อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1-2 วันที่ 23 เม.ย. 55

{[['']]}
อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1
ท่านํ้าวัดพุทไธสวรรย์ กระทงนับพันใบลอยมาเป็นสาย แสงไฟระยิบระยับดูสวยงามจับใจ เสมายืนชะเง้อมองหาเรไร ครั้นเรือลำใหญ่พายเข้ามา เห็นเหล่านางในล้วนห่มสไบสีแดง เสมาเพ่งมองเห็นเรไรไม่ถนัดนัก จึงตั้งจิตอธิษฐาน

“แม่พระคงคาอันศักดิ์สิทธิ์จงเป็นพยาน หาก

ข้าพระเจ้าอ้ายเสมา มีวาสนาได้เป็นขุนศึกขุนพล คู่ควรกับแม่หญิงเรไรแล้วไซร้ ขอให้ข้าพระเจ้าเก็บกระทงโคมไฟของแม่หญิงได้ด้วยเถิด”




ส่วนเรไรที่อยู่บนเรือ เธอมองหาเสมาที่บนฝั่งแต่ก็มองไม่เห็นเช่นกัน บัวเผื่อนเฝ้าจับตามองแล้วเอ่ยถามเรไรว่ามองหาใคร เรไรปั้นยิ้มกลบเกลื่อน บัวเผื่อน เร่งให้ลอยกระทงโคมไฟก่อนจะเลยฤกษ์

เรไรแอบหยิบหมากพลู ยาสูบ ออกจากชายพก ใส่ลงในกระทงของตน แล้วจบหัวอธิษฐานก่อนจะลอยกระทงลงแม่นํ้า พลางเฝ้าสังเกตแสงไฟจากธูปเทียนบนกระทง ว่าจะลอยไปถึงฝั่งให้เสมาเก็บได้หรือไม่หนอ

เสมายืนรออยู่ เห็นดอกจำปีที่ทำเป็นใบเสมาบนกระทงก็รู้ทันทีว่าเป็นของใคร เขาก้มลงเก็บแล้วหยิบหมากพลูและยาสูบที่เรไรใส่ไว้ขึ้นแนบอก ชูกระทงขึ้นจบเหนือหัวเพื่ออธิษฐานร่วมกับเรไร แล้วลอยกระทงไป

เสมาลุกขึ้นยืนมองเรไร แม้จะมองเห็นหน้ากันไม่ชัด แต่ทั้งคู่ก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกันเป็นอย่างดี

ooooooo
อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 2
พระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเอกาทศรถ และเหล่าขุนนางประชุมเครียดในท้องพระโรงเรื่องพระเจ้านันทบุเรง ส่งทัพพระยา-พสิมแลพระเจ้าเชียงใหม่ บุกตีเป็นสองทางดังคาด

พระมหาธรรมราชาเห็นควรใช้ชัยภูมิของพระนครเป็นที่ตั้งรับเหมือนที่ผ่านมา แต่สมเด็จพระเอกาทศรถเสนอว่าควรยกทัพออกไปรับศึกนอกเมือง

“ลูกเห็นด้วยกับองค์ขาว พระยาพสิมแม้จะเจนศึก แต่พระอุปนิสัยชอบดูแคลนคนแลนิยมเอาหน้า ย่อมกระทำการประมาทได้โดยง่าย ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่ แม้จะทรงเป็นนักปกครองที่สามารถ แต่หาใช่นักรบที่เก่งกาจไม่ ถึงจะมีพลเรือนแสน ก็ไม่น่าวิตกพระพุทธเจ้าข้า” สมเด็จพระนเรศวรกราบทูล

ทุกคนในที่ประชุมเห็นดีด้วย แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่สมเด็จพระนเรศวรทรงคาดการณ์ไว้ กองทัพของพระยาพสิมมาถึงก่อนกองทัพของพระเจ้าเชียงใหม่และบุกเข้าตีเมืองสุพรรณบุรี แต่ถูกพระยาจักรีต้านทานเอาไว้ได้ ทำให้สูญเสียไพร่พลมากมาย ก่อนจะถูกทัพของพระพิชัยสงครามและเจ้าพระยาสุโขทัยตามตี จนพ่ายแพ้กลับไป

