อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 10 วันที่ 11 ก.ค. 55

{[['']]}
 สายวันใหม่...ย่าแดงทำงานอยู่กับแก้ว รายล้อมด้วยไพฑูรย์ ต๊อด อึ่ง พัน คนงานอื่นกระจายกันไกลๆ
       “เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะคะคุณย่า ตาเกร็งนี่ก็ขับรถเป็นเต่าคลานจริงๆ”แก้วพะวักพะวง
       ลุงเกร็งเดินคอตกเข้ามา ต๊อดหันไปเห็น
       “นั่นไงครับเต่า คลานมาจริงๆด้วย”
       ดรุณีเดินหน้าเศร้าตามลุงเกร็งมา
       “คุณณี”แก้วใจเสีย
       คนงานทุกคนยืนอึ้ง สงสารดรุณี ย่าแดงสงสารหลานปลอบใจ
       “ไม่ติดก็ไม่เป็นไรลูก ปีหน้าสอบใหม่ก็ได้หรือไม่ก็หาที่เรียนที่นี่ ดีซะอีกไม่ต้องไปไหนไกลย่า”
       ดรุณีเศร้ามาก
       “หนูขอโทษนะคะคุณย่า ขอโทษที่หนู...” ดรุณีอมยิ้ม “ต้องไปอยู่ไกลหูไกลตาคุณย่าแล้วล่ะค่ะคราวนี้”
       ทุกคนมองดรุณีงงๆ
       “หนูสอบติดค่ะคุณย่า หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วค่ะ” ดรุณียิ้มหน้าบาน
       ดรุณีพุ่งเข้าไปกอดย่า ย่าแดงกอดหลานกลับแน่นทั้งภูมิใจทั้งดีใจ แก้วกับคนงานทุกคนไชโยโห่ฮิ้วดีใจกับดรุณี ลุงเกร็งยิ้มแย้มโล่งอก
       “โธ่...คุณหนูณีนะคุณหนูณี หลอกลุงเกร็งได้”
       ไพฑูรย์เข้ามาถาม
       “เลี้ยงอะไรดีครับคุณณี”
       อึ่งขัดขึ้น
       “พวกเราต่างหากที่ควรจะเลี้ยงฉลองให้คุณณี ไม่ใช่ให้คุณณีมาเลี้ยงเรา ทีหลังจะพูดอะไรคิดซะบ้างนะพี่ฑูร”
       พันหันมาถามดรุณี
       “คุณณีอยากกินอะไรครับ พวกเราพร้อมแสดงฝีมือเต็มที่”
       ไพฑูรย์ถามขัดขึ้น
       “พวกเอ็งทำเป็นรึไง”
       ต๊อดเสียงแข็ง
       “เป็น แต่...” ต๊อดยิ้มแหะๆ “ไม่อร่อย ถ้าจะให้อร่อย ต้องให้คนนี้” ต๊อดมองหาอาทิจแต่ไม่เห็น “อ้าว...นายไปไหนแล้วล่ะ”
       ลุงเกร็งหันมาบอก
       “คุณอาทิจเข้าไปคุมงานที่แปลงสตรอเบอรี่ตั้งแต่เช้ามืดแล้วเว้ย ข้าขับรถไปส่งแล้วถึงมารับคุณณีไปดูผลสอบในเมือง”
       ย่าแดงหันมาหาหลานสาว
       “ถ้างั้นแม่ณีเอาเบี้ยเลี้ยงไปจ่ายคนงานที่นั่นให้ย่าที จะได้บอกข่าวดีกับพี่เขาด้วย”
       ดรุณียิ้มรับอยากไปอวดอยู่แล้ว
       “ค่ะ”
       สามเกลอหูผึ่งเสนอหน้าเข้ามาพร้อมกันทันที
       “ผมไปเป็นเพื่อนครับ”
       ไพฑูรย์วางกล้าม แต่รีบเสนอตัว
       “พวกเอ็งจะไปทำไม ไม่มีงานทำรึไง ข้าไปเอง”
       ย่าแดงมองหน้าไพฑูรย์ดุๆ
       “สปริงเกิ้ลที่เสียซ่อมรึยังเจ้าฑูร”
       ไพฑูรย์ยิ้มแห้งๆ
       “ยังครับ”
       ลุงเกร็งหันมาบอกดรุณี
       “ถ้างั้น เดี๋ยวลุงขับรถไปส่งคุณหนูณีเอง”
       แก้วปรามเสียงแข็ง
       “ไม่ต้อง!” แก้วพยายามหาเหตุผล “แก...แกต้องเคลียร์บัญชีกับฉัน ลืมรึไง”
       “ไม่เป็นไรค่ะ ใครมีงานอะไรก็ทำกันเถอะ หนูขับรถไปเองได้ค่ะ ค่อยๆไป”
       ดรุณีส่งยิ้มมีความสุขให้ทุกคน แล้วนึกถึงอาทิจ...เดี๋ยวนายก็รู้ว่าฉันก็เก่งไม่แพ้นายเหมือนกัน
      
       รถกระบะซึ่งมีเข่งใส่หน่อไม้ปิดด้วยใบตองอยู่เต็มท้ายรถเข้ามาจอด บริเวณเนินภูเขาที่มีทิวทัศสวยงาม ดรุณีลงจากรถเพื่อจะเดินตรงไปที่แปลงสตรอเบอรี่ แต่แล้วก็ชะงัก
       “จะบอกว่ายังไงดี...” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาพูดคนเดียว “นี่นายอาทิจ ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันสอบติดรึเปล่า” ดรุณีชะงักไป “แล้วถ้าเขาตอบว่าไม่อยากรู้ล่ะ เราก็หน้าแตกสิ” หญิงสาวปั้นหน้าใหม่ “นี่...ฉันมีเรื่องจะบอก ที่จริงก็ไม่อยากบอกหรอกนะ แต่คุณย่าท่านสั่งมาว่า อยู่บ้านเดียวกันมีเรื่องดีๆก็น่าจะต้องบอกกัน คือว่า...ฉันน่ะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว” ดรุณีฉีกยิ้มภูมิใจ “เก่งมั้ยล่ะ...เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ยังไงนายนั่นก็ต้องตอบว่า เก่ง คิ...คิ”
       หญิงสาวหัวเราะคิกคักน่ารักๆเดินไปอย่างมั่นใจ
      
       อาทิจกำลังช่วยคนงานถอนหญ้าและกำจัดใบเน่าเสียของสตรอเบอรี่ ดรุณีเดินเข้ามาทางด้านหลังชายหนุ่มแล้วแอบท่องบทที่คิดไว้เมื่อกี้เบาๆ เพื่อเตือนความจำ
       “ที่จริงก็ไม่อยากบอกหรอกนะ แต่คุณย่าท่านสั่งมาว่า อยู่บ้านเดียวกัน มีเรื่องดีๆก็น่าจะต้องบอกกัน ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว”
       ดรุณีฉีกยิ้มภูมิใจ แต่สักครู่ก็หันหลังขวับให้เขาแล้วพึมพำกับตัวเอง ซึ่งจังหวะที่หญิงสาวหันไป เป็นจังหวะที่อาทิจหันมาเห็นดรุณี ชายหนุ่มแปลกใจหญิงสาวมาทำไม จึงเดินเข้าไปหา ดรุณียังบ่นกับตัวเอง
       “ยิ้มมากไปมั้ย เอาแค่กลางๆก็พอ...ฉันมีเรื่องดีๆจะบอก...เยอะไป ยิ้มนิดๆแบบไม่เห็นฟันดีกว่า...ฉันมีเรื่องดีๆจะบอก...หวานไปรึเปล่า”
