อ่านละครราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 5 วันที่ 12 ก.ค. 55

{[['']]}
รูปถ่ายของแก้วตาในชุดหางเครื่องที่ถ่ายกับนทีทองในสมัยที่ทั้งคู่ยังหนุ่มสาว ทั้งสองกอดกันอย่างสนิทสนม ชะเอมแปลกใจ
     
       “เอ๊ะ...นี่รูปน้าแก้วตอนสาวๆเหรอ สวยจัง แล้วทำไมถ่ายกับนทีทองอ่ะ รู้จักกันเหรอหรือว่า...”
       “เขาเป็นพ่อกุ้ง”
       กุ้งนางถือภาพนี้อยู่ด้วยอาการตกใจมือไม้สั่น ทำกล่องตกทันทีโดยไม่สนใจว่าภายในกล่อง จะมีอะไรอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสร้อยข้อมือและกระดาษใบหนึ่งที่พับอยู่
       “เป็นอะไรกุ้ง”
       ยายอุ่น เดินเข้าบ้านมาพอดี ถือถุงขนมมาด้วย ได้ยินเสียงของตก ก็ตกใจมาก
       “ไอ้กุ้ง!”
       ยายอุ่นรีบไปดูข้างใน กุ้งนางยังอึ้งอยู่ก้านเขย่าตัวกุ้งเบาๆเรียกสติ
       “กุ้ง...กุ้ง” ก้านมองที่รูป “รูปนี้มีอะไรเหรอ ทำไมถึงตกใจขนาดนี้”
       “แม่...”
       ยายอุ่นเดินเข้ามาเห็นข้าวของเกลื่อนกระจายก็ตกใจ
       “อะไรกันวะ ไอ้กุ้ง ไอ้ก้าน”
       “ยาย...” กุ้งนางยื่นรูปให้ยายดู “ยายอธิบายรูปนี้ได้ไหม”
       ยายอุ่นมองรูปในมือกุ้งก็ตกใจพูดอ้อมแอ้ม
       “ก็แม่เอ็งไง”
       ยายอุ่นอึดอัดจะเดินหนี กุ้งนางรีบเข้ามาจับแขนยาย
       “แม่กับใคร ยายเล่ามาสิ”
       ยายอุ่นพยายามเลี่ยง
       “โอย ข้ามีนัดจะไปต่อลำตัดกับพวกตาแหวง เอ้านี่ ขนมเอ็ง”
       กุ้งนางร้องไห้
       “ยายจ๋า บอกกุ้งมาเถอะนะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ใช่พ่อกุ้งหรือเปล่า”
       ยายอุ่นถอนใจอย่างเสียไม่ได้
     
       ยายอุ่นนั่งลงที่เก้าอี้ กุ้งนางกับก้านและชะเอมนั่งฟังที่พื้น
       “แม่เอ็งน่ะ เขาฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กตากับยายเลยสอนเพลงพื้นบ้านให้ แต่แก้วตามันดันชอบลูกทุ่งมากกว่า เพลงอะไรมันก็ร้องได้ หัวไวแต่เรื่องเรียนน่ะ ไม่ได้เรื่อง จนตาเอ็งตายนั่นแหละ มันถึงได้หยุดร้องเพลง เพราะเอาแต่ร้องไห้ แต่พอมันอายุ15 มันก็มาขอตามไปอยู่กับวงดนตรี...ยายน่ะไม่อยากให้ไปเล้ย...แต่แก้วตามันก็ แอบหนีไปจนได้”
       ยายอุ่นถอนใจก่อนจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้หลานสาวฟัง...ตอนนั้นยาย อุ่นยืนถือจดหมายอย่างอึ้งๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบแต่ความว่างเปล่า ยายอุ่นทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ จดหมายร่วงจากมือ...ยายอุ่นเดินปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยมาที่เวทีคอนเสิร์ต เห็นทีมงานกำลังจัดไฟ ตั้งเครื่องเสียงกันอยู่
       “ยายตามหาแก้วตาอยู่หลายที่ พอมีวงดนตรีมาเล่นที่ไหน ยายตามไปหมด แต่ก็ไม่เจอ จนวันหนึ่งตอนที่วงของนทีทองมาเล่นที่อำเภอใกล้ๆ”
       ยายอุ่นบอกอย่างเศร้าๆแล้วเล่าต่อ...เย็นนั้นในอดีต ยายอุ่นเดินมาหลังเวทีเห็นแก้วตากำลังแต่งตัวชุดหางเครื่องรวมกับเพื่อนๆ อย่างมีความสุข
       “นังแก้ว!”
       แก้วตาหันมา ตกใจ
       “แม่!”
     