ข่าวศึกเงียบหายไป ทำให้สมบุญเริ่มเกียจคร้านไม่ยอมฝึกปรือฝีมือต่อ เพราะคิดว่าคงไม่ได้ออกศึกแล้ว แต่เสมาเตือนมิให้ประมาทไป พลันมีเสียงตีเกราะเคาะไม้เพื่อเรียกระดมพลดังขึ้น ทั้งสองรีบไปที่เรือนขุนรามเดชะ เห็นเจ้าของเรือนยืนหน้าเครียดประกาศก้องว่า ทัพของพระเจ้าเชียงใหม่กำลังบุกลงมาแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือ เป็นทีของทุกคนที่จะได้ออกรบทัพพระเจ้าเชียงใหม่ และหากแม้นไล่ทัพข้าศึกกลับไปไม่ได้ ก็จงเอาแผ่นดินกลบหน้าแทน

สมบุญกับพวกทหารส่งเสียงเฮลั่น พร้อมทำศึก ขณะที่เสมายิ้มรับอย่างฮึกเหิมเพราะจะได้แสดงฝีมือ

ooooooo

เวลาต่อมา เสมาก้มลงกราบเท้าพ่อเพื่อขอพรก่อนออกศึก มั่นอวยพรให้ลูกชายปลอดภัยกลับมา จำเรียงที่นั่งอยู่ด้วยอวยพรให้พี่ชายโชคดีมีชัยมียศศักดิ์สมใจ

“ขอบน้ำใจเอ็งจำเรียง แต่ยศศักดิ์ของข้า หากมีก็เพื่อคนอื่น หาใช่เพื่อตัวข้าเองไม่ ตัวข้าขอเพียงได้ออกศึก ฉลองคุณบ้านเมืองก็เป็นที่สุดแล้ว” เสมาตอบยิ้มๆพลางชะเง้อมองหาแม่

มั่นรู้ใจบอกว่า คงรออยู่ในครัว เสมารับคำเดินเข้าไปหาบุญเรือน เห็นนางนั่งสะอึกสะอื้น พ่อหนุ่มหน้าเสียคลานเข้าไปจะกราบเท้าขอพรจากแม่ เพื่อเป็นมงคล บุญเรือนสะอื้นฮักๆตัดพ้อว่า พรของตนคงจะเป็นมงคลแก่ใครในเมื่อตัวเองยังไม่ได้ในสิ่งที่หวังเลย เพราะไม่อยากให้ลูกไปเป็นทหาร

เสมาหน้าเสียรู้สึกผิดรีบกราบขอโทษแม่แล้วจะเดินออก บุญเรือนอดไม่ได้หันมาสั่งลูกชายว่า ต้องปลอดภัยกลับมา เสมาโผเข้ากอดแม่ด้วยความรัก บุญเรือนลูบหัวลูกชายด้วยความรักและห่วงใยสุดๆ

ขณะที่เสมาร่ำลาทุกคนเพื่อจะไปออกศึก ขันกลับทุ่มเวลาให้กับการซ้อมดาบ เพราะหวังจะหักเสมาในศึกครั้งนี้เพื่อมิให้กลับมาสู้หน้าแม่หญิงเรไรได้อีก ดวงแขแอบดูพี่ชายอย่างหวั่นวิตก

เช้าวันใหม่ กองทัพไทยเตรียมเคลื่อนพล เหล่าพ่อแม่พี่น้องและเพื่อนฝูงออกมายืนรอส่งทหารกล้าอยู่หน้าวัง รวมทั้งแม่หญิงเรไรที่มาส่งขุนรามเดชะ และมิลืมจะส่งผ่านความห่วงใยมาทางรอยยิ้มให้เสมาที่ยืนมองอยู่ เช่นเดียวกับดวงแขและเอื้อยแตงที่พยายามจะบอกให้เสมารู้ว่า พวกเธอก็มาส่งเสมาเช่นกัน แต่เสมากลับมองไม่เห็น แล้วความเดือดดาลก็บังเกิดขึ้นในใจ เมื่อเสมาเห็นจำเรียงยืนร้องเรียกชื่อขันพลางโบกมือให้ทำประหนึ่งแม่หญิงมาส่งคนรัก