       จังหวะนี้อาทิจก้าวมายืนข้างหลังของเธอพอดี ดรุณีคิดหนักแบบเด็กๆ
       “เฮ้อ...เอายังไงดี จะยิ้มเห็นฟัน ไม่เห็นฟัน หรือจะไม่ยิ้ม”
       อาทิจพูดขึ้นมา
       “ไม่ยิ้มแล้วดูหน้าบึ้ง”
       “ก็นั่นน่ะสิ”
       ดรุณีถอนใจแล้วชะงักหันกลับไปเห็นอาทิจ หญิงสาวทำตาโตตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว อาทิจมองๆ
       “มายังไงครับคุณณี”
       ดรุณีอึกอัก
       “ขับรถมา...เอ่อ...คุณย่าให้มาจ่ายเบี้ยเลี้ยงคนงาน”
       “ความจริงท่านฝากผมมาก็ได้ คุณณีไม่น่าต้องมาเองถึงนี่ พรุ่งนี้ก็ยังทัน”
       “มันก็ใช่...แต่...มันมีเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องที่คุณย่าอยากให้ฉันมาบอกนายด้วย”
       อาทิจแปลกใจ
       “เรื่องอะไรครับ”
       ดรุณีกระแอมเรียกสติเล็กน้อย
       “เรื่อง...”
       ทันใดนั้นคนงานคนหนึ่งวิ่งตะโกนหน้าตั้ง เข้ามาหาหัวหน้าคนงาน ทำให้อาทิจและดรุณีหันไปมอง
       “อ้ายอ่อง...ยอนมันปวดท้องจะคลอดลูกอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว รีบไปดูเร็วอ้าย”
       อ่องวิ่งมาหาอาทิจ
       “โรงพยาบาล นาย...จะทำยังไงดี โรงพยาบาลอยู่ตั้งไกล”
       อาทิจตกใจ
       “อยู่ไหน”
       “ในเมืองครับ”
       ครุณีหน้าตื่น
       “หา! ไม่มีที่ใกล้กว่านี้เหรอ ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยนะกว่าจะไต่เขาลงไปถึงน่ะ”
       “ฉันไปเป็นเพื่อนนายเอง เผื่อจะช่วยอะไรได้”
       ดรุณีรีบบอก
       “ไปรถฉันก็แล้วกัน ฉันเอารถมา”
       ทุกคนพุ่งออกไป
      
       อาทิจขับรถเข้าไปเสียบหน้าบ้าน ทุกคนวิ่งตามอ่องเข้าบ้านไปในบ้าน ยอนนอนร้องครวญคราง โดยมีเพื่อนบ้านเฝ้าอยู่อย่างรนๆต่างคนต่างทำอะไรไม่ถูก อ่องวิ่งนำอาทิจกับดรุณีเข้ามารีบถามเมียอย่างเป็นห่วง
       “ยอน..เป็นยังไงบ้าง”
       เพื่อนบ้านรีบบอก
       “นอนเจ็บท้องมาเป็นชั่วโมงแล้ว”
       “พาไปโรงพยาบาลเร็ว”
       ขาดคำอาทิจกับอ่องเข้าไปจะช่วยกันอุ้ม ยอนร้องลั่น
       “โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว...โอ๊ย”
       อาทิจกับอ่องตัดสินใจค่อยๆวางยอนลงนอนตามเดิม ยอนชันขาขึ้นร้องโอดโอยลั่น ดรุณีเข้ามาบีบมือยอนเพื่อให้กำลังใจ อาทิจหันไปสั่ง
       “ไปต้มน้ำ...เร็วเข้า”
       เพื่อนบ้าน รีบวิ่งออกไป อาทิจหันไปสั่งอ่อง