       ยายอุ่นลากลูกสาวออกมาจากห้องแต่งตัว แก้วตาพยายามบิดมือออก
       “ไม่เอา ฉันไม่กลับนะแม่”
       “เอ็งหนีข้ามาอย่างนี้ รู้ไหมว่าข้าเสียใจแค่ไหน ไป เอ็งต้องกลับไปเรียนหนังสือ”
       แก้วตาสะบัดมือจากยายอุ่น
       “ปล่อยฉันเถอะแม่ ฉันอุตส่าห์ไต่เต้าจากเด็กเย็บเสื้อในวงจนได้เป็นหางเครื่องแล้ว อีกหน่อยฉันก็จะได้เป็นนักร้อง แม่อย่าห้ามฉันเลยนะ”
       “เอ็งแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะให้เอ็งเป็นนักร้อง ถ้าเอ็งโดนเขาหลอกล่ะ ไม่เอา เป็นตายยังไง ข้าต้องพาเอ็งกลับบ้านให้ได้”
       ยายอุ่นคว้ามือลากไปอีก แก้วตาดึงรั้งไว้
       “พี่นทีทองเขาไม่หลอกฉันหรอกแม่ เขาเป็นคนดี ฉันไม่ไป ขอร้องล่ะแม่ให้ฉันไปทำตามความฝันของฉันเถอะ”
       ยายอุ่นยังฉุดดึงแก้วตา จนนทีทองวิ่งหน้าตื่นมา
       “มีเรื่องอะไรกันแก้วตา”
       “พี่นที ช่วยพูดกับแม่แก้วให้ที แม่จะพาแก้วกลับบ้าน แก้วไม่อยากไป”
       นทีทองมองยายอุ่นอย่างอึ้งๆ
       “แม่...”
       นทียกมือไหว้ ยายอุ่นมองๆดูเอาเรื่อง
       “มึงน่ะเหรอนทีทอง”
       นทีทองชะงักกลัวนิดๆ
       “ครับ...”
       “มึงจะให้นังแก้วมันเป็นนักร้องจริงเรอะ”
       “แก้วมีความสามารถ แต่ทุกอย่างต้องผ่านการฝึกอย่างหนัก แม่ไม่ต้องห่วงแก้วนะครับ ผมจะดูแลแก้วอย่างดี”
       ยายอุ่นสงสัย
       “มึงเป็นผัวมันเรอะ”
       แก้วตากับนทีทองตกใจ
       “ไม่ใช่ครับ” นทีทองยิ้มแหย “ผมเอ็นดูแก้วเหมือนน้องสาวคนนึง”
       ยายอุ่นที่ยังจับมือแก้วตาแน่น ก็ตัดใจปล่อย
       “ก็ได้ เอ็งอยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้เสียผู้เสียคนล่ะ ยังไงข้าก็เป็นห่วง”
     
       แก้วตาดีใจ ก้มลงกราบเท้าแม่ ยายอุ่นลูบผมลูกสาวน้ำตาซึม นทีทองพลอยยิ้ม ตื้นตันไปด้วย
ยายอุ่นเล่าถึงตรงนี้ก็นิ่งไปก่อนจะนึกถึงแก้วตาที่ส่งเงินมาให้
     
