉันจึงรู้สึกว่า คุณทวดอบเชยคอยปกป้องฉัน” รัมภาพูดออกมา

“วิญญาณคุณทวดอบเชยคือวิญญาณดีที่อยู่ในเรือนหลังใหญ่ และมีอำนาจอยู่ในบริเวณเรือนหลังใหญ่นั้น คุณหลวงภักดีบทมาลย์ มาเกิดเป็นสามีของคุณอีกครั้งในชาตินี้ เขาชื่ออะไรนะ”

พัชนีรีบตอบ “ชื่อศามนค่ะคุณลุง” ลุงช่วงพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นวิญญาณร้ายที่อยู่ในบ้าน คือนางแพงที่เป็นคนสนิทของคุณชื่นกลิ่นหรือคะ” รัมภาเดาเหตุการณ์

“นางผีแพง ยังไม่คลายรักจากคุณหลวง ยังไม่คลายอาฆาตที่มีต่อคุณ นางผีแพงมุ่งทำร้ายที่ชีวิตครอบครัวของคุณ!” คำพูดของลุงช่วง ทำให้รัมภานึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้

“แบบนี้นี่เอง แล้วเขาแย่งสำเร็จไหมคะ ที่ดิฉันเห็น ที่รู้สึก เหมือนมีเรื่องราวมากกว่านี้ วิญญาณร้ายมีแต่ความเจ็บปวดเหมือนกับถูกทรมาน คุณลุงกรุณาเล่าต่อได้ไหมคะ”

“เรื่องที่จะเล่าต่อไป เหมือนนิทานเรื่องยาว เหมือนเรื่องความรักความโกรธแค้นที่เห็นอยู่ทั่วไปในโลก ถ้าอยากฟังจริง ๆ ก็จะเล่าให้ฟัง!”

ลุงช่วงเล่าว่า แพงคิดหาทางที่จะเอาคุณหลวงมาเป็นของตนเอง ทั้งที่อบเชยกีดกันทุกวิถีทาง แพงจึงไปขอให้นายแม่ซึ่งเป็นคนดูแลโรงโสเภณีช่วยสอนวิชาหาผัวให้ เพราะคิดว่ามีเพียงร่างกายและความเป็นหญิงเท่านั้นที่จะทำให้ความคิดของตนเองสำเร็จ นายแม่จึงเริ่มสอนทุกอย่างให้แพง โดยเริ่มจากการขัดสีฉวีวรรณทำตัวเองให้สวย

“อาบน้ำ ถูให้สะอาดทุกซอกทุกมุม ผิวนุ่มนวลของหญิงคือไม้พลอง ปลายผมและกายหอมคือคมดาบ กิริยาชะม้อยชม้าย คือคมมีด”
“แล้วสูงสุดแห่งความเป็นหญิงล่ะ” แพงถามอย่างสนใจ

“สูงสุดแห่งวิถีหญิง คือวิชาปรนเปรอชายบนเตียง มันคือปืนใหญ่ คือระเบิดพลุตะไล แม้กำแพงแข็งยังพังทลาย แล้วชายใดเล่าจะทนไหว”

แพงยิ้ม เรามาหาถูกคนแล้ว เราต้องได้วิชาติดตัวคราวนี้เป็นแน่แท้!

ไม่นานแพงก็สวยสดงดงาม ผิวพรรณผุดผ่อง การแต่งเนื้อแต่งตัวเต็ม ใส่ขาสั้นเต็มไปด้วยความเซ็กซี่ กิริยาอ่อนช้อยยั่วยวน จนคนใกล้ชิดอย่างพึ่ง และนวลตะลึงในความเปลี่ยนไปของแพง

ความสวยเซ็กซี่ของแพงทำเอาหนุ่ม ๆ ตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่คุณหลวง แพงพาความสวยของตนเองไปหลอกถามกล้า ทำให้รู้ว่าคุณหลวงจะขี่ม้าออกไปที่ป่าหลังบ้านในวันหยุด แพงไปแอบดักรอ เมื่อคุณหลวงขี่มาพักที่ริมน้ำ แพงก็เดินเข้าไปหา แพงเข้าไปจับมือคุณหลวง “อีแพงไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ขอเพียงคุณหลวงเมตตา ให้อีแพงได้ทดแทนพระคุณท่านด้วยร่างกายของอีแพง” แพงเข้าไปกอดคุณหลวง คุณหลวงตกใจสะบัดมือ “นี่หยุดก่อน หยุด” คุณหลวงมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวคนอื่นมาเห็น

