อ่านละครปิ่นอนงค์ ตอน 15 วันที่ 9 ก.ค. 55

{[['']]}
ถวิลซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล กำลังนั่งจ้องจอทีวีที่เสนอข่าวเป็นภาพการค้นหาศพใหญ่ในวันที่ผ่านมา
      
       ถวิลตกใจมาก พึมพำออกมา “ไม่อยากจะเชื่อเลย”
       จอมใส่ชุดดำเปิดประตูเข้ามาพอดี ถวิลอารมณ์ขึ้น
       “คุณใหญ่กับหนูปิ่นตายได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น ฝีมือคุณนายใช่มั้ย”
       จอมซึมๆ ไม่ตอบ เสไปพูดเรื่องงานศพ “ผมจะจัดงานศพให้ปิ่น เลยอยากมาถามพ่อว่าต้องทำยังไงบ้าง”
       ถวิลยังคงคาดคั้นจะเอาคำตอบ “แกมีส่วนด้วยหรือเปล่า”
       จอมโมโห อารมณ์พุ่ง “ไอ้ใหญ่มันตายก็ดีแล้ว ฉันน่าจะฆ่ามันตั้งแต่ตอนที่ช่วยคุณนายจับตัวมันได้ มันทำให้ปิ่นต้องตาย”
       ถวิลเหนื่อยใจเหลือทน “เอ็งมันกู่ไม่กลับแล้วไอ้จอม เด็กในท้องปิ่นคือลูกเอ็ง คือหลานข้า เอ็งทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า” ถวิลชี้หน้าไล่ตะเพิดจอม “ไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นหน้าเอ็ง”
       จอมยืนนิ่ง เสียใจที่พ่อเกลียดขนาดนี้ เดินออกไป
       พอประตูปิดลง ถวิลร้องไห้ ออกมา “ทำไมเอ็งถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บาปกรรมจริงๆ”
       ที่หน้าห้องถวิลเวลานั้น จอมยืนร้องไห้เสียใจสุดๆ ทั้งเรื่องพ่อเรื่องปิ่น
      
       คืนนั้นดวงจันทร์เต็มดวง แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องมายังไร่ไพศาล ทำให้เห็นว่า ลูกน้องเสี่ยตง 2 คนที่เฝ้ารั้วประตูใหญ่ คนหนึ่งนอนสลบ อีกคนนั่งสลบพิงรั้ว
       ในห้องนอนครองสุข เวลานั้น ครองสุขแกล้งทำเป็นนอนหลับสนิท
       ขณะที่หน้าต่างเหมือนมีมือคนโผล่มาจับขอบหน้าต่าง
       ที่แท้เป็นปลอดแต่งชุดดำปีนเข้ามา ย่องไปที่ครองสุข เอาปืนจี้คอ ครองสุขสะดุ้งตื่นร้องตกใจ
       “อ๊าย อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน อยากได้เงินทองเอาไปเลย”
       “จับคุณใหญ่ไว้ที่ไหน พาฉันไปเดี๋ยวนี้”
       ปลอดกระชากครองสุขลุกจากเตียง ครองสุขเห็นหน้าตาชัด
       “ไอ้ปลอด” ครองสุขยิ้มเยาะ “ในที่สุดแกก็โผล่มาจนได้”
       ปลอดเอะใจกับคำพูดครองสุข เสี่ยตงตำรวจบุกเข้ามา เล็งปืนไปที่ปลอด
       “วางปืนลง!”
       ครองสุขแกล้งหวาดกลัว “จับมันเลยค่ะ มันขู่จะฆ่าดิฉัน ถ้าไม่ยอมเอาเครื่องเพชรออกมาให้มัน”
       ปลอดตวาด “ตอแหล” รีบบอกตำรวจ “ มันจับคุณใหญ่เจ้าของไร่ไว้ เพื่อหวังฮุบมรดกไว้คนเดียว ถ้าคุณตำรวจไม่เชื่อ ก็ตรวจค้นดูสิครับ”
       ตำรวจบอกข่าวร้าย “แต่เท่าที่ผมทราบ คุณใหญ่เกิดอุบัติเหตุขับรถตกเหวเสียชีวิตไปแล้วนะครับ”
       ปลอดตะลึง “ไม่จริง”
       เสียงปืนดังมาจากหลังเรือนเปรี้ยงๆ
      