       "หลังจากนั้นนังแก้วก็ส่งเงินมาให้ยายไม่ขาด ถึงจะไม่มากนัก แต่ยายก็สบายใจที่
       มันดูแลตัวเองได้ แล้ววันหนึ่งมันก็กลับมาบ้าน”
       ยายอุ่นเล่าเรื่องราวในอดีตต่อ...แก้วตากลับมาบ้านตรงเข้ามาไหว้แม่ แล้วกอดอย่างคิดถึง ยายอุ่นดีใจมากที่ลูกสาวกลับมา
       “ข้าดีใจนะดีเอ็งกลับมา ข้าก็รอแล้วรออีก”
       “วงเขาจะพักช่วงฤดูฝนกันน่ะแม่ เขาให้ลูกวงกลับไปช่วยที่บ้านทำนาทำไร่”
       “เอ็งไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ไปพักซะหน่อย เดี๋ยวค่อยมากินข้าว ที่หลับที่นอนเอ็งแม่ก็ซักตากไว้ให้อยู่เรื่อยๆ รับรองสะอาดเอี่ยม”
       แก้วตาอ้ำอึ้ง
       “เออแม่...ฉัน...จะขอที่ท้ายนาได้ไหม”
       ยายอุ่นแปลกใจ
       “ขอทำไมวะ”
       “เอ่อ...ฉันอยากจะปลูกบ้านหลังเล็กๆอยู่น่ะ”
       ยายอุ่นงง
       “ทำไมว่ะ อยู่ด้วยกันที่บ้านนี้เหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”
       “ฉัน...อยากมีที่อยู่สำหรับครอบครัว” แก้วตาตัดใจบอก “ฉันจะแต่งงานน่ะแม่”
       ยายอุ่นตกใจ
       “แต่งงาน! เอ็งจะแต่งกับใคร”
       “เขายังไม่ว่างน่ะจ้ะแม่ แต่อีกไม่นานหรอก เขาบอกว่าจะมาไหว้แม่ เขาเป็นคนดีนะ”
       ยายอุ่นจ้องหน้าลูกสาวนิ่ง แก้วตาจับมือแม่
       “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันดูคนไม่ผิดหรอก เชื่อฉันสิแม่ ฉันเคยตัดสินใจถูกมาครั้งหนึ่งที่ออกไปทำงานหาเงินให้แม่มาแล้ว ครั้งนี้แม่ก็ลองเชื่อฉันอีกสักครั้งนะ”
       “แล้วความฝันที่จะเป็นนักร้องของเอ็งล่ะ”
       แก้วตายิ้ม
       “คนเราคงไม่ได้อย่างใจไปทุกอย่างหรอก แต่ฉันก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวฉันเองไม่ใช่หรือจ๊ะ”
       “แล้วไอ้หมอนี่มันคือ...”
       แก้วตาสวนขึ้นทันที
       “ไว้เขามาแม่ก็รู้เอง”
       ยายอุ่นมองแก้วตา แล้วพยักหน้ารับ
       “ถ้าเขาเป็นคนดีจริงข้าไม่ว่าอะไรหรอก มันเป็นความสุขของเอ็งนี่”
       ยายอุ่นลูบผมลูกสาว สองแม่ลูกกอดกัน
     
       เวลาผ่านไปแก้วตาท้องโตนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านท้ายนาไม่มีวี่แววของ สามีที่จะมาหาเธอ...ยายอุ่นถือปิ่นโตเดินมา มองลูกสาวด้วยความสงสาร แก้วตาหันไปเห็นแม่ ก็โผเข้ากอดแม่ทันที
       “แม่...”
       “กินข้าวซะบ้างเถอะแก้วเอ๊ย สงสารลูกในท้องเอ็งบ้าง อย่ามามัวรอไอ้คนเลวๆพรรค์นั้นอีกเลย”
       “แต่เขาบอกฉันว่าจะมา เราไปตามเขากันไหมแม่”
       “มันรู้ว่าเอ็งอยู่นี่ยังไม่มา แล้วเอ็งคิดว่าหอบท้องไปตามมันจะยอมมาเหรอ”
       “ก็แม่ไปกับฉันสิ ถ้าแม่ไปเขาต้องมา หรือไม่แม่ก็ไปที่วงไปหา...”
       ยายอุ่นตัดบท
       “ไม่เอา ไม่ต้องบอก ในเมื่อเอ็งเคยบอกว่าข้าจะได้รู้จักมันวันที่มันมาหาข้า...ข้าก็จะรอวันนั้น”
       แก้วตาร้องไห้
       “แม่...ฉันจะทำยังไงดี ฉันอาย...ฉันเจ็บ”
       “ทำใจไงล่ะ เลิกหวังลมๆแล้งๆแล้วคิดถึงวันข้างหน้า”
       “ฉันอยากตาย”
       ยายอุ่นร้องเสียงหลง
       “นังแก้ว” ยายอุ่นพูดไปร้องไห้ไป
       “ห้ามคิดอย่างนี้อีก มันไม่เลี้ยง เราก็เลี้ยงกันเองก็ได้ ชีวิตเป็นของเอ็งไม่ใช่ของมัน เอ็งต้องอยู่ให้ได้ กลับไปอยู่บ้านกับแม่นะ ยังไงเอ็งก็ยังมีแม่นะลูกนะ”
       แก้วตาร้องไห้โฮ ยายอุ่นกอดปลอบ ร้องไห้ไปด้วย
     
       เล่ามาถึงตอนนี้ ยายอุ่นก็หน้าเศร้าหมอง
       “สุดท้ายยายกับแม่เอ็ง เลยตกลงกันว่าจะบอกทุกคน รวมทั้งเอ็งด้วยว่า พ่อของเอ็งรถคว่ำตายระหว่างทางที่มาบ้าน”
       กุ้งนางมองที่รูปแก้วตาและนทีทอง ชะเอมโพล่งออกมา
       “งั้นนทีทองก็เป็นพ่อของกุ้งน่ะสิยาย โห...ตื่นเต้นจัง”
       ยายอุ่นส่ายหน้า
       “ไม่รู้ว่ะ ข้าไม่กล้าปักใจเชื่ออย่างนั้น ไว้มันมาบอกยายด้วยตัวเองเมื่อไหร่ยายถึงจะเชื่อ”
       กุ้งนางน้อยใจและคับแค้นใจ
       “ไม่คิดเลยว่าพ่อจะใจร้ายทิ้งแม่ทิ้งได้ลง” กุ้งนาวค้อนๆ “ยายด้วยแหละ”
       ยายอุ่นหน้าเหวอ
       “อ้าว เฮ้ย นังกุ้ง ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย”
       “เกี่ยวสิยาย ก็ยายน่าจะไปถามนทีทองเขาให้รู้เรื่อง”
       ยายอุ่นหน้านิ่ง
       “ถามไปทำไม ถ้าคนมันรับผิดชอบมันก็ต้องโผล่หัวมาบ้างสิ แม่กุ้งมันจดหมายไปกี่ฉบับทางโน้นก็เงียบ ถ้าพวกเอ็งเป็นยายน่ะยังคิดจะบากหน้าไปถามมันอีกเหรอ”
       ชะเอมเสียความรู้สึก
       “สรุปก็คือนทีทองไม่ยอมรับเป็นพ่อของกุ้ง แหม...เห็นหล่อๆเป็นคนดีเสียความรู้สึกจริงๆที่ไปหลงชอบแต่เด็ก”
       ก้านปลอบกุ้งนาง
       “กุ้ง...พี่ว่าลืมเรื่องนี้ไปเลยดีกว่านะ คิดไปก็ไม่สบายใจ”
       กุ้งนางเจ็บใจ
       “ไม่หรอกพี่ก้าน ฉันไม่ลืม...และฉันก็จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้ด้วย”
       ก้านแปลกใจ
       “แล้วกุ้งจะทำไง”
       “ฉันจะไปถามเขาเอง เขาทำให้แม่ฉันทรมาน เขาต้องรับผิดชอบ”
       ยายอุ่นขัดขึ้น
       “โอ๊ย นังกุ้ง มีแค่รูปใบนี้น่ะเหรอ ที่จะเอาไปถามว่าเขาเป็นพ่อเอ็งหรือเปล่าน่ะ”
       กุ้งนางคิดๆ แล้วมองในกล่องเห็นสร้อยกับกระดาษที่พับไว้ กุ้งนางหยิบกระดาษมาคลี่อ่าน ก้าน ชะเอม ยายอุ่นโผล่หัวมาอ่านด้วย ชะเอมมองหน้ายายอุ่น
       “ยายอ่านออกเหรอ”
     
       “เปล่า...ข้าจะถามว่ากระดาษอะไร”
 กุ้งนาง ก้าน ชะเอมอยู่ในร้านกาแฟที่ตลาด กุ้งนางถือรูปแม่กับนทีทอง กระดาษเนื้อเพลง และสร้อยลูกปัด หน้าละห้อย ชะเอมถามงงๆ
     
       “รูป เนื้อเพลง แล้วก็สร้อยลูกปัดเนี่ยน่ะเหรอ ที่แกจะเอาไปยืนยันกับนทีทองว่าแกเป็นลูกเขา”
       ก้านหนักใจ
       “หลักฐานมันอ่อนมากนะกุ้ง”
       กุ้งนางเถียง
       “ก็ทำไมเขาจะไม่ใช่พ่อล่ะ แค่เนื้อเพลงที่เขาแต่ง มีคำว่าแก้วตา แค่นี้ก็เดาได้เลยว่าพ่อแต่งให้แม่แน่ๆ”
       ก้านพยายามแย้ง
       “โธ่กุ้ง พ่อแต่งเพลงให้ลูก ลูกแต่งให้พ่อ ก็ใช้คำว่าแก้วตาแทนได้เหมือนกัน”
       “ไม่รู้ล่ะ มันเชื่อไปตั้งครึ่งนึงแล้ว จะให้ล้มเลิกความคิดนี้ มันก็ยากแล้วล่ะ”
       ชะเอมชักเห็นด้วย
       “ก็จริงนะไอ้ก้าน ถูกของกุ้งมัน งั้นงานนี้ก็ต้องไปสืบความจริง บุกไปสยามซองกันเลยไหมกุ้ง พี่ไปด้วย เผื่อจะได้สมัครหางเครื่องซะเลย”
       ขะเอมตาลอยชวนฝัน ก้านต่อว่า
       “โธ่...นึกว่าจะช่วยกุ้ง ที่แท้ก็จะไปหางาน”
       ชะเอมจ๋อย
       “แต่พี่ชะเอมพูดถูกนะพี่ก้าน ยังไงฉันก็ต้องไปสยามซองเพื่อจะได้เจอพ่อ”
       ก้านเหนื่อยใจ
       “แล้วไงอ่ะ ไปถึงสยามซองแล้วยังไง เขาคงให้เจอนทีทองง่ายๆหรอก”
       ชะเอมยิ้มภูมิใจ
       “แต่ถ้าใช้วิธีฉันยังไงก็ต้องได้เจอ”
       ก้านส่ายหน้าระอาใจ
       “ก็คือไปสมัครงานใช่ไหม”
       กุ้งนางโพล่งออกมาทันที
       “ใช่...ฉันจะไปสมัครงานที่นั่น”
       “พี่ว่าคงไม่ได้หรอก”
       กุ้งนางกับชะเอมถามพร้อมกัน
       “ทำไมล่ะ”
       ชะเอมเอาใจกุ้งนาง
       “ไอ้กุ้งกับฉันออกจะสวย ความรู้ก็พอมี แถมขยันอีก มันต้องได้งานสักอย่างละวะ”
       ก้านคิดๆก่อนจะบอก
       “ลืมไปอย่างหรือเปล่า นายจิรายุเขาก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ”
       ชะเอมหน้าตื่น
       “จริงด้วย ไอ้กุ้ง...โจทย์แกเลยนะเนี่ย”
       กุ้งนางหน้าเสียกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความสยดสยองทันที ภาพในความคิดผุดขึ้นมาทันที เป็นภาพที่เธอกำลังเผชิญหน้ากับจิรายุในออฟฟิศ
       “ฉันแค่ขอเข้าไปพบนทีทองแค่นั้นเองนะ”
       “ฉันไม่อนุญาต กลับไปเดี๋ยวนี้”
       “ฉันขอร้องล่ะ มันเป็นสำคัญมาก”
       “สำคัญแค่ไหนก็ไม่ได้...ตอนที่เธอตบหน้าฉัน จำได้ไหม พูดว่าไง...อย่ามายุ่งกับฉันอีกต่อไป...เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ต้องมาขอร้อง อะไร ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอทั้งนั้น”
     
       กุ้งนางร้องโวยวายต่อ
       “ไอ้บ้า!”
       ก้านกับชะเอมตกใจ โดยเฉพาะก้านหน้าเหวอไปเลย
       “กุ้งด่าพี่เหรอ”
       กุ้งนางรู้สึกตัว
       “เฮ้ย...ไม่ใช่...ฉันนึกถึงไอ้คุณจิรายุนั่น มันต้องแกล้งไม่ให้ฉันเข้าไปพบพ่อแน่ๆ”
       ก้านถอนใจ
       “เออดี งั้นอย่าไปเลย”
       ชะเอมถามกุ้งนาง
       “แล้วแกรู้เหรอว่าคุณจิรายุเขาทำหน้าที่อะไร เขาอาจจะไม่เกี่ยวกับวงก็ได้ เราก็ไปทำงานของเราสิ”
       ก้านพยายามห้าม
       “แต่พี่ว่าอย่าไปเลยนะกุ้ง”
       ชะเอมยุ
       “ไปเถอะกุ้ง พี่ไปด้วย”
       สองคนรบเร้ากุ้งนางไปคนละทาง กุ้งนางหนักใจ เริ่มลังเล ตัดสินใจไม่ถูก
     
