อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 8/2 วันที่ 20 เม.ย. 55

{[['']]}
อ่านละครเรื่อง ดอกโศก ตอนที่ 8/2 วันที่ 20 เม.ย. 55
“คุณนัย”
“เป็นอะไรเสียงอู้อี้ร้องไห้เหรอนั่น”
“เปล่าค่ะ”
อัศนัยจับน้ำเสียงได้ “ไม่จริง ร้องไห้มีเรื่องอะไรหรือ”
ดอกโศกนิ่ง
“วันนี้ปองรับไปโรงเรียนรึเปล่า”
“รับค่ะ”
“ขากลับล่ะ”
“ขากลับน้าปองก็ไปรับค่ะ ดอกโศกไปหายาย”
“แล้วไง...มีเรื่องอะไรที่บ้านยาย”
“ยาย...โดนตาตีค่ะ”
“เฮ้อ...อีกแล้ว ยายเป็นไงมั่ง”
“ก็เจ็บ...แต่ยายไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“ตาตีเรื่องอะไร อ๋อ คุณนัยรู้แล้วดอกโศกขอเงินยายใช่มั้ย ตาจะไม่ให้ก็เลยตียาย” อัศนัยเดาเรื่อง
“ตาตียายอยู่ก่อน ดอกโศกไม่ทราบว่าเรื่องอะไร”
“เรื่องเงินน่ะสิ ไม่มีเรื่องอะไร...ได้เงินให้ป้อมมั้ย” อัศนัยถาม
“เอ้อ...”

ดอกโศกอึกอัก อัศนัยรู้ปัญหาทันที
“ดอกโศก คุณนัยจะจัดการเรื่องป้อมเอง ไม่ต้องเอาจากยาย ถ้าดอกโศกเอาเงินจากยาย ยายก็เจ็บอีก ดอกโศกไม่สงสารยายหรือ”
“ค่ะ คุณนัย”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินค่ารักษาป้อม”
ดอกโศกสงสัย “อยู่ที่อะไรเหรอคะ”
“อยู่ที่ทำยังไงถึงจะให้ป้อมหลุดจากวงจรที่มันทำร้ายป้อมน่ะสิ” อัศนัยบอก
“จริงหรือคะคุณนัย”
“จริงสิดอกโศก คุณนัยคิดว่าป้อมน่าเป็นห่วงมาก ไม่รู้หลงเข้าไปแค่ไหน มีอะไรเกี่ยวกับยาเสพติดรึเปล่า”

ดอกโศกเดินออกมาที่สนามบ้านคุณตาเจออ้น สองคนคุยกัน ดอกโศกหารือเรื่องป้อม
“เค้าเป็นแฟนตัวเองรึเปล่า” อ้นถามขึ้น
“อ้น...ดอกโศกบอกตั้งหลายหนแล้วว่าเป็นเพื่อน”
“ทำไมห่วงมากงี้ล่ะ” อ้นคาใจไม่หาย
“ก็เป็นเพื่อนไง”
“ชั้นว่านะ พวกเด็กแว๊นเนี่ย ไงๆ ก็ต้องมีมั่งล่ะ”
“อะไร” ดอกโศกงง
“พวกยาไง”
“ยาอะไรมั่งเหรออ้น” ดอกโศกใจหาย ซักทันที
“ก็มีตั้งแต่น้อยๆ ไปถึงเยอะๆ”
“อะไรน้อย อะไรเยอะ”
เอาเข้าจริงอ้นไม่รู้อะไร “ไม่รู้”
“อ้าว” ดอกโศกอึ้ง
“รู้แต่ว่ายามีหลายเกรด รู้แค่นั้น เอาเถอะแล้วจะถามมาให้”
“เร็วๆนะอ้น” น้ำเสียงร้อนรน จนคนฟังจับได้
“นี่อภิรมย์ คนเรานะมันต้องมีสติ ถ้าทำอะไรไม่มีสติ ต่อให้ใครไปเตือนเขายังไงเขาก็ไม่ฟังหรอก”
ดอกโศกมองหน้าอ้น นัยน์ตามีคำถาม
“จะถามใช่มั้ยว่าชั้นเป็นกะเทย ชั้นมีสติรึเปล่า” อ้นย้อน
“ไม่เห็นเคยคิดจะถามยังงั้นเลย เรื่องอะไรต้องถามดอกโศกรู้ว่าอ้นมีสติสมบูรณ์เต็มที่...ที่จะเป็นกะเทย จริงมั้ย”
“โห...โดน เขาเรียกว่า โดน” อ้นซึ้ง ทำสุ้มเสียงน่าขำมาก
“อ้นโชคดีที่พ่อเป็นคุณลุงพจน์” ดอกโศกพูดสำทับ
“เราทุกคนโชคดีที่เกิดเป็นคน ถึงจะเป็นลูกลุงพฤกษ์ เราก็ต้องคิดแก้ปัญหาให้ได้ เพราะเราเป็นคน...นี่ มีนี่” อ้นเอามือชี้ที่สมอง
ทั้งสองคนจับมือกันเขย่า แล้วยิ้มให้กัน

