อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 16 มิ.ย. 55

{[['']]}
 

อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 16 มิ.ย. 55

“น้อย คุณนีย์กลับมาแล้วเหรอ”
“อ้าว ไม่รู้ซิพี่ น้อยไปเก็บผ้ามา”
ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาในห้องโถงมองหาทัศนีย์ น้อยตามติด
“เอ๊ะ น้อย แล้วคุณใหญ่ล่ะ”
“พอกินข้าวเช้าเสร็จก็ขึ้นไปข้างบน”
จังหวะนั้นเสียงกรี๊ดของทัศนนีย์ดังมาจากชั้นบน
ปิ่นอนงค์ตาเบิกโพลง อุทานอย่างนึกรู้“แย่แล้ว” เวลานั้นใหญ่จับข้อมือสองข้างของทัศนีย์ มือข้างหนึ่งทัศนีย์ถือขวดครีมขนาดใหญ่ ทัศนีย์ดิ้นรนเตะถีบ ทุบถองพัลวัน ใหญ่ดันร่าง
ทัศนีย์ไปจนติดตู้เสื้อผ้า แล้วเอาตัวตามทัศนีย์ กันโดนเตะถีบทัศนีย์กรี๊ด “ปล่อยชั้นนะไอ้บ้า แก...แกกล้าดียังไงมาถูกเนื้อต้องตัวชั้น ปล่อยนะ...ปล่อยๆ” “ขืนปล่อย คุณก็ทุบผมหัวแตกซิ จะปล่อยให้โง่ทำไม” ทัศนีย์ดิ้นสุดชีวิต กรี๊ดสุดเสียง ใหญ่เหลือทนกับเสียง ยอมปล่อยทัศนีย์ ทัศนีย์หยุดจ้องหน้าใหญ่ สองคนสบตา สู้สายตากัน ทัศนีย์จะตบใหญ่ แต่ใหญ่ฉากหลบแล้วกอดรวบแขนทัศนีย์จากด้านหลัง ทัศนีย์ดิ้น “ไอ้ชั่ว ไอ้ไพร่สถุล แกจะทำอะไรชั้น” ปิ่นอนงค์ กับน้อยวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “อย่าค่ะ อย่าทำอะไรคุณนี ปิ่นขอร้องล่ะค่ะ” ใหญ่สะบัดร่างทัศนีย์ลงบนเตียง ทัศนีย์เอาหมอนขว้างใส่ใหญ่ “ไปขอร้องมันทำไมนังปิ่น มันเป็นแค่ไอ้คนงานกระจอก” ใหญ่รับหมอนได้ ชี้หน้าปิ่นอนงค์ ใหญ่โยนหมอนลงข้างทัศนีย์ แล้วชิดเท้าตรง โค้งหัวให้ปิ่นอนงค์เงอะงะอยากอธิบายว่าใหญ่คือใคร “ขอประทานโทษขอรับ นายหญิงทัศนีย์ ที่ขี้ข้าอย่างบ่าวล่วงเกินนายไป” ทัศนีย์ลุกชี้หน้าใหญ่ “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ไอ้บ้า ชั้นไล่แกออก” ใหญ่เดินออกไปยิ้มๆ ปิ่นอนงค์เลิ่กลั่กตามออกไป น้อยยืนชี้ตามใหญ่ไป ชี้กลับมาที่ทัศนีย์ จนทัศนีย์งง “เป็นอะไรของแกนังน้อย ชี้บ้าชี้บออะไร” “คะ คะคุณนีย์ รู้ตัวมั้ยคะว่ากำลังด่าใคร” ใหญ่เดินออกประตูมา ปิ่นอนงค์วิ่งตามติดมาขวางหน้า “คุณนีย์จำคุณใหญ่ไม่ได้ คุณใหญ่อย่าไปถือโทษโกรธเคืองเธอเลยนะคะ ปิ่นขอร้องล่ะค่ะ” “แหมฉันกำลังคิดอยู่พอดีว่า จะจัดการทัศนีย์ยังไง แต่คงไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ นั่นน่ะมันเด็กๆ” สองคนสบตากัน ใหญ่ยิ้มเครียด นึกถึงความแก่นเซี้ยวของทัศนีย์สมัยวัยเด็ก วันนั้นใหญ่กับปานทพเล่นลูกหินกันอยู่ ทัศนีย์เดินกินขนมด้วยท่าทางอร่อยเข้ามา ยื่นกล่องขนมให้ใหญ่ ใหญ่ยิ้มรับไมตรี รับกล่องขนมไป สบตากับปานเทพ ใหญ่เปิดกล่องขนม ในกล่องมีแต่ขี้หมา ใหญ่กับปานเทพผงะกลิ่น “ขี้หมานี่หว่า” ใหญ่ว่าอย่างแค้น ขว้างกล่องขนมทิ้ง ทัศนีย์หัวเราะเยาะใส่ แล้ววิ่งร่าเริงออกไป ปิ่นอนงค์แอบดูอยู่ไกลๆ ห้องน้ำในเรือนใหญ่ ต่อเนื่อง ใหญ่/ปิ่น/ทัศนีย์/ปาน ทัศนีย์ร้องกรี๊ดๆ ทุบประตู อยู่ในห้องมืด ปานเทพส่งถุงใส่สัตว์ให้ใหญ่ที่ปีนอยู่ตรงข้างนอกหน้าต่างที่เป็นช่องอยู่สูง ใหญ่เทถุงเข้าหน้าต่าง บรรดาตุ๊กแก จิ้งเหลน กระทั่งหนู วิ่งกันพล่าน ทัศนีย์ ตกใจกลัวร้องไห้โฮ “ฮือ ๆ ช่วยด้วยๆๆๆ ใหญ่กับปานเทพหัวเราะสะใจ แล้วออกไป ปิ่นอนงค์วิ่งเข้ามาเปิดประตูที่ล็อกสายยูไว้ จูงมือทัศนีย์ที่ปิดหน้ากระโดดเหยงๆ วิ่งหนีไป ทัศนีย์นั่งอยู่บนเตียงอ้าปากค้าง ตาโต ค่อยๆ เอามือปิดปาก น้อยยืนมองทัศนีย์ พยักหน้ายืนยัน “อะไรนะนังน้อย มัน...มันคือคุณใหญ่จริงๆเหรอ ไม่ ไม่จริง คุณน้าบอกว่า มันตายไปแล้ว” