อ่านละครเล่ห์ร้อยรัก ตอน 3 20 มิถุนายน 2555

{[['']]}
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว มณทกานต์กดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งกับชีวิตตัวเอง สุดท้ายมณทกานต์ตัดสินใจกดรีโมทปิดทีวีแล้วเดินลุกไปปิดไฟที่ผนังทั้งห้องมืดสนิทลงทันที อาการคิดไม่ตกทำให้มณทกานต์ไม่ได้ล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่กลับเดินไปที่หน้าต่างทอดสายตามองเหม่อลอย แต่เมื่อมองลงไปเบื้องล่างก็ชะงักเพราะเห็นอนุทินกำลังเดินออกจากบ้านไป “นั่นพี่เอจะไปไหน นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ” มณทกานต์มองตามด้วยแววตาสงสัยแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ “ตามไปดูดีกว่าเรา” มณทกานต์คว้าเสื้อกันหนาวบางๆใส่คลุมเดินออกจากบ้านตามไป มณทกานต์มองกวาดตาหาอนุทินแต่ไม่เห็นใคร “ไปไหนแล้ว เร็วจัง” มณทกานต์ชะเง้อมองหา ที่ด้านหลังมีใครบางคนเดินตามอยู่แล้วเอื้อมมือมาปิดปากมณทกานต์จากด้านหลัง มณทกานต์สะดุ้งเฮือกหันกลับไปมอง ที่แท้เป็นบุญทันนั่นเอง “อย่าส่งเสียงครับ ดูอะไรนู่น” บุญทันกระซิบบอก มณทกานต์มองตามสายตาบุญทันเห็นอนุทินยืนอยู่กับใครบางคนในมุมลับตา “เข้าไปดูใกล้ๆมั้ยครับ” บุญทันถาม มณทกานต์พยักหน้า บุญทันปล่อยมือที่ปิดปาก ทั้งสองเดินย่องแอบเข้าไปใกล้จนเห็นว่าอนุทินยืนอยู่กับปารมี “นั่นมันยัยปารมีนี่” “ใช่ครับ” มณทกานต์มองอย่างสงสัยว่า ปารมีกับอนุทินมาทำอะไร ทั้งคู่เห็นว่าทั้งคู่คุยกันอยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงว่าคุยอะไรกัน ปารมีพูดกับอนุทิน “ปาเคยบอกแล้วไงคะว่าอย่าโทรหาปาดึกๆแบบนี้” “พี่ขอโทษ พี่แค่อยากเจอปา โทรหาตอนกลางวันปาก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่ว่าง” มณทกานต์มองหน้าบุญทันอย่างงุนงงสงสัยว่าทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกัน “เค้าพูดเรื่องอะไร” บุญทันส่ายหน้าแล้วบอก “ไม่รู้” บุญทันกับมณทกานต์หันกลับไปมอง “ก็ปาไม่ว่างจริงๆนี่คะ” “ไม่เอาน่า อย่าโกรธพี่เลยนะ” อนุทินจับมือปารมีที่เมินหน้าทำงอน อนุทินยกมือปารมีขึ้นมาจูบเบาๆแล้วบอก “ปาก็รู้ว่าพี่รักปาแค่ไหน” อนุทินเคลื่อนหน้าเข้าไปจูบปารมี มณทกานต์มองตะลึงไม่คาดฝันพลาง ขยับถอยตัวออกจนเท้าไปเหยียบกิ่งไม้ดังแกรก ทั้งอนุทินกับปารมีชะงักไปชั่วครู่ หันมองมาทางต้นเสียง บุญทันไหวตัวรีบดึงมณทกานต์หลบลงหลังพุ่มไม้ทันที อนุทินเดินเข้ามาใกล้พุ่มไม้แล้วมอง แต่ไม่เห็นใคร อนุทินเดินกลับไปหาปารมี “ไม่มีใคร กิ่งไม้คงตกลงมา” “งั้นปาเข้าบ้านก่อนนะคะ” ปารมีบอก “ไม่โกรธพี่แล้วนะ” “ค่ะ ไม่โกรธก็ได้” ปารมีหอมแก้มแล้วเดินกลับบ้านไป อนุทินยิ้มอย่างพอใจเดินกลับไปอีกทาง เมื่อผ่านมาที่พุ่มไม้เดิม