เพ็ญพักตร์ยืนอยู่หน้าตึกใหญ่ เขม้นมองดอกโศกกับอ้นที่จับไม้จับมือกันอยู่
“เด็กสองคนนี่มีอะไรประหลาดๆ พอกัน”
ตระกูลยืนสีหน้าเครียด อยู่ด้านหลัง ไม่สนใจคำพูดเพ็ญพักตร์ เพราะได้ยินแต่เสียงปรียากมลในโทรศัพท์
“คุณตระกูล ถ้าฉันอยากมีคนทานข้าวด้วย เป็นคุณ ฉันจะบอกเอง”
“ไม่น่าไว้ใจ” เพ็ญพักตร์ว่าจบ หันมาต้องประหลาดใจ “อ้าว”
ตระกูลหายไปแล้ว
เพ็ญพักตร์เดินตาม พูดวางอำนาจเช่นเคย “ตระกูล...ตระกูล อย่าทำอย่างนี้กับฉันอีก เตือนไว้ก่อน”

ตระกูลเดินขึ้นบันไดมาอย่างเร็วด้วยอารมณ์
“ปรียากมล ผมคิดถึงคุณนะ ขอไปหาที่คอนโดได้มั้ย”
อีกประโยคจากปากปรียากมล “คุณพูดไม่รู้เรื่อง พอนะ”
เสียงกริ๊กของโทรศัพท์มือถือ ปรียากมลวางสาย ตระกูลวิ่งถึงชั้นบน
เพ็ญพักตร์วิ่งตาม “หยุด...ฉันบอกให้หยุด” คว้าแขนแรงมาก จนตระกูลหันมา เพ็ญพักตร์ตวาดเขย่าแขนแรงๆ ต่อว่าเสียงค่อนข้างดัง “อย่าทำอย่างนี้ ฉันเรียกต้องหยุดอย่ายั่วโมโห” แต่ในที่สุดตระกูลก็สะบัดตัวเดินหนีไป เพ็ญพักตร์ตามติด

เพ็ญตระการอยู่ชั้นล่าง ได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าหมองไปทันที

อัศนัยนอนด้วยท่าทีสบายๆ บนโซฟาในคอนโดปรียากมล และกำลังร้องบอกเจ้าของห้องที่กำลังรินเหล้าอยู่