       เสียงปืนที่ดังเป็นพวกพงษ์กับลูกน้องที่ซุ่มหลบตามต้นไม้ยิงสู้กับจอม และลูกน้องเสี่ยตง พงษ์ถูกจอมยิงที่ไหล่
       
       ลูกน้องพงษ์ยิงสกัดพาพงษ์ถอยหนี จอมกับลูกน้องเสี่ยตามไล่ยิงไม่ลดละ เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั้งไร่ไพศาล
  เช้าวันต่อมา ปานเทพพยามกดมือถือรัวๆ โทร.หาปลอด แต่โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด นั่นยิ่งทำให้ปานเทพหงุดหงิดเป็นกังวลหนัก
      
       “ทำไมพ่อไม่ส่งข่าวให้รู้บ้างเลยว่าช่วยไอ้ใหญ่ได้หรือเปล่า”
       เพ็ญซึ่งนั่งดูหนังสือพิมพ์อยู่เห็นลงข่าวใหญ่เสียชีวิต ก็ตกใจแทบช็อก “เป็นไปได้ยังไง”
       ปานเทพมองเพ็ญเห็นสีหน้าหมอง
       ปานเทพใจไม่ดี จะดึงหนังสือพิมพ์ไปอ่านเอง แต่เพ็ญดึงไว้ ตัดสินใจบอกเอง
       “คุณใหญ่ตายแล้ว”
       ปานเทพตกใจมากอึ้งกันไป “ผมไม่เชื่อ” อ่านย้ำอีกที “ยังไม่พบศพ อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราต้องรีบบอกให้พ่อรู้”
       ปานเทพสับสน ลุกยืนพรวด “ผมจะไปหาพ่อเอง จะบอกพ่อด้วยตัวเอง”
       เพ็ญดึงไว้ “น้าปล่อยให้เธอไปเสี่ยงอีกคนไม่ได้”
       ปานเทพร้อนใจท่าทีร้อนรน “แต่ผมก็ทนรอฟังข่าวอยู่นี่ไม่ได้ ผมอยากไปเห็นศพไอ้ใหญ่กับตา ผมจะพามันกลับบ้านเรา”
       ปานเทพร้องไห้ออกมา เพ็ญบอกด้วยเสียงเข้มแข็ง “ถ้างั้นเราไปด้วยกัน ไปตามหาพี่ปลอด ไปรับคุณใหญ่”
       ว่าแล้วเพ็ญจูงมือปานเทพจะไปด้วยกันจริงๆ แต่ชะงักทั้งคู่
       เปี๊ยกแบกร่างใหญ่ที่หมดสติไว้บนหลัง หวานกับน้อยประคองปิ่นอนงค์คนละข้างเดินตามหลัง เข้ามา
       ปิ่นอนงค์มีบาดแผลถลอกเล็กน้อย แต่ยังมีสติ
       เพ็ญกับปานเทพอุทานออกมาอย่างดีใจ “คุณใหญ่” / “ไอ้คุณใหญ่”
      