       ที่สยามซอง...จิรายุมีหน้าตาตื่นเต้นเมื่อได้ฟังสิ่งที่พ่อบอก
       “พ่อจะรวมวงนทีทองกับชามาดางั้นเหรอครับ”
       “ชามาดาเขามาเสนอ เพราะไหนๆอัลบั้มนี้ก็ต้องรวมทุกอย่างอยู่แล้วก็รวมวงเป็นการเฉพาะกิจไปเลย”
       จิรายุยิ้มๆ
       “งั้นผมก็ไม่ต้องทำงานแล้วสิครับ เพราะพี่โชคเขาก็ดูวงชามาดาอยู่แล้ว ก็ให้เขาทำไปเลยแล้วกัน”
       “ใครบอก ฉันจะให้ไอ้โชคไปดูวงอื่น แล้วแกนั่นแหล่ะที่จะต้องมาดูคู่นี้”
       “ได้ไงครับพ่อ ผมยังไม่เริ่มงานผู้จัดการวงนทีทองเลย ประสบการณ์ก็ไม่มีแล้วพ่อจะให้ผมมาดูโปรเจ็คท์ใหญ่แบบนี้ได้ไง”
       “นั่นเป็นปัญหาของแก ถ้างานนี้แกทำดีแกก็จะแจ้งเกิดในวงการ ทุกคนจะยอมรับในฝีมือแกว่าแกจะเป็นผู้บริหารที่ดีต่อไป แต่ถ้าแกทำเจ๊ง นักร้องยอดขายสูงสุดของบริษัทก็จะตก วงดนตรีสองวงพังคนตกงานเป็นร้อยๆแน่”
       “พ่อ...ผมว่ามันเว่อร์เกินไปหน่อยนะ”
       “มีแต่แกแหละคิดว่าเว่อร์ แต่มันเป็นเรื่องจริง หมดสิ่งที่ฉันจะพูดแล้วไปเริ่มงานได้”
       จิรายุมองหน้าพ่อก่อนจะลุกออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี
       “ฉันรู้ว่าแกทำได้ ถ้าคนอย่างแกคิดจะทำไอ้จิ”
     
       ในห้องซ้อมเต้น เจ๊อึ่งกำลังกรี๊ดอย่างไม่สบอารมณ์
       "ห๊า...คุณจิจะเป็นผู้จัดการทั้งสองวงเหรอ ตายแล้ว...คุณจรัลคิดอะไรอยู่เนี่ย”
       ครูแจ๋หนักใจ
       “คุณจรัลน่ะไม่ได้คิด แต่เป็นความคิดของชามาดานักร้องหญิงเบอร์หนึ่งต่างหาก”
       เจ๊อึ่งอึ้งไป
       “น้องชมดน่ะเหรอ”
       ครูแจ๋เว้าอีสานใส่
       “แม่นแล้ว...แต่คุณจรัลเห็นด้วยเพราะคิดจะแจ้งเกิดให้กับคุณจิ แหม...ก็เป็นลูกเจ้าของ ถ้ามานั่งบริหารเลยคนก็เม้าท์น่ะสิว่าได้ดีเพราะมีพ่อ มันต้องโชว์ฝีมือกันหน่อย”
       เจ๊อึ่งหนักใจ
       “คุณจิน่ะคงมีฝีมือหรอก แต่อีคนร่วมงานนี่สิ มันจะทำวายป่วงกันหมด ดีไม่ดี งานนี้จะกลายเป็นงานปิดตัวคุณจิในวงการก็ไม่รู้”
       “ก็นั่นนะสิ จะเอาอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
       เจ๊อึ่งทำหน้าเซ็งโลก
       “ยังไม่ต้องทำหน้าเซ็งโลก เดี๋ยวคุณจิเรียกประชุมต่ออีก คุณซุปตาร์เขาก็มาด้วย”
     
       “ฮ่วย...”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th  
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