“ผมขอกาแฟ” อัศนัยเอ่ยขึ้น
“ทำไม” ปรียากมลทำหน้าสงสัย
“ผมไม่ให้คุณมอมผมไง”
ชั่วอึดใจต่อมา แก้วกาแฟถูกวางลงข้างหน้า อัศนัยเปลี่ยนอิริยาบถแล้ว
ปรียากมลหัวเราะชอบใจ “คุณกลัวฉันมากจริงๆ นะอัศนัย”
“ใช่ กลัว”
ปรียากมลดื่มเหล้า อัศนัยดื่มกาแฟ เสียงโทรศัพท์ปรียากมลดัง
“ฮัลโหล...คุณตระกูล ขอร้องนะโปรดเข้าใจหน่อยว่าถ้าจะมีการพูดกันทางโทรศัพท์ ฉันจะเป็นคนโทรก่อน” กดปิดแรงๆ อย่างมีอารมณ์
“ปรียากมลผมเตือนคุณอีกครั้งเรื่องคุณตระกูล”
ยังไม่ทันขาดคำ ปรียากมลหันขวับโผเข้าหาอัศนัย กอดคอซุกหน้าลงในอ้อมอก
“คุณรักฉันมากขึ้นมั้ย จากวันก่อน”
“ก็...ถ้าผมไม่รักคุณผมคงไม่มานั่งตรงนี้”
ปรียากมลมองจ้องหน้าอัศนัยนิ่งๆ “โอเค....โอเค ฉันขอแค่นี้...คุณรักฉัน วินาทีนี้โลกเป็นของฉัน”
“อย่าลืมว่า ยังมีวินาทีต่อไปเพราะโลกหมุนตลอดเวลา” อัศนัยเปรียบเปรยขึ้น
“คุณหมายความว่าไง”
“ผมก็หมายความว่า ชีวิตไม่ได้หยุดตรงนี้”
“แต่ฉันจะหยุดชีวิตกับคุณ...ตรงนี้”
“การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจธรรม” อัศนัยว่า
“พูดให้งงอีกแล้วหมายความว่าไง”
“หมายความว่า อย่าหวังว่าอะไรๆ จะหยุดนิ่งไปจนนิรันดร์”
“ลึกซึ้งมาก เช่น....”
“เช่น วันนี้คุณรักผม วันข้างหน้าคุณก็เปลี่ยนเป็นเกลียดผมได้”
“ไม่มีวัน...”
“งั้นเปลี่ยนเป็นผมรักคุณและอาจจะเกลียดคุณวันหนึ่ง”
คราวนี้ปรียากมลนิ่งอึ้ง ก้มหน้าดูแก้วในมือตัวเอง กัดฟันแน่น
“ปรียากมล”
อัศนัยเรียก ปรียากมลยังนั่งนิ่ง
อัศนัยขยับเข้าไปนั่งใกล้ มองหน้า แตะคางปรียากมลให้เงยหน้าขึ้นมา เห็นน้ำตาเต็มสองตา
อัศนัยใจอ่อนยวบ โอบร่างปรียากมลมาในอ้อมอก ปลอบโยน ปรียากมลยิ่งร้องไห้ใหญ่ สะอึกสะอื้น ซับน้ำตา อัศนัยแสดงกิริยาปลอบโยนอย่างนุ่มนวล
จังหวะนั้นปรียากมลคุกเข่าตรงหน้าอัศนัย จับมืออัศนัยด้วยสองมือของตัวเอง แล้วจูบกลิ้งเกลือกหน้าบนมือคู่นั้น
อัศนัยมองอย่างงงงัน

เช้าวันรุ่งขึ้น หมื่นลงบันได แล้ววิ่งหายไป ถือกุญแจรถไปด้วย ป้าหม่อนตามมา ถือกระเป๋าเอกสาร พร้อมกับแฟ้มทำงานของอัศนัยพะรุงพะรัง
อัศนัยกลัดกระดุมข้อมือพลางวิ่งมา “ไอ้หมื่นยังไม่เอารถมาอีก”
“ไปแล้ว....ไปแล้วค่ะ”
“วะ บอกให้ไปเร็วๆ...” อัศนัยดูนาฬิกา “ไม่ทันแล้ว”
“จะรีบไปไหน คุณนัย” หม่อนแปลกใจนัก
“ไปรับดอกโศกไปโรงเรียน”
“ทำไมต้องไปรับ”
“เหอะน่า” หันไปเห็นหมื่นขับรถมา โบกมือให้มาเร็วๆ “เร็ว”
หมื่นจอดรถ อัศนัยรีบขึ้น ขับทะยานออก
เป็นจังหวะเดียวกับที่รถสปอร์ตสวยงามของปรียากมล ขับเข้ามาจอดทันที
“เฮ้ย” อัศนัยตกใจ
ปรียากมลรีบลงมา “อัศนัยฉันไปด้วย”
“ไปไหน”
“วันนี้ประชุมผู้ถือหุ้นไม่ใช่หรือ...ฉันไปด้วย”
“ไม่ ผมจะรีบไปที่อื่นก่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันไปกับคุณก่อน หมื่น...เก็บรถฉันด้วย” พลางโยนกุญแจลอยละลิ่วไปให้หมื่น

ส่วนดอกโศกเปิดประตูบ้านรัตนชาติพัลลภออกมา แล้วเดินพรวดๆ อย่างเร็วไปตามถนน รถอัศนัยมาอีกทาง ยูเทิร์นกลับอย่างแรง จอด
“ดอกโศก”
ดอกโศกหันมา เห็นปรียากมล ไหว้
“ขึ้นรถ....”
“แต่....รถเมล์มาแล้วค่ะ” ดอกโศกบ่ายเบี่ยง
อัศนัยคาดคั้น “เร็ว...”

รถอัศนัยแล่นวื้ดผ่านหน้าบ้านไป รถนายสมขับออกมาพอดี เพ็ญตระการชะเง้อมองตาม

แน่นอน...พอมาถึงโรงเรียน อุ๊ซักฟอกดอกโศกทันที มี เพื่อนอุ๊ และเจนนิเฟอร์อยู่ด้วย

“รถอานัยฉันจำได้เขามารับเธอเหรอดอกโศก เขานัดเธอเหรอ หรือเธอขอให้เขามารับ”
“ฉันไม่เคยขอ บังเอิญเขาผ่านมา”
“ไม่เชื่อ”
“จะให้ฉันทำยังไงล่ะ” ดอกโศกเหนื่อยหน่าย
“บอกความจริง”
“ก็บอกไปแล้ว”
“โกหก”
ดอกโศกมองอย่างปลงๆ “ก็ตามใจ”
เจนนิเฟอร์สอดออกมา “นั่นน่ะสิ พูดกะเค้าอยู่ได้ ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อย่ะ”
“ไปให้พ้นยัยเจนไม่ได้พูดกับเธอ” อุ๊ไล่ตะเพิด
“ฝรั่งเหมือนกันเค้าก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว” เพื่อนคนหนึ่งอุ๊ว่า
เพื่อนอีกคนของอุ๊ เสริม “จริงดิ หัวอกเดียวกัน ไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนกันรึเปล่า”
เจนนิเฟอร์สุดจะทนไหว “อภิรมย์ไปจากตรงนี้เถอะ คนแถวนี้พูดจาน่ารำคาญ นี่เพ็ญตระการอภิรมย์เค้าไม่เคยโกหก เธอก็เคี่ยวเข็ญให้เค้าโกหกเพราะอย่างเธอคงโกหกจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้วใช่มั้ยล่ะ”
อุ๊ขยับจะเข้าไปหาเจนนิเฟอร์ แต่เจนนิเฟอร์คว้าแขนดอกโศกเดินแกมวิ่งออกไป
“อย่าหนีสิ....” ยืนหน้าบึ้ง
“ตาม?” เพื่อนอุ๊ว่า
“หยุด....ไม่ต้องตาม มันไม่พ้นมือชั้นหรอก”

อีกมุมหนึ่งในโรงเรียน เป็นมุมที่ลับตาคน ดอกโศก คุยอยู่กับเจนนิเฟอร์
“คนที่ชื่ออานัย เป็นใครเหรอ”
“เขาเป็นคนที่เมตตาฉัน...สงสารฉัน”
“ผู้ชาย?”
“ใช่”
“หนุ่ม?....แก่?”
“ยังไม่แก่ไม่รู้เค้าอายุเท่าไหร่”
“หล่อ? หน้าตาดี?”
“ก็ดี....ดี”
“งั้นฟันธง ยัยเพ็ญตระการเค้าหึงเธอ”
ดอกโศกถึงกับอ้าปากค้าง “หึง!!!”
“ใช่ เค้าคงชอบคุณคนนี้”
“อะไรนะ ???” ดอกโศกไม่อยากจะเชื่อ
“ยัยอุ๊เค้าชอบอานัยคนเนี้ย แต่อานัยไม่ชอบเค้าแต่ทำท่ามาชอบเธอ เค้าก็เลยหึงแล้วเค้าก็...” เจนนิเฟอร์พูดเป็นตุเป็นตะ
“เจน...พอแล้ว หยุดเถอะ”
“ทำไม นี้อภิรมย์เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
“เด็ก...เรายังเป็นเด็กยังมีเวลาอีกเยอะ ฉันยังไม่คิด...ฉันไม่อยากคิด”
“แต่”
“เจน...ฉันไม่ฟังเธออย่าพูดอีก อย่า....” ดอกโศกยกมือห้าม
จังหวะนั้นดอกโศกหันหน้าไปทางอื่น เริ่มรู้ตัวดีว่ามีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจแล้ว

ภายในห้องประชุม ที่ออฟฟิศอัศนัยวันเดียวกันนั้น อัศนัย และปรียากมล พร้อมผู้ถือหุ้น 3 คน ชายวัย 40 ปี หญิงวัย 50 ปี และหญิงอายุ 35 ปี โดยมีเลขานุการ เตรียมบันทึกวาระการประชุมด้วยคอมพิวเตอร์
ระหว่างนั้นเลขานุการแจกเอกสารบางๆ ประมาณ 3-4 แผ่นให้กรรมการทุกคน อัศนัย ปรียากมลนั่งใกล้กัน ตรงที่นั่งตระกูลยังว่างอยู่

บริเวณทางเข้าออฟฟิศ เพ็ญพักตร์เดินนำหน้า เชิด ท่วงท่าสง่างาม ขณะที่ตระกูลเดินตามหลัง
เลขาอัศนัยเดินมารับไหว้ทักทาย ผายมือไปทางห้องประชุม
“ฉันไม่เข้าล่ะ ขี้เกียจไม่มีอะไรมากใช่มั้ย”
“รายงานผลประกอบการตามปกติ กับเลือกชื่อโรงงานเซรามิกที่เชียงใหม่...ที่พวกพนักงานส่งประกวด”
“งั้นเหรอ”
โทรศัพท์ตระกูลดังขึ้น ตระกูลรับ เพ็ญพักตร์ไม่สนใจเดินไปนั่งโต๊ะรับแขกตรงโถงแห่งนั้น
“ฮัลโหล ปรียากมล” ตระกูลลดเสียงลง “คุณมีอะไรครับ”
“วันนี้คุณประชุมผู้ถือหุ้นใช่มั้ยคุณตระกูล” เสียงปรียากมลพูดทางปลายสาย
“ครับ...กำลังจะประชุม”
“ฉันต้องเข้ามั้ย”
“อ๋อ ไม่ต้อง...ไม่จำเป็น ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกครับ”
“งั้นเหรอ....ฉันไม่ต้องเข้าจริงๆ นะ”
“ครับ..คุณอยู่ไหนครับนั่น”
“อยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง โอเค....เท่านั้นนะฉันถามแค่เนี้ย” ปรียากมลกดปิดวางสาย
ตระกูลหันมาทางภรรยา “คุณเพ็ญ คุณไม่เข้าประชุมหรือ เดี๋ยวชื่อโรงงานเขาเลือก คุณไม่พอใจอีก”
“ฉันอยากดูลายใหม่ที่เต้ย เขาร่างส่งมา” พลางเพ็ญพักตร์ขยับแฟ้มที่ถือมาด้วย
“โธ่...ไม่นาน...”
“นี่ตระกูลอย่าเซ้าซี้น่า ชื่ออะไรก็เลือกไปเถอะฉันมีงานสำคัญกว่าไม่เห็นหรือ” เพ็ญพักตร์ฉุนนิดๆ
“โอเค” ตระกูลเดินหนีไปรวดเร็ว ไม่ฟังจนจบความ
เพ็ญพักตร์มองตามสีหน้าไม่พอใจ “ตระกูล....ทำอีกแล้วนะ”
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