       “อ่อง...ไปตัดไม้ไผ่มาไว้ตัดสะดือเด็ก ขอผ้าโยงให้ยอนด้วย”
       เพื่อนบ้านอีกคนส่งผ้าผืนยาวคล้ายผ้าขาวม้าให้ อาทิจรับมาแล้วโยนขึ้นไปบนขื่อก่อนจะดึงชายอีกด้านผูกที่ข้อมือยอน แล้วลงนั่งประคับประคองท้องยอนและกล่อมมดลูก ด้วยการแซะข้างท้อง คลึงท้องให้ปากมดลูกขยับมาตรงกับปากช่องคลอดทุกขั้นตอนชายหนุ่มทำอย่างทะมัด ทะแมง
       “เด็กกลับหัวลงมาแล้วยอน สูดหายใจลึกๆยาวๆนะ เอ้า...ทีนี้ ออกแรงเบ่ง...เบ่ง เป่าลมออกทางปาก...อย่างนั้นล่ะ แล้วสูดหายใจลึกๆอีกที เอ้า...สูดหายใจยาวๆลึกๆ...เบ่ง...เบ่ง”
       หลังจากที่ยืนตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่เป็นนาน ดรุณีก็ได้สติ หญิงสาวรีบเข้าไปให้กำลังใจยอน
       “เพื่อลูกต้องอดทนนะยอน เอ้า...หายใจยาวๆลึกๆ ...หนึ่ง...สอง...สาม...เบ่ง...เบ่ง”
       อาทิจพยายามบอกให้ยอนเบ่งอีก
       “อีกทีนะ หายใจยาวๆ...หนึ่ง...สอง...สาม เบ่ง”
       ดรุณีปากคอสั่นเมื่อเห็นหัวเด็กโผล่ออกมา
       “มะ...เหมือน...เหมือน...ดะ...เด็ก...หัว...ดะ...เด็กจะโผล่ออกมาแล้ว”
       หญิงสาวแข้งขาอ่อนหน้าซีด พาลจะเป็นลม อาทิจพยายามแนะนำยอน
       “กลั้นใจ อดทนอีกนิดนะยอน หายใจลึกๆ...อย่างนั้น...เที่ยวนี้เบ่งสุดตัวเลยนะ เอ้า...เบ่ง...เบ่ง”
       ดรุณีตั้งสติได้แล้วเชียร์ประสานเสียงพร้อมอาทิจช่วยกันสุดฤทธิ์
       “เบ่ง”
       ขาดคำของทั้งคู่ เสียงเด็กก็ร้องลั่น อาทิจดึงทารกน้อยขึ้นมาอุ้มอย่างชำนาญ มือและเสื้อเปรอะไปด้วยเลือด ชายหนุ่มหันมาหาดรุณีแล้วยิ้มดีใจ
       “เด็กผู้หญิง”
       ดรุณีโผเข้ามาดูเด็กหัวแนบกับอาทิจ หญิงสาวยิ้มน้ำตาคลอปลื้มใจประดุจออกแรงเบ่งเองเลยทีเดียว
      
       เวลาผ่านไป...อ่องยกมือไหว้อาทิจกับดรุณีท่วมหัว ทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดชาวเขาเผ่าปะหล่องเรียบร้อยแล้ว
       “ขอบคุณนายมากๆเลยนะครับ ถ้าไม่ได้นายกับคุณณีช่วยไว้ ป่านนี้ชีวิตลูกเมียผมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
       “ไม่เป็นไรหรอก ชีวิตคนตั้ง สอง คน ยังไงฉันก็ต้องช่วยสุดชีวิตอยู่แล้ว”
       “เดี๋ยวเสื้อผ้านี่ฉันซักแล้วจะเอามาคืนให้นะ”
       “ไม่ต้องครับคุณณี ถือเป็นของเล็กๆน้อยๆที่ผมให้นายกับคุณณีเป็นที่ระลึกในวันที่ทำคลอดให้ลูก สาวผม ยอนมันเย็บเก็บไว้ ใช้ผ้าเก่าแต่เป็นของใหม่ครับนาย”