ขันได้ทีรีบโบกมือตอบจำเรียงพลางส่งยิ้มเย้ยมาที่เสมา

ooooooo

ทหารพม่าของพระเจ้าเชียงใหม่ นำโดย ไชกะ-ยอสู และนันทะกะยอสู สองแม่ทัพกำลังเข้าไล่ฆ่าชาวบ้านอย่างทารุณเพื่อปล้นเสบียงและของมีค่า จากนั้นก็เผาหมู่บ้าน หวังให้กองทัพไทยรู้ว่าผู้ที่กำแหงต่อกรกับทัพพระเจ้าหงสาแลพระเจ้าเชียงใหม่จะมีจุดจบเช่นไร

พระราชมนูตั้งค่ายอยู่ที่บางเกี่ยวหญ้าร้อนใจยิ่งนัก เพราะมีกำลังน้อยกว่าพม่าหลายเท่า ท่านเรียกให้ขุนรามเดชะนำทหารฝีมือดีเข้าหารือว่าจะจัดการกับศึกครั้งนี้อย่างไร ขุนรามเดชะพาเสมากับขันไปด้วยแล้วเสนอให้แต่งทัพเป็นกองโจร คอยดักตีทัพพม่า และใช้ความชำนาญด้านชัยภูมิล่าถอยอย่างรวดเร็ว

“คำออกขุนต้องใจข้าพระเจ้านัก พวกข้าศึกมันส่งทหารออกปล้นสะดม บ้านใดขัดขืน มันก็ฆ่าแล้วเผาจนสิ้น บ้านใดยอมแพ้ มันก็กวาดต้อนไปเป็นเชลย ควรแล้วที่เราจะลอบโจมตีให้มันหวาดหวั่นเป็นการแก้คืนบ้าง”

เสมาได้โอกาสยกมือไหว้พระราชมนูขออาสาคุมทัพออกดักตีพวกพม่าเอง ขันได้ฟังก็อาสาบ้างด้วยเกรงว่าเสมาจะได้ความดีความชอบ พระราชมนูตบเข่าฉาดถูกใจที่ทหารแย่งกันออกศึก จึงหันมาถามขุนรามเดชะว่าเห็นควรเช่นไร

ขุนรามเดชะหน้าเครียดเอ่ยว่า ขันกับเสมามีเรื่องผิดใจกันอยู่จึงเกิดชิงดีชิงเด่นกัน เกรงว่าหากให้ทั้งคู่ไปออกศึกจะเสียการใหญ่

“อาญาทัพของสมเด็จเจ้าฟ้าวังหน้าท่านเด็ดขาดนัก ข้าพระเจ้าเชื่อว่ามันไม่กล้า” พระราชมนูเสียงกร้าวหันไปพูดกับเสมาและขัน “ข้าจะให้ทหารพวกเอ็งคนละร้อย ยกไปกระทำการดูให้รู้ฝีมือกัน”

“ขอบพระคุณขอรับ ท่านแม่ทัพ” เสมากับขันไหว้พระราชมนูพร้อมกัน แล้วเหล่มองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ooooooo

บ่ายวันนั้น ขันและเสมานำกำลังซุ่มโจมตีทหารพม่าที่กวาดต้อนชาวบ้านที่จับมาได้เพื่อจะนำไปเป็นทาส สองหนุ่มพร้อมเหล่าทหารเข้าโรมรันกับศัตรู ทหารพม่าไม่ทันได้ตั้งตัวจึงพ่ายแพ้ยับเยิน

พระราชมนูพอใจกับผลงานมาก เช่นเดียวกับขุนรามเดชะที่เข้ามาตบไหล่ชมเสมาไม่ขาดปาก เพราะทหารที่ไปกับเสมาไม่มีใครเสียเลือดเนื้อกลับมาสักคน ผิดกับขันที่พาทหารไปบาดเจ็บเสียหลายคน เพราะขาดความรอบคอบ ขันยืนแอบเสมาด้วยความริษยาและอาฆาตจับใจ

ขณะที่ขันและเสมากำลังเต็มตื้นกับคำชม เรไรกลับต้องทุกข์หนัก เพราะอำพันมาพูดทาบทามเธอให้ขันและดูท่าลำภูก็จะเห็นชอบด้วย แม่หญิงเรไรรอจนอำพันลา