       เพ็ญกับปานเทพนั่งบนโซฟา พวกหวานนั่งที่พื้นระหว่างรอให้หมอตรวจอาการใหญ่
       “โชคดีที่ปิ่นจำชื่อเหมืองได้ ก็เลยถามๆ ชาวบ้านมาตลอดทาง พอคนงานเห็นหน้าคุณใหญ่เท่านั้นแหละค่ะ ก็รีบนำทาง เรามาที่เหมืองทันควัน” หวานเล่า
       ปานเทพแปลกใจ “แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงรายงานว่าคุณใหญ่กับปิ่นอนงค์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”
       เปี๊ยกยืดคุยฟุ้งอ้อแอ้ๆ ว่าตัวเองช่วยยังไง หวานตัดบท “ข้าเล่าเอง ยังกะคุณเค้าจะฟังเอ็งรู้เรื่อง คืองี้ค่ะ พอเรารู้จากนังน้อยว่าปิ่นจะพาคุณใหญ่หนี เราก็เลยตกลงกันว่าจะหนีไปกับคุณใหญ่ด้วย เพราะอยู่ไปก็โดนนังแม่มดโขกสับ สารพัด มันนะคะ...”
       น้อยท้วง “โอ๊ยพี่หวาน ผู้จัดการเขาอยากรู้ว่าคุณใหญ่รอดมาได้ยังไงไม่ได้อยากรู้ว่าพี่โดนโขกสับยังไง”
       หวานฉุนถูกเบรก “ก็กำลังจะเล่าอยู่นี่แหละ เราเลยขับรถตามคุณใหญ่ไป แต่พอขับรถตามทัน เราก็เห็น...”
      
       ภาพเหตุการณ์ตอนไปช่วยใหญ่และปิ่นอนงค์ ผุดขึ้นในความคิดของหวาน เปี๊ยกและน้อย
  ริมถนนนอกไร่ รถของปิ่นอนงค์กับพุ่งติดต้นไม้ก่อนจะลงลงไปในเหว เครื่องดับควันโขมง เปี๊ยกจอดรถ ทั้งหมดพากันวิ่งลงมา
       
       “คุณใหญ่” หวานตะโกนก้อง ตกใจสุดขีด
       น้อยใจสั่น “พี่ปิ่น”
       ทั้งสามคนช่วยใหญ่กับปิ่นอนงค์ออกจากรถ จากนั้นเปี๊ยก หวาน และน้อย ช่วยกันเข็นรถที่ปิ่นอนงค์ขับมาให้ตกเหว รถพุ่งลงไป ระเบิดตูม ไฟลุกท่วม
      
       หมูมวลรออยู่ด้านนอกห้องนอนใหญ่ หมอวัยกลางคนเดินออกมาเพ็ญรีบถามอาการทันที
       “คุณใหญ่เป็นยังไงบ้างคะน้องหมอ”
       “ร่างกายขาดอาหารก็เลยอ่อนแอมาก ผมฉีดยาบำรุงแล้วก็ให้น้ำเกลือ ไม่น่าเป็นห่วงอะไร”
       เพ็ญโล่งใจ มองหน้าหมอพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้...”
       หมอเข้าใจ พูดสวนออกมา เสียงจริงจัง “พี่เพ็ญไม่ต้องห่วงครับ ครอบครัวเราสนิทกันมานาน ผมจะช่วยปิดเป็นความลับ”
       “ขอบใจมากจ้ะ” เพ็ญยิ้มขอบคุณจากใจ
      
       หมอเดินออกลับตัวไปแล้ว เพ็ญหันไปหาพวกหวาน “พวกเธอก็อยู่ด้วยกันเสียที่นี่นะ ฉันจะให้คนงานช่วยจัดที่พักให้”
       น้อยจิตตกออกอาการกลัวๆ “ตำรวจจะตามมาถึงนี่มั้ยคะ หนูกลัวโดนจับไปด้วย”
       หวานกระแทกศอกใส่ “แกไม่เห็นทางเข้าเหมืองหรือนังน้อย ลดเลี้ยวเคี้ยวคดอย่างกับเขาวงกต คงหากันเจอหรอก”
       “เหมืองเราอยู่ในหุบเขาลึก ถ้าไม่มีคนนำทางก็ยากที่จะเข้ามาถึง อย่าห่วงเลย” เพ็ญบอก
       ปานเทพเร่งฝีเท้าเข้ามา “ผมยังติดต่อพ่อกับพี่พงษ์ไม่ได้เลยครับน้าเพ็ญ ทำยังไงดี”
       เพ็ญหันมาหาพวกหวาน “พวกเธอติดต่อใครที่ไร่ได้บ้าง”
       สามคนมองหน้ากัน
      