       อาทิจยิ้มให้
       “ขอบใจมากนะ”
       “ผมมันคนบ้านป่าเมืองดอย คงหาของตอบแทนบุญคุณนายกับคุณณีที่มีค่ามากกว่านี้ไม่ได้ นายช่วยผมสุดชีวิต ผมก็ขอตอบแทนนายด้วยการทำงานให้อย่างสุดชีวิตนะครับนาย”
       “ขอบใจมากนะ ขอบใจแทนคุณย่าด้วยจ้ะ”
       อาทิจตัดบท
       “พายอนกับลูกไปกันได้แล้วล่ะ เด็กคลอดออกมาแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย
       จนกว่าจะถึงมือหมอ”
       เพื่อนบ้านประคองยอนซึ่งอุ้มลูกน้อยที่ห่อด้วยผ้าเช็ดตัวไว้แนบอกออก มา อาทิจเดินมาเปิดประตูข้างคนขับ แล้วเอนเบาะลงเล็กน้อยก่อนจะหันไปบอกยอน
       “มานั่งข้างหน้ากับลูกมา”
       “ผมกับเมียนั่งข้างหลังก็ได้ครับ”
       ดรุณีรีบแย้ง
       “ไม่ได้หรอก เด็กเพิ่งเกิด ยอนก็เพิ่งคลอด จะให้มานั่งตากแดดตากลมได้ยังไงนั่งข้างหน้าน่ะดีแล้ว...มา” ดรุณีพายอนกับลูกน้อยเข้าไปนั่ง “นายอ่องก็ไปขับรถไป”
       อ่องเกรงใจ
       “โธ่...ของเต็มท้ายรถเลย”
       “หน่อไม้สดน่ะ คุณย่าให้คนงานตัด แล้วฝากเอาไปส่งที่ตลาด”
       อ่องกังวล
       “แล้วนายกับคุณณีจะนั่งไปได้ยังไง”
       อาทิจยิ้มให้
       “ไม่ต้องห่วง ฉันนั่งตรงไหนก็ได้ แต่...” อาทิจเป็นห่วงดรุณี “คุณณี...จะไหวมั้ย”
       “ไหวสิ...ไม่ต้องห่วง...ฉันนั่งตรงไหนก็ได้ นายนั่งตรงไหน ฉันนั่งตรงนั้น”
       ทั้งคู่ยิ้มให้กัน อย่างเป็นมิตรที่รู้สึกดีต่อกันจริงๆเป็นครั้งแรก
      
       เย็นนั้น...รถกระบะแล่นมาตามเหลี่ยมเขา ที่ท้ายกระบะ อาทิจและดรุณีนั่งชันขาเอาหลังพิงเข่งที่ใช้ใส่หน่อไม้ซึ่งวางซ้อนกัน แน่นอยู่บนกระบะ ทั้งคู่หันหน้าออกไปทางท้ายรถ อาทิจเหลือบมองดรุณี ในขณะที่หญิงสาวก็เหลืองมองมาทางเขา ทั้งคู่รีบหลบตากัน ต่างฝ่ายต่างตั้งสติ ก่อนที่จะแก้เก้อหันมาคุยกัน แต่ใจดันตรงกัน พูดซ้อนกันในเวลาเดียวกันอีกต่างหาก
       “คุณบอกผมว่ามีเรื่องสำคัญ / ทำไมนายถึงได้...”
       อาทิจยิ้มเก้อ
       “เชิญคุณก่อนครับ”
       “ทำไมนายถึงได้ทำคลอดเด็กได้ ฉันหมายถึง...ทำไมนายไม่กลัว แถมยังทำเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก มันเหมือนกับนายเคยช่วยใครแบบนี้มาแล้ว”
       อาทิจพยักหน้ารับ
       “ครับ...คุณแม่ผมเอง”
       ดรุณีตาโต
       “หา!”