กลับไปแล้วจึงเข้ามาบอกกับแม่ว่า เธอมิอาจทำใจรักใคร่ชอบพอหมู่ขันได้เพราะเขามีจำเรียงอยู่แล้ว

“แม่จำเรียงนางข้าหลวงที่มีหน้าที่รับใช้ลูกในตำหนักน่ะรึ ไม่จริงกระมัง ถึงแม่จำเรียงแม้จะสะสวย แต่ศักดิ์ตระกูลแลฐานะ มิสมกับพ่อขันแม้แต่น้อย แล้วพ่อขันจะไปชอบพอได้อย่างไรกัน”

“หากแม่ไม่เชื่อ แม่ไปถวายเพลกับลูกที่วัดซีจ๊ะ แล้วแม่จะได้ถามกับจำเรียงเอง” เรไรส่งยิ้มแอบหวังว่าถ้าแม่รู้ความจริงแล้วจะไม่บังคับใจตน

ooooooo

วันต่อมา ลำภูตามเรไรมาทำบุญที่วัดและสอบถาม จำเรียงเรื่องขัน จำเรียงทำเขินอายบ่ายเบี่ยง แต่เมื่อเรไรถามถึงกำไลเงินที่ขันให้ว่าเป็นของหมั้นหรืออย่างไร เธอก็รีบอธิบายว่าเป็นแค่ของให้ไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น

เรไรยิ้มพอใจที่หลอกถามได้ตามแผน แต่ลำภูหน้าเครียดขึ้นมาทันที

บ่ายแก่วันเดียวกัน สมบุญออกมาสืบความเคลื่อนไหวของพวกพม่า เขาพบพวกมันพาช้างม้าจำนวนมากมากินหญ้ากินน้ำอยู่ในทุ่งด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้มีการระวังป้องกันแม้แต่น้อย ก็นึกแปลกใจรีบกลับไปรายงานพระราชมนู

พระราชมนูมั่นใจว่าต้องเป็นแผนของพวกพม่าแน่ จึงเรียกทุกคนเข้าประชุมวางแผน ขันอาสาไปจัดการกับพวกพม่าหวังเอาหน้า พระราชมนูฟังพลางอมยิ้มไม่เอ่ยอะไร ขุนรามเดชะจึงต้องอธิบายว่า ที่ข้าศึกทำเยี่ยงนี้ เพราะหวังจะล่อให้ออกปล้นแล้วซุ่มโจมตีตลบหลัง ขันหน้าเสียเมื่อรู้ตัวว่าอาสาผิดจังหวะ

“แต่ข้าก็ยังจะจัดทหารออกปล้นมันอยู่ดี มีใครจะอาสาบ้าง” พระราชมนูมองหน้าเหล่าทหารกล้า

เสมารีบพนมมือขอรับอาสาพลางเปรยว่า พระราชมนูคงหมายซ้อนกลเป็นแน่ พระราชมนูหัวเราะชอบใจหันมาชมเสมากับขุนรามเดชะว่า มีปัญญาไม่แพ้ฝีมือ ต้องเอาไว้ใช้ต่อไป

ขุนรามเดชะยิ้มหน้าบานบอกกับเสมา “แต่กลศึกครานี้ จัดทหารให้เอ็งได้ไม่เกินห้าร้อย แต่อ้ายข้าศึกมีเรือนพันเรือนหมื่น ถ้าทัพข้าแลทัพของท่านแม่ทัพเข้ามิทันศึก เอ็งจะมิพาพลไปตายเสียหมดรึ”

“ไม่ดอกขอรับ หากพวกมันมีทัพซุ่มมากกว่าหนึ่งทัพคงจะยกแล่นตามไป ข้าพระเจ้าจึงจะรบล่อแต่ใกล้ป่า พอหลีกหลบคอยทัพของพระคุณได้ ตามกลศึกพังภูผาขอรับ” เสมาเอ่ยชื่อกลศึกกลหนึ่งที่ตามตำราพิชัยสงครามของไทยมีไว้ใช้ต่อสู้กับศัตรูที่มีกำลังมากกว่าเป็นจำนวนมาก