       ที่ห้องอาหารเรือนใหญ่เวลาเดียวกัน ครองสุข อรสอางค์ ทัศนีย์ร่วมโต๊ะกินข้าวเช้า มีจิ๋วคอยรับใช้แทนน้อย
       เวลานั้นจิ๋วตักข้าวให้ครองสุข
       “นังน้อยมันหายหัวไปไหน ทำไมเหลือเธอคนเดียว”
       “ไม่ทราบค่ะ” จิ๋วตอบ
       “ถ้ามันมา เฉดหัวมันออกจากไร่ไปได้เลย แล้วตานะล่ะ” ครองสุขมองหน้าอรสอางค์
       “เขาว่าไม่หิว”
       “ไม่หิวหรือยังแฮงค์อยู่ เมื่อคืนเห็นนั่งดริ๊งจนถึงเช้า”
       อรสอางค์จิกกัด “แสดงว่าน้องนีกลับถึงบ้านเอาตอนเช้า ถึงได้เห็น...”
       ทัศนีย์หน้าชาลุกพรวด ยกจานข้าวของตัวเองสาดใส่อรสอางค์
       “ปากว่างนักก็กินเสียให้พอ”
       อรสอางค์โกรธลุกยืน คว้าแก้วน้ำสาดใส่หน้า “ฉันช่วยล้างปากเหม็นๆ ให้”
       ทัศนีย์กรี๊ดจะจิกผมอรสอางค์ “อีบ้า”
       จิ๋วเข้ามาขวาง ทัศนีย์เลยจิกผมจิ๋วแทน จิ๋วก็จิกผมทัศนีย์ สามคนตีกันอลเวง
       ครองสุขโมโหลุกยืนตบโต๊ะดังปัง “โอ๊ยพอแล้ว กัดกันยังกะหมา จะให้ฉันกินข้าวอย่างเป็นสุขสักมื้อไม่ได้เลยหรือไง”
       จิ๋วกับทัศนีย์ผละจากกัน จ้องหน้ากันเอาเรื่อง
       “แม่อร ฉันขอเตือนเธอนะ ยัยนีเป็นน้องของตานะ เธอเป็นพี่สะใภ้ควรวางตัวให้มันน่านับถือหน่อย อย่าให้มันล้ำเส้นเกินไป”
       ทัศนีย์มองครองสุข อย่างพอใจที่แม่เข้าข้าง จิ๋วเถียงแทน
       “แต่คุณนีลงมือเล่นงานคุณหนูก่อนนะคะ คุณนายก็เห็น”
       ครองสุขเยาะ “เหรอ พอดีฉันไม่ทันได้มอง”
       ครองสุขเดินหนีไป ทัศนีย์เชิดหน้าใส่อรสอางค์อย่างเป็นต่อ อรสอางค์กำมือแน่น
      
       จิ๋วยกจานอาหารมาโยนใส่อ่างล้างจาน หงุดหงิดจากเหตุการณ์เมื่อครู่
       “ถ้าไม่กลัวเสียมารยาท ตบมันล้างน้ำทั้งน้าทั้งหลานไปแล้ว”
       เสียงมือถือดัง จิ๋วรับสาย “ฮัลโหล” สีหน้าจิ๋วตกใจกึ่งแปลกใจ “นังน้อย!”
      