       “ตอนนั้นคุณพ่อผมไปราชการอีกจังหวัด คุณแม่เจ็บท้องมาก ผมพาไปสถานีอนามัย แต่ไม่ทันก็เลยต้องช่วยคุณแม่ให้คลอดน้องที่บ้าน”
       “ห๊า! ละ...แล้ว นาย...นายไม่กลัวเหรอ”
       “กลัวสิครับ แต่กลัวคุณแม่กับน้องจะเป็นอะไรมากกว่า ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องช่วยแม่กับน้องให้รอดตายให้ได้ แต่ตอนหลังก็ไม่กลัวแล้วครับ เพราะผมได้ไปฝึกทำคลอดกับหมอตำแยจริงๆ ผมได้ทำคลอดให้น้องอีกคน แล้วก็เพื่อนบ้านอีก สองคนด้วย”
       ดรุณีตกใจอัก
       “ห๊า!”
       “เรื่องของผมไม่มีอะไรแล้ว ทีนี้ก็เรื่องของคุณบ้าง เรื่องสำคัญที่คุณยังไม่ได้บอกผม”
       “อ๋อ...คือ” ดรุณีพยายามประดิษฐ์หน้าตามที่ซ้อมไว้ “ที่จริงก็ไม่อยากบอกหรอกนะ แต่
       คุณย่าท่านสั่งมาว่า อยู่บ้านเดียวกัน มีเรื่องดีๆก็น่าจะต้องบอกกัน คือ ฉัน...”
       ดรุณียังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากฟ้า ทั้งคู่ชะงักมองสายฝน อาทิจเหลียวซ้ายแลขวาดูที่ท้ายกระบะ เผื่อใครจะทิ้งร่มเอาไว้ แต่ก็ไม่มี สุดท้ายชายหนุ่มเหลือบเห็นใบกล้วยที่ใช้วางซ้อนทับกันไปมาเพื่อปิดปากเข่ง หน่อไม้กันลม อาทิจดึงใบกล้วยใหญ่ๆออกมาสองใบ ในขณะที่อ่องชะลอจอดรถกระบะเข้าข้างทาง แล้วเปิดประตูลงมา
       “คุณณีไปนั่งข้างหน้าเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
       “ไม่เป็นไรหรอก ฝนโปรยแค่นี้เอง นายอ่องรีบไปขับต่อเถอะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
       อ่องพยักหน้าอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะวิ่งกลับไปขับรถเหมือนเดิม อาทิจยื่นใบกล้วยให้
       “ประโยชน์อีกอย่างของกล้วย...ร่ม ครับคุณณี พันธุ์นี้ไม่ได้ใบเรียวเล็กแบบกล้วยป่า รับรองว่ากันฝนโปรยพอได้ครับ”
      
       ดรุณีค้อนใส่งอนเล็กๆพอน่ารัก หญิงสาวรู้ดีว่าชายหนุ่มเน้นคำว่า กล้วยป่า เพราะอะไร แต่ก็รับใบกล้วยมาวางปิดหัว พร้อมๆกับอาทิจ อ่องเลี้ยวรถไปตามโค้งหักศอก นั่นทำให้ดรุณีซึ่งกำลังปั้นหน้าเด็กขี้งอนไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวจึงเหมือนถูกเหวี่ยงให้เอนมาซบและเบียดอาทิจ จนอาทิจต้องยึดตัวรถไว้เพื่อไม่ให้ตัวเอนไปกับพื้น พออาทิจตั้งหลักได้ รถก็เปลี่ยนมาเลี้ยวหักศอกไปตามโค้งเขาอีกด้าน เที่ยวนี้เป็นชายหนุ่มที่เอนเบียดเข้าไปซบดรุณี ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยิ้มแหยใส่กัน ต่างคนต่างใช้มือที่เหลืออยู่คนละข้างและขาอีก สองข้างของตัวเอง ยึดตัวรถไว้สุดชีวิต รถสีแสดและสองหนุ่มสาวซึ่งนั่งเคียงกันอย่างเกร็งๆ โลดแล่นไปในท่ามกลางหุบเขางดงาม
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