พระราชมนูได้ยินก็ตบเข่าฉาด ถูกใจบอกกับ

ขุนรามเดชะว่าศึกคราวนี้ชนะแน่ ขุนรามเดชะยิ้มพอใจที่ได้หน้าต่อหน้าแม่ทัพ ผิดกับขันที่แอบมองเสมาด้วยสายตาริษยาเต็มเปี่ยม

ooooooo

ลำภูไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้ขันมาเป็นเขย นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้เรไรยอมรับว่าเป็นธรรมดาที่ชายมีหลายเมีย แต่ขอแค่เรไรเป็นเมียเอกก็พอ เรไรหน้าเครียดแย้งว่า ที่เรือนของเรามิมีเรื่องร้อนใจเหมือนเรือนอื่นก็เพราะพ่อมีแม่เพียงคนเดียวมิใช่หรือ

ลำภูอึกอักไปเล็กน้อยก่อนจะอ้างต่อว่า ที่ขันเกี้ยวพาราสีจำเรียงอาจเพราะต้องการแกล้งเสมาก็เป็นได้ เพราะนางรู้มาว่าทั้งสองไม่ถูกกัน แต่เรไรก็หาเหตุผลมาอ้างอีกจนนางพูดไม่ออกจึงต้องตัดบท

“แม่จนแก่คารมลูกแล้วแม่เรไร เอาเถิดลูกไม่ชอบพอพ่อขัน แม่ก็จะไม่บังคับใจ แต่หวังว่าลูกจะได้คู่ดีกว่าพ่อขัน มิใช่ได้เพียงแค่ช่างตีเหล็กหน้าตลาด แม่อยากให้ลูกรับรักพ่อขันเสีย ก็ด้วยกลัวเหตุนี้ ลูกคงไม่ลืมกระมังว่าตนเองมีชาติตระกูลอย่างไร”

“ลูกไม่ลืมดอกจ้ะแม่ แม่วางใจเถิด ลูกไม่เคยตกปากรับคำใดกับเสมา หรือทำกระไรให้มัวหมองมาถึงพ่อแม่ จะมีก็แต่เสมาที่สัญญากับลูกว่าจะแสวงหายศศักดิ์ให้เสมอด้วยหน้าตาลูกให้จงได้”

“ได้เช่นนั้นก็ดี แต่ข้อที่จะแสวงหายศศักดิ์ให้เสมอด้วยลูกนั้น เห็นทีจะคุยโวเสียมากกว่ากระมัง เพราะแม่ยังไม่เคยเห็นทหารเลวคนใดจำเริญขึ้นเป็นถึงขุนศึกขุนพลมาก่อนเลย” ลำภูยิ้มหยัน

เรไรหนักใจดูท่าความรักของตนกับเสมาท่าจะมีแต่อุปสรรคเสียแล้ว

ค่ำวันเดียวกัน สมบุญวิ่งมาที่กระโจมเสมาด้วยข้องใจเรื่องกลศึกพังภูผา เสมานิ่งอึ้งนึกถึงคำสอนของพระครูขุนรู้ที่ว่า “กลศึกพังภูผานี้สำคัญนัก หากใช้เหมาะควรแก่เพลา แม้นพลน้อยก็อาจชนะทัพหมื่น เอ็งต้องจำให้ขึ้นใจนา แม้ฝีมือดาบอาจให้เอ็งเป็นยอดขุนศึกได้ แต่ความรู้ในตำรับพิชัยสงคราม อาจให้เอ็งเป็นแม่ทัพคุมพลเรือนแสนได้ จำไว้นะอ้ายเสมา”

อ่านละคร ขุนศึก ตอนที่ 1-2 วันที่ 23 เม.ย. 55
ละคร ขุนศึก บทประพันธ์โดย :ไม้เมืองเดิม/สุมทุม บุญเกื้อ
ละคร ขุนศึก กำกับการแสดงโดย: อดุลย์ บุญบุตร
ละคร ขุนศึก บทโทรทัศน์ละครโดย: เอกลิขิต
ละคร ขุนศึก ผลิตโดย: บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด
ละคร ขุนศึก แนวละคร : ดราม่า - อิงประวัติศาสตร์
ละคร ขุนศึก ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ -อังคาร เวลา 20.30 ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร ขุนศึก ออกอากาศออกอากาศตอนแรก จันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ 2555
ที่มา ไทยรัฐ
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