       ใหญ่นอนให้น้ำเกลือ ยังไม่ได้สติ ปิ่นอนงค์นั่งมอง จะเอื้อมมือไปแตะหน้าใหญ่ แต่ชะงักค้างไว้
       ภาพการตายของแม่ ตอนที่ตนวิ่งเข้าไปเห็น ใหญ่หันหลังให้เหมือนกำลังทำร้ายแม่ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
       ปิ่นอนงค์ชักมือกลับช้าๆ ลุกยืน ตัดใจเดินออกจากห้อง ใหญ่ขยับเปลือกตา ส่งเสียงออกมา
       “น้ำ ขอน้ำ”
       ปิ่นอนงค์ชะงักหันกลับมาท่าทีลังเล มองไปที่เหยือกน้ำกับแก้วพลาสติกข้างเตียง
      
       ปิ่นอนงค์ประคองหัวใหญ่ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ยกแก้วน้ำพลาสติกจ่อปากใหญ่
       ใหญ่ลืมตาปัดแก้วน้ำกระเด็นจากเตียง “เธอเอาอะไรให้ฉันกิน”
       ปิ่นอนงค์โมโห ลุกยืนทันที “น้ำเปล่าผสมยาเบื่อหนู”
       ว่าแล้วปิ่นอนงค์จะหันไป ใหญ่คว้าข้อมือไว้ “อย่าปากดีกับฉัน” มองสภาพห้องอาการอึ้งๆ “ใครพาฉันมาที่นี่ แล้วฉันรอดมาได้ยังไง
       “ไว้คอยถามพี่เปี๊ยกเองแล้วกัน”
       ปิ่นอนงค์สะบัดมือ เดินไปใหญ่เรียกไว้อีก “เดี๋ยว”
       ใหญ่จะคว้าแขนปิ่นอนงค์ไว้ จนตัวเองเกือบร่วงลงเตียง “โอ๊ย!”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ ลืมโกรธ รีบเข้าไปจับใหญ่ไว้ “ระวัง!”
       ใหญ่สะบัดทันทีแบบรังเกียจเหลือแสน “ไม่ต้องช่วย ฉันไม่ต้องการน้ำใจจากเธอ”
       ปิ่นอนงค์หน้าเสีย รีบปั้นหน้าปกติ พูดประชดประชัน “ก็ไม่คิดจะให้ค่ะ เพราะเวลาเรามอบน้ำใจให้ใครต้องดูด้วยว่าคนๆ นั้นคู่ควรหรือเปล่า แต่เท่าที่ดู คงไม่ค่ะ”
       ใหญ่โมโห มองปิ่นอนงค์จนตาถลน “ปิ่นอนงค์ คิดว่าตัวเองเลอเลิศนักละสิ ก็แค่ดอกไม้ประดิษฐ์ที่ตบตาให้คนคิดว่าเป็นของจริง แต่พอมองเข้าไปใกล้ๆ ลองแตะ ลองจับดู มันก็แค่ดอกไม้ปลอม” ใหญ่เน้นเสียง “ของปลอม”
       ปิ่นอนงค์เจ็บหัวใจที่โดนใหญ่พูดจาดูถูก “ปิ่นจะจำทุกคำที่คุณใหญ่พูด เพื่อเอาไว้เตือนสติตัวเอง ว่าเป็นแค่ดอกไม้ของปลอม ไม่ควรไปประดับอยู่ในแจกันที่สูงค่าแต่เต็มไปด้วยรอยร้าว อย่างคุณใหญ่”
      
       ใหญ่ถูกย้อนโกรธจนตาลุกเป็นไฟ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

ดูปิ่นอนงค์ ตอนที่12 วันที่ 8 กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

ดูละครปิ่นอนงค์ 7กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

ดูละครปิ่นอนงค์ 6 กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

อ่านละครปิ่นอนงค์ ตอน 14 วันที่ 8 ก.ค. 55

อ่านละครปิ่นอนงค์ ตอน 13 วันที่ 6 ก.ค. 55

อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 12 วันที่ 4 ก.ค. 55

 

  
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