หลังพุ่มไม้ไม่มีบุญทันและมณทกานต์ ที่อีกมุมหนึ่ง บุญทันกอดมณทกานต์หลบอยู่อีกมุม มณทกานต์ถอนใจอย่างโล่งอกและเริ่มรู้สึกตัวว่า บุญทันสวมกอดอยู่ “ปล่อยชั้นได้แล้ว” “ขอโทษครับ” “นี่พี่เอกับยัยปารมีรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” “ผมก็ไม่ทราบครับ เพิ่งทราบพร้อมคุณเมย์นี่แหละครับ” มณทกานต์มองบุญทันอย่างสงสัยแล้วถาม “แล้วนายมาทำอะไรดึกๆแบบนี้” “อ๋อ ผมนอนไม่หลับน่ะครับ ก็เลยจะไปหยิบหนังสืออ่านเล่นในรถ แล้วคุณเมย์ล่ะครับลงมาทำอะไรดึกๆ” “ชั้นก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” “คิดเรื่องของเราอยู่หรือครับ” “เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนาย” มณทกานต์หันหลังจะเดินกลับบ้าน แต่บุญทันคว้าแขนไว้ “เดี๋ยวครับคุณเมย์” มณทกานต์ชะงักมองหน้าบุญทันและมองมือที่บุญทันจับอยู่ “มีอะไร” “คุณเมย์รังเกียจที่ผมฐานะต่ำต้อยกว่าใช่มั้ยครับ” “เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนั้น” “ถ้าคุณเมย์ไม่ได้คิดเรื่องนั้นทำไมถึงไม่ตอบแต่งงานกับผม” มณทกานต์แกะมือที่บุญทันจับอยู่ออก “ชั้นจะแต่งกับนายได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่ได้รักนายหรือนายจะบอกว่านายรักชั้น” “ใช่ครับ ผมรักคุณ” มณทกานต์ได้ยินดังนั้นก็อึ้งตะลึงอย่างคิดไม่ถึง “ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่าทุกครั้งที่เห็นคุณร้องไห้ ผมอยากจะเป็นคนที่เช็ดน้ำตาให้คุณ” มณทกานต์ใจเต้นแรงมองบุญทันที่ยืนจ้องหน้าอยู่ บุญทันเดินเข้ามาหา มณทกานต์ยกมือตบหน้าบุญทัน “อย่ามาพูดจาภาษาน้ำเน่ากับชั้น ชั้นไม่ชอบ” มณทกานต์สะบัดหน้าเดินออกไป บุญทันอึ้งแล้วจับแก้มตัวเองถอนหายใจ “เฮ้อ เธอคงไม่ชอบเราจริง ๆ” บุญทันมองตามมณทกานต์อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านพักคนงาน มณทกานต์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงที่เตียงด้วยใจที่ยังเต้นแรง “บ้า จะมารักเราได้ยังไง เราทั้งด่าทั้งตบตั้งหลายครั้ง สงสัยจะเจอคนบ้าแล้วเรา” มณทกานต์นึกถึงหน้าบุญทันแล้วยิ้มขำ ภายในใจของมณทกานต์นั้นชอบบุญทันอยู่แต่ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง เช้าวันต่อมา ญาดานั่งกินอาหารเช้าอยู่กับพิพัฒน์ “คุณปรารภเค้าจะโอนเงินให้หนูสายๆ เมื่อได้เงินแล้วก็รีบเอาไปใช้หนี้ซะ” พิพัฒน์บอก “ค่ะคุณปู่” “แล้วหนูก็ต้องบอกให้แม่เข้าใจนะว่า เค้าต้องเลิกเล่นการพนัน เพราะถ้าเค้ายังไม่เลิกจะไม่มีใครช่วยเค้าแล้วนะ” “ค่ะ คุณปู่ หนูตั้งใจว่าจะให้แม่กลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดค่ะ” “ที่ไหน” “เชียงใหม่ค่ะ หนูตั้งใจว่าจะเอาเงินที่เหลือไปเปิดร้านขายของชำให้แม่” “อืมม์ ดี” ธาวินเดินเข้ามามาในชุดสูท ญาดามองอย่างแปลกใจแล้วถาม “คุณภูจะไปไหนหรือคะ แต่งตัวซะเต็มยศ” “นี่ยังไม่ได้บอกเมียหรือเจ้าภูว่าจะไปทำงาน” พิพัฒน์ถาม “ไปทำงานที่บริษัทน่ะหรือคะ” “ใช่ ผมเห็นว่าอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะถึงวันแต่งงานก็เลยไม่อยากอยู่เฉยๆ” “ทำไมไม่เห็นเล่าให้ตาลฟังเลยว่าจะไปทำงาน” ญาดาตัดพ้อ พิพัฒน์หัวเราะ “เห็นมั้ย ปู่บอกแล้วว่าเมียแกจะงอน ง้อกันเองนะ” พิพัฒน์ลุกเดินออกไปปล่อยให้ธาวินกับญาดาอยู่กันตามลำพัง ญาดาทำนิ่งเฉยเมย “ผมว่าจะบอกตาลตั้งแต่เมื่อคืน พอดีผมลืม” “แต่ตาลไม่อยากให้ไปเลย” “ทำไม” “ก็คุณภูความจำเสื่อมอยู่นะคะ ตาลกลัวว่าคุณภูไปพูดหรือทำอะไรผิด คนเค้าจะจับได้น่ะสิคะ” “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณปรารภเค้าอยู่กับผม” “หรือว่าให้ตาลไปด้วยดีมั้ยคะ” ญาดาว่า “อย่าเลย ตาลอยู่บ้านน่ะแหละดีแล้ว” “แต่ตาลเป็นห่วงคุณภูนะคะ” “เอาเถอะน่า ผมเอาตัวรอดได้ ผมไปก่อนนะ” “แล้วไม่ทานอะไรก่อนหรือคะ” “ไม่ล่ะ” ธาวินทำท่าจะขยับไป ญาดาเรียก “เดี๋ยวค่ะคุณภู” ธาวินชะงักหันกลับมา ญาดาลุกขึ้นหอมแก้ม “เลิกงานแล้วรีบกลับบ้านนะคะ” ธาวินมองอย่างแปลกใจ ญาดายิ้มให้ “จ้ะ” ธาวินยิ้มให้ญาดาแล้วเดินออกไป ญาดามองตาม ธาวินหันกลับมามองอีกครั้ง ญาดาโบกมือให้ ธาวินเดินยิ้มคนเดียวออกมาที่หน้าบ้าน บุญทันยืนมองอย่างแปลกใจรออยู่ที่ข้างรถ “เป็นอะไรวะ ยิ้มแต่เช้า” “เอ้า ก็คนมันอารมณ์ดี ยิ้มไม่ได้หรือ เปิดประตู” บุญทันเปิดประตูรถให้ธาวินเดินขึ้นรถก่อนจะขับรถออกจากบ้านไป รถแล่นมาจอดหน้าบริษัทวรารมย์เมื่อเวลากลางวัน บุญทันเปิดประตูให้ ธาวินก้าวลงมา แล้วเดินเข้าไปหาปรารภที่ยืนรออยู่ “สวัสดีครับคุณภู” ปรารถทักทาย ธาวินยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณปรารภ” “คุณท่านเพิ่งโทรบอกผมเมื่อเช้านี้ว่า คุณภูจะมาทำงาน ผมเลยสั่งให้คนเตรียมต้อนรับไม่ทัน” “ไม่ต้องหรอกครับวุ่นวายเปล่า ๆ” “เชิญทางนี้เลยครับ” ปรารภเดินนำธาวินไปที่ลิฟต์ของบริษัท เอนกยืนมองจากด้านบนลงมาสีหน้ากังวล เมื่อลิฟต์เปิดออก ปรารภนำธาวิน เดินไปตามทางเดินของบริษัทพลางอธิบาย “บริษัทเรามีธุรกิจที่ลงทุนอยู่หลายประเภทครับ ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรมและคอนโดมิเนียม และตอนนี้เราก็กำลังมีโครงการขยายตลาดคอนโดออกไปตามต่างจังหวัด” “เห็นคุณปู่บอกว่าจะให้ผมมาดูแลฝ่ายบริหาร” “ใช่ครับ” “แล้วตอนนี้ใครดูแลอยู่ครับ” “คุณเอครับ” “ถ้าพี่เอดูแลอยู่ ผมว่าผมไปทำแผนกอื่นดีกว่ามั้ยครับ” “ไม่ได้ครับเป็นคำสั่งของคุณท่าน คุณท่านจะให้คุณเอย้ายไปแผนกการตลาดครับ” “แต่มันจะดีหรือครับ ผมเพิ่งมา” “คุณภูไม่ต้องกังวลครับ คุณเป็นทายาทเพียงคนเดียว วันนึงบริษัทนี้ก็ต้องเป็นของคุณ” ปรารภเดินมาถึงห้อง เลขาหน้าห้องลุกขึ้นยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ” “นี่คุณป้อม จะเป็นเลขาให้คุณ” ปรารภแนะนำ “สวัสดีครับ” สายตาของใครคนหนึ่งแอบมองมาที่ธาวินที่กำลังทักทายเลขา เลขาลุกขึ้นเปิดประตูห้องให้ ปรารภเดินนำธาวินเข้าไป อนุทินยืนมองอยู่มุมหนึ่งด้วยแววตาไม่พอใจ ภายในห้องทำงานของภูบดี ในบริษัทวรารมย์ ปรารภเดินนำเข้ามา “คุณภูใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานนะครับ เดิมเป็นห้องของคุณภาคิน ถ้าคุณภูอยากจะตกแต่งหรือรีโนเวทใหม่ก็บอกนะครับ” “ไม่ต้องหรอกครับ นี่ก็โอเคแล้ว” “สำหรับเอกสารที่คุณภูควรจะรู้ก่อนในเบื้องต้น ผมเอาวางไว้ให้บนโต๊ะแล้ว มีข้อมูลบางส่วนอยู่ในคอม คุณภูเรียกมาดูได้เลย” “ครับ อ้อ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” “เชิญครับ” “ตอนที่คุณลุงภาคินตาย ทำไมตำรวจถึงสรุปว่าคุณลุงฆ่าตัวตายล่ะครับ” “อ๋อ ตำรวจพบสารเสพติดในเลือดคุณภาคินครับ” “แล้วคุณปรารภเชื่อมั้ยครับว่าคุณลุงภาคินจะโดดตึกตาย” “มันก็ห้าสิบ ห้าสิบนะครับเป็นไปได้เท่าๆกัน” “ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวผมจะอ่านเอกสารเลย” “ครับ อ้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้เค้าเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อจะได้แนะนำคุณภูให้ทุกคนได้รู้จัก” “ขอบคุณครับ” ปรารภเดินออกจากห้องไป ป้อมเดินเอากาแฟเข้ามาให้ธาวิน “ช่วยให้ใครไปตามคนขับรถผมขึ้นมาหน่อยนะครับ เค้าชื่อบุญทัน” “ได้ค่ะ” ป้อมเดินออกไป ธาวินมองเอกสารบนโต๊ะและเริ่มเปิดอ่าน ในเวลาต่อมา บุญทันก้าวออกมาจากลิฟต์และเดินไปตามจนมาหยุดหน้าห้องบอกเลขา “ผมเป็นคนขับรถคุณภูบดีครับ” “เข้าไปได้เลย” บุญทันเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องทำงาน บุญทันกับธาวินนั่งเปิดอ่านเอกสารจำนวนมาก ในเวลาเดียวกัน ภายในบ่อน กระเป๋าใส่เงินถูกเปิดออก ธนบัตรหลายปึกถูกวางซ้อนเรียงกันเป็นระเบียบอยู่ข้างใน เสกหยิบเงินออกมาดู ญาดาพูดขึ้น “ทั้งหมดสิบล้าน จะนับดูก่อนก็ได้นะ” เสกวางเงินกลับเข้าที่แล้วบอก “เธอนี่หาเงินเก่งนะ สนใจมาทำงานกับชั้นมั้ย” “ไม่ ชั้นไม่ทำงานสกปรกแล้วแม่ชั้นอยู่ไหน” ญาดาถาม ลูกน้องเสกเปิดประตูพาเจ๊อ้อยเดินเข้ามา ญาดาหันไปมอง “แม่” “ไอ้ตาล” ญาดากับเจ๊อ้อยโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ “แม่เป็นไงบ้าง” “แม่สบายดี นี่เอ็งเอาเงินมาไถ่ตัวแม่แล้วใช่มั้ย” “ใช่จ้ะ นี่ไงเงินสิบล้าน” เจ๊อ้อยมองเงินตาโตลุกวาว “โอ้โห เงินสิบล้านนี่มันเยอะขนาดนี้เลยหรือ” “ไปกันได้แล้วแม่” ญาดาคว้ามือเจ๊อ้อย “เดี๋ยวสิ จะรีบร้อนไปไหน อยู่เล่นซักตาสองตาก่อนสิ เผื่อจะมีดวงนะ” เสกส่งเงินให้อ้อยปึกหนึ่งแล้วบอก “เอา เจ๊อ้อย ชั้นให้เจ๊ยืมแสนนึง” “จริงหรือ” เจ๊อ้อยรีบยื่นมือจะรับแต่ญาดาตีมือจนเจ๊อ้อยสะดุ้ง “แม่ แม่สัญญากับหนูแล้วนะว่าแม่จะไม่เล่นอีก” “โทษทีลูก แม่ลืมไป” เจ้อ้อยหันไปเล่นงานเสก “นี่เฮียเสกอย่ามาทำลองใจชั้นนะ ชั้นเลิกเด็ดขาดแล้ว” เจ๊อ้อยหันไปดึงมือญาดาแล้วบอก “ไปลูก” ญาดากับเจ๊อ้อยเดินออกไปจากห้อง เสกหยิบเงินขึ้นมาดูแล้วพูดขึ้น “ขอให้มันจริงเถอะ” ภายในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเวลาต่อมา เจ๊อ้อยถามญาดาก่อนจะตักอาหารเข้าปาก “หมายความว่าเอ็งไปเป็นเมียไอ้เศรษฐีนั่นหรือ” “ก็แค่เมียปลอมๆน่ะแม่ โชคดีที่เค้าความจำเสื่อม หนูก็เลยมั่วสวมรอยซะเลย” “แล้วเอ็งมีอะไรกับมันรึเปล่า” “ไม่มี แม่ไม่ต้องห่วง เค้าไม่ได้แอ้มหนูหรอก” “แหม เอ็งนี่มันเก่งแถมฉลาดเหมือนแม่จริงๆ” ว่าแล้วเจ๊อ้อยก็กำลังจิ้มอาหารเข้าปากแต่คิดได้ก็ชะงัก “เอ๊ะเดี๋ยวก่อน แต่เมื่อกี้ที่เอ็งเล่า เอ็งบอกว่าเจ้าคุณปู่ให้มาสิบห้าล้านไม่ใช่หรือ” “ไม่ใช่เจ้าคุณปู่แม่ คุณปู่เฉย ๆ” ญาดาบอก “เออ นั่นแหละ แล้วอีกห้าล้านอยู่ไหน” “ก็อยู่ในสมุดธนาคารหนูน่ะสิ” “แม่หวังว่าเอ็งจะแบ่งให้แม่ใช้บ้างนะ” “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วล่ะ แต่หนูจะไม่ให้แม่เป็นเงินนะ” “อย่าบอกนะว่าจะให้แม่เป็นคูปองน่ะ แม่จะเอาไปใช้ได้ยังไง” “แม่นี่ ฟังให้จบก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งขัด หนูจะเอาเงินส่วนนึงไปลงทุนเปิดร้านขายของชำให้แม่ที่เชียงใหม่” “เอ็งจะให้แม่ไปขายของหรือ” “ใช่ แล้วแม่ก็เอากำไรที่ได้จากการขายไปหมุนใช้รายวัน” “เดี๋ยว เดี๋ยว เอ็งพูดเหมือนกับว่าเอ็งจะไม่ไปอยู่กับแม่” “ก็ใช่สิ หนูจะอยู่กับคุณภูเค้าที่กรุงเทพ” “คุณภู ผัวกำมะลอของเอ็งน่ะหรือ” “ใช่” “เอ็งบ้ารึเปล่า เอ็งจะอยู่กับมันได้ยังไง เอ็งบอกกับแม่อยู่แหม่บๆ เอ็งไปสวมรอยเป็นเมียมัน ถ้าวันนึงมันจำเอ็งได้ มันต้องจับเอ็งส่งตำรวจแน่” “อาจจะไม่ก็ได้นะแม่ ขนาดคุณภูเค้ารู้จากตำรวจว่าหนูโกหกเรื่องแม่ เค้ายังไม่โกรธหนูเลย” เจ๊อ้อยมองหน้าญาดา “ แม่ถามจริงๆเอ็งรักมันใช่มั้ย” “เปล่า” “เอ็งอย่ามาโกหกแม่ แม่รู้จักนิสัยเอ็งดี บอกแม่มาตรงๆ” ญาดานิ่ง เจ๊อ้อยมองจ้องตาอย่างคาดคั้น “ใช่ หนูรักเค้า เค้าเป็นคนดีนะแม่ เค้าดีกับหนูมาก ตั้งแต่หนูเกิดมาไม่เคยมีใครดีกับหนูเท่านี้มาก่อน” ญาดาบอกแววตาเป็นประกายอินเลิฟ “ไอ้ตาล เอ็งฟังแม่นะ ที่ผู้ชายคนนี้มันดีกับเอ็ง เพราะมันคิดว่าเอ็งเป็นเมียเป็นคนรักของมัน แต่เมื่อวันนึงที่มันจำทุกอย่างได้ มันจะเกลียดเอ็งแล้วเอาตำรวจลากคอเอ็งกับแม่เข้าตะราง เข้าใจ รึเปล่า” “แต่หนูว่าคุณภูเค้าคงไม่ทำอย่างงั้นหรอก เค้าบอกว่าเค้ารักหนู” “นี่ เอ็งตื่นจากฝัน แล้วมองหน้าแม่ แม่เข้าใจนะว่าเอ็งรักมันแต่เรื่องของเอ็งกับมันเป็นไปไม่ได้หรอก ลืมมันซะแล้วหนีไปกับแม่”
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