{[['']]}
“ตาลยกโทษให้ผมเถอะนะจะให้ผมทำอะไรไถ่โทษก็ได้กลับมาหาผมเถอะ อย่าโกรธผมเลย ผมรักตาลนะ”
“เชอะ อย่ามาง้อซะให้ยากเลย หนอย หลอกเราได้ว่าเป็นทายาทพันล้านเสีย SELF หมด”
เช้าวันใหม่ มณทกานต์เปิดประตูห้องออกมาเห็นภูบดีนั่งหลับอยู่หน้าห้อง ภูบดีลืมตาเรียก
“น้องเมย์”
มณทกานต์ทำเมินไม่พูดด้วยแล้วเดินลงชั้นล่าง ภูบดีเดินตามไปทันที
“เดี๋ยวสิน้องเมย์”
มะยมยืนมองมณทกานต์ที่เดินลงบันไดมา โดยมีภูบดีเดินตาม
“ต้องให้พี่ทำยังไงถึงจะหายโกรธ”
“มะยม เอากาแฟมากินหน่อยซิ”
“ค่ะ”
มะยมจะเดินออกไปชงกาแฟก็ลังเลหันกลับมาถาม
“ เอ่อ แล้วคุณภูล่ะคะรับกาแฟมั้ยคะ”
ภูบดีพยักหน้า
“ไม่ต้อง นี่มันบ้านชั้น”
“ค่ะ”
มณทกานต์นั่งลงแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ภูบดีเดินตามมานั่ง
“พี่รู้ว่าเมย์โกรธ แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเมย์นะ อย่างที่พี่บอก พี่จำเป็นต้องปกปิดฐานะตัวเองเพื่อความปลอดภัย”
มณทกานต์ยังอ่านหนังสือพิมพ์ไม่สนใจฟัง
“แล้วที่จริงพี่ก็ตั้งใจจะบอกเมย์ในวันสองวันนี้อยู่แล้ว แต่บังเอิญคุณปู่บอกซะก่อน”
มะยมเอากาแฟมาเสิร์ฟ
“กาแฟค่ะ”
“ทำแซนด์วิชให้กินหน่อย”
“ค่ะ”
มณทกานต์ยกกาแฟขึ้นมาจิบแล้วหันมาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ภูบดีมองอย่างอ่อนใจ
“เอาล่ะ ถ้าเมย์ไม่ยกโทษให้ พี่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว พี่แค่อยากบอกว่าพี่รักเมย์นะ ไม่ว่าเมย์จะโกรธหรือเกลียดพี่แค่ไหน พี่ก็รักเมย์”
มณทกานต์วางเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน มะยมมองแล้วอมยิ้มอายแทน ภูบดีถอนหายใจแล้วหันเดินออก มณทกานต์เงยหน้ามองตามแล้วอมยิ้มอย่างสะใจที่ได้เล่นงานภูบดี
“คุณเมย์ขา ยกโทษให้พี่บุญทันเอ๊ยคุณภูเถอะค่ะ” มะยมว่า
“ชั้นบอกให้ไปทำแซนวิชไง ได้รึยัง”
“เอ่อ ค่ะ”
มณทกานต์ยกกาแฟจิบ
“หึ ต้องเล่นงานซะให้เข็ด อยากมาหลอกเราทำไม”
บริเวณทางเดินในสวน ภูบดีเลี้ยวมาเจอปารมีพอดี
“ตื่นแต่เช้าเลยนะคะพี่ภู”
“ครับ”
“น้องเมย์ใจอ่อนรึยังคะ”
“ยังเลยครับ”
“สงสัยพอรู้ว่าพี่ภูเป็นใคร น้องเมย์เลยเล่นตัวน่าดู”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ เป็นความผิดของผมเองที่ไม่บอกความจริงเธอ”
“ถามจริงๆเถอะค่ะ พี่ภูรักน้องเมย์จริงหรือคะ”
“จริงสิครับ ทำไมถามอย่างงั้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปาก็ดีใจกับน้องเมย์ด้วย”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปารมีมองตามภูบดีที่เดินออกไป
“นังเมย์ อย่าหวังเลยว่าแกจะโชคดีได้เป็นเจ้าของมรดก”
ริมทะเลยามเช้า ญาดาเดินเล่นอยู่ที่ชายหาด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ญาดาหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ตำรวจที่ให้ไว้ ญาดารีบกดรับทันที
“ฮัลโหล”
“คุณตาลหรือครับ”
“ค่ะ ผู้กอง”
“ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ รบกวนคุณตาลมาพบผมได้มั้ยครับ”
“เกี่ยวกับแม่ตาลรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“ได้ค่ะ งั้นก่อนเที่ยงตาลน่าจะไปถึง”
“ครับ”
ญาดาคิดสงสัยแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร
ภายในสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ญาดานั่งอยู่หน้าตำรวจ
“ผมกำลังจะสรุปปิดคดีคุณแม่คุณ แต่ทางนิติเวชแจ้งมาว่า พบเศษเนื้อเยื่อผิวหนังในเล็บคุณอ้อย สันนิษฐานว่าก่อนเสียชีวิตแกน่าจะคว้ามือฆาตกรไว้แล้วจิกโดนผิวหนัง”
“แล้วยังไงคะ”
“เราเลยนำไปตรวจ แต่พบว่าเศษเนื้อเยื่อผิวหนังนั้นไม่ใช่ของคุณนภา”
“หมายความว่าคุณนภาไม่ได้ฆ่าแม่หรือคะ”
“ครับ คุณนภาไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าคุณแม่คุณ”
ญาดามีสีหน้าตะลึง
“แล้วใครล่ะคะ” ญาดาสงสัย
สายตาใครคนนึงแอบมองพิพัฒน์นั่งอ่านหนังสืออยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะปิด หนังสือพักสายตา พิพัฒน์สะดุ้งลืมตามองเมื่อปารมีก้าวเข้ามายืนมองพิพัฒน์แบบไม่วางตา
“อ้าว ยัยปา ทำไมมายืนเงียบๆปู่ตกใจหมด” พิพัฒน์ว่า
“ขอโทษค่ะคุณปู่ ปาไม่ทราบว่าคุณปู่หลับค่ะ เห็นอากาศร้อนก็เลยตั้งใจจะเอาชามะนาวมาให้ค่ะ”
“ขอบใจ ปู่แค่พักสายตาน่ะ”
ปารมีวางแก้วชาบนโต๊ะแล้วนั่งคุยกับพิพัฒน์
“นี่พี่ภูไม่อยู่หรือคะ”
“อยู่บ้านยัยเมย์มั้ง เห็นว่ายังไม่หายโกรธกันนี่”
“คุณปู่อยากไปตีกอลฟมั้ยคะ ปาขับรถให้”
“ทำไมอยู่ๆถึงมาชวนปู่ไปตีกอล์ฟ” พิพัฒน์ถาม
“ก็ปาเห็นว่าระยะหลังมานี่คุณปู่ไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่บ้านทุกวันคงเบื่อแย่”
“ก็ดีเหมือนกันนะไปออกรอบซะหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวปาไปเตรียมรถให้นะคะ”
“งั้นปู่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ค่ะ”
พิพัฒน์ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ปารมีมองตามแล้วยิ้มร้ายอย่างมีแผน
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
No comments:
Post a Comment