“ในสวนไร้ผู้คนเช่นนี้ ท่านยังจะเกรงกลัวสายตาผู้ใด จงปลดปล่อยกายใจให้บ่าวได้บำรุงบำเรอ ปล่อยให้อีแพงผู้จงรักภักดี ให้ความสุขแก่ท่านเถิด” แพงถอยออกมา สายตายั่วยวน ปลดเสื้อทั้งหมดจนร่างกายเปลือยเปล่า คุณหลวงตกใจ หายใจไม่ทั่วท้อง กลืนน้ำลายเอื๊อก

แพงลากคุณหลวงลงน้ำไป คุณหลวงยังยืนตะลึง มองร่างกายแพง ปล่อยให้เขาลากลงน้ำด้วยความงุนงง แพงกอดและจูบคุณหลวงกลางสายน้ำ

ลุงช่วงเล่ามาถึงตรงนี้ รัมภาตกใจ หายใจไม่ทั่วท้อง “คุณมน เอ้อ คุณหลวงพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์นางแพงหรือเจ้าคะ”

ลุงช่วง...เล่าต่อว่า คุณหลวงเผลอกอดจูบกับแพงครู่หนึ่ง และก็เริ่มนึกถึงชื่นกลิ่นซึ่งเป็นผู้หญิงที่คุณหลวงรักจับใจ แล้วหลวงภักดีก็รวบรวมกำลังใจผลักแพงออกไป “ไม่ได้ ข้าทำให้แม่ชื่นเสียใจไม่ได้” คุณหลวงขึ้นจากน้ำและเดินไป

“ไม่เจ้าค่ะ คุณหลวง ไม่นะเจ้าคะ” แพงร้องเรียก หลวงภักดีเร่งฝีเท้าก่อนจะขึ้นขี่ม้าแล้วไม่หันมา! แพงตะโกนลั่น “คุณหลวงกลับมาเจ้าค่ะ คุณหลวง”

ลุงช่วงเอ่ยขึ้น “ผู้ชายไม่ใช่คนชั่วทั้งหมด ความละอายแก่ใจ ไม่ทำเลวในที่ลับเป็นคุณสมบัติของผู้เจริญ”

รัมภากับพัชนีถอนใจเฮือกพร้อมกัน ลุงช่วงสีหน้าเรียบ “แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นี้!”

“อ้าว” พัชนีอุทานออกมา

ลุงช่วงเริ่มเล่าต่อว่า แพงเสียใจมากที่คุณหลวงไม่สนใจตนเอง ทำให้แพงเศร้าหมอง คุณหลวงทำตัวห่างเหินไม่มองหน้าแพงด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้แพงเสียใจ อบเชยกลับมาบ้านหลังจากไปดูแลแม่ ยายของชื่นกลิ่น แพงเข้ามาช่วยยกข้าวของ อบเชยเหลือบมองความเปลี่ยนแปลงของแพงแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร แพงเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเช่นกัน

บ่าวไพร่ยกผลหมากรากไม้ที่อบเชยเอามาจากสวนบ้านแม่เข้ามาในครัว จัดการดองเพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ แพงปฏิเสธที่จะช่วยแม่บอกกลัวมือเหลือง

“โฮ้ย ดัดจริต หมู่นี้เป็นอะไร บ้าแต่งตัวอยู่นั่น ทำงานสะดวกที่ไหนแต่งไปเดี๋ยวก็สกปรก เราน่ะมันคนใช้เขานะโว้ย” พึ่งบ่น แพงเชิด ๆ พูดกลับไป “แม่ต่างหากคนใช้ ฉันน่ะลูกท่านเจ้าคุณ แล้วอีกหน่อย...” แพงยั้งปากไว้ไม่พูดต่อ

“อีกหน่อยอะไร” พึ่งถาม แพงยิ้มร้าย ไม่พูดแต่คิด

“ทำไมไม่ตอบเขาไปล่ะนังแพง” เสียงของอบเชยดังเข้ามาอย่างมีอำนาจก่อนจะเห็นตัว เพ็ญเดินตามมาเป็นลูกขุนพลอยพยักเหมือนเดิม

แพงและพึ่งตกใจกับรังสีอำมหิตที่แผ่เข้ามา “คุณหญิง !”

“ตอบเขาไปสิว่าตอนนี้ลูกเจ้าคุณ อีกหน่อยก็จะเป็นเมียน้อยคุณหลวง!” อบเชยจิกเสียง

“แพงแค่ล้อเล่นเจ้าค่ะ ไม่ได้จะพูดแบบนั้นนะเจ้าคะ”

“กลับมาคราวนี้เอ็งดูเปลี่ยนไปนะ…แม่เพ็ญ เอ็งว่าอีแพงมันดูสวยขึ้นไหม” อบเชยเย้ย เพ็ญรีบบอก “สวย…สวยเหมือนพวกช็อกกาหรี่ที่ซ่องแถวสำเพ็ง!”

“ลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้ คิดอะไรอยู่รึ”

“เปล่าเจ้าค่ะ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”

“แน่ใจนะ”

แพงทำตัวยอมทุกอย่าง พยายามอ่อนน้อมเต็มที่ “ถ้าคุณหญิงไม่อยากให้แต่ง แพงไม่แต่งก็ได้ค่ะ”

“หยุดแต่งได้แน่นะ”

“แน่เจ้าค่ะ”

“เอ...แต่สำหรับวันนี้ ที่แต่งมาแล้ว จะทำยังไงดีนะ” อบเชยหันไปคว้าโหลปลาร้ามาเทใส่เสื้อของแพงจนเลอะทั้งตัว พึ่งร้องวี้ด แพงตกใจลุกขึ้นสะบัด อบเชยเดินเข้าไปใกล้มองแพง สายตาเยาะสะใจ “ปลาร้าหลังตลาดบ้านเรานี่ มันเหม็นสะใจข้าจริง ๆ!”

อบเชยเปิดลิ้นชัก คว้ากรรไกรออกมา พึ่งถลาเข้าไปคุกเข่ายกมือไหว้ขอร้อง แต่อบเชยพุ่งเข้าไป เพ็ญเข้าไปช่วยจับแพง อบเชยจิกหัวของแพงขึ้นมา แล้วตัด ๆ ๆ ผมร่วงลงพื้นหลายปอยดูแหว่งไปทั้งหัว “นี่แน่ะ นี่...ดูซิ แกยังจะสวยอยู่ได้อีกไหมคราวนี้ นี่ ๆ!” อบเชยตัดเสร็จทิ้งกรรไกรลงพื้น สายตาดูน่ากลัว

“ฮะฮะฮ่า สะใจจริง” เพ็ญหัวเราะเยาะ แพงมองเงาของตัวเองสะท้อนมาจากหม้อและร้องไห้โฮ ทรุดลงไปกองกับพื้น “ฮึ คราวนี้ต่อให้แกลุกขึ้นมาแต่งยังไง ก็อย่าหวังว่าจะสวยได้อีก นังเพ็ญลากมันออกไปหน้าบ้าน” อบเชยสั่ง

“มานี่ มานี่เลย” เพ็ญลากข้อมือแพงที่ร้องไห้โฮออกไป แพงได้แต่ตกใจไม่กล้าพูดอะไร พึ่งได้แต่ร้องไห้เดินตามไปอย่างสงสารลูก

เพ็ญลากแพงมาทิ้งไว้ตรงเฉลียงหน้าบ้าน ที่ทุกคนต้องเดินผ่านไปผ่านมา และสั่งให้แพงนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเที่ยงคืน เพราะต้องการประจานแดงให้อาย บ่าวไพร่ที่เดินผ่านมาก็ชี้ชวนกันดูพร้อมกับซุบซิบกับสภาพของแพง แพงทั้งเจ็บทั้งอายและอาฆาตอบเชย ชื่นกลิ่นเดินออกมาจากบ้านเห็นเข้าก็ตกใจ บัวสวรรค์และกล้าเดินออกมาเห็นเช่นกัน

“ลูกชื่น ลูกยังไม่รู้อะไรอีกมาก ลูกอยู่เฉย ๆ แม่บัวก็เหมือนกัน ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...” อบเชยบอก ก่อนจะหันไปเห็นคุณหลวง ก็ยิ้มให้เสียงอ่อนหวาน “กลับมาจากที่ทำงานแล้วหรือคะคุณหลวง”

คุณหลวงเพิ่งกลับมาจากที่ทำงานมองแพง แพงหลบหน้าทันทีด้วยความอาย คุณหลวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น อบเชยเสียงอ่อนหวานบอกว่า “ขอโทษนะคะที่เอะอะ...บ่าวไพร่ต้องอบรมค่ะ” ก่อนจะหันไปหาทุกคน เสียงดุดันต่อ “ฉันถามหน่อยเถอะ คนเราทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จู่ ๆ จะลุกขึ้นมาแต่งตัวทำไม”

อบเชยมองไปทุกคนเงียบกลัวไม่กล้าตอบ

“ไม่มีใครตอบ...เอ็งล่ะนังเพ็ญ”

“ถ้าเป็นผู้ชาย ก็เอาไว้ล่อผู้หญิง ถ้าเป็นผู้หญิงก็เอาไว้ล่อผู้ชาย”

อบเชยพยักหน้าพอใจในคำตอบ “แม่ชื่น แม่บัว จำเอาไว้นะลูก มีผัว ผมเผ้ารุงรัง สกปรก อ้วนเผละน่ะอย่าไปเสียใจ พวกนี้น่ะ วัน ๆ เอาแต่ทำงาน ไม่คิดอะไรทั้งนั้น แต่ไอ้พวกชอบสำอาง ดูแลตัวเอง ดี ๆ น่ะพึงระวังไว้ เพราะใคร ๆ ในโลกนี้ก็แต่งตัวเอาไว้ให้คนมองทั้งนั้น”

“นังแพงไม่ได้ทำตัวนอกลู่นอกทางอะไรนะเจ้าคะ” พึ่งมองคุณหลวงหวังเป็นที่พึ่ง “ไม่เชื่อถามคุณชื่นดูก็ได้”

“เหรอ มันยังไม่ทำ...ยังไม่มีโอกาส... หรือทำไม่สำเร็จล่ะ” อบเชยมองแพงอย่างรู้ทัน แพงหลบตา “ว่าไง...เอ็งแต่งให้ใครดูนังแพง อืม ตัวผู้ในบ้านนี้มีกี่คนนะ ไอ้ด่าง ไอ้แต้ม ตามีคนขับรถ ไอ้มิ่งคนสวน พ่อกล้า หรือว่า” อบเชยมองไล่ไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นทุกคนซึ่งคือทั้งบ้าน และมาหยุดที่คุณหลวงที่ยืนนิ่งสงบ ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่

“ใส่ความชัด ๆ...คุณหญิงใส่ความแพง” แพงพูดอย่างเจ็บใจ

“ในเมื่ออยากสวยนัก ข้าก็จะให้เอ็งนั่งประจานความเหม็นสกปรกอยู่ตรงนี้ ข้าจะให้คนในบ้านนี้ได้ดู ได้คิด ว่าตัวตนที่แท้จริงของเอ็งน่ะ เครื่องสำอางมันจะกลบได้จริงหรือเปล่า!”

แพงมองโกรธแค้น “มันเกินไปแล้ว ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว!”

อบเชยไม่สะทกสะท้าน “เอ็งเลือกเอา! นั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเที่ยงคืน หรือไม่ก็ออกไปจากบ้านนี้ ออกไปทั้งแม่ทั้งลูก ขนของออกไปเลย จะเอาแบบไหนเลือกเอา!” อบเชยส่งสายตาดุ น่าเกรงขาม แล้วเดินเข้าบ้านไป

“คราวนี้ล่ะ จะได้หายบ้า แต่งตัวเกินหน้าเจ้านาย หาเรื่องใส่ตัวดีนัก เชอะ” เพ็ญเยาะทิ้งท้ายตามนายก่อนจะเดินไป ชื่นกลิ่นสงสารแพงจับใจ “แพง”

อบเชยส่งเสียงแหวออกมาจากในบ้าน “คนอื่นมีอะไรทำก็ไปทำ แม่ชื่น แม่บัว เข้าบ้าน!”

ทุกคนแยกย้ายกันหมดตามคำสั่ง แพงนั่งร้องไห้กอดเข่า ไม่กล้าขยับ ต้องอยู่ตามคำสั่ง พึ่งนั่งร้องไห้สงสารลูก “โธ่อีแพง...ลูกแม่”

อ่านละคร บ่วง วันที่ 25 เมษายน 2555
ละครเรื่อง บ่วง ออกอากาศ ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
ละครเรื่อง บ่วง ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บ่วง บทประพันธ์โดย : จุลลดา ภักดีภูมินทร์
ละครเรื่อง บ่วง บทโทรทัศน์โดย : นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กำกับการแสดงโดย : ภวัต พนังคศิริ
ที่มา เดลินิวส์
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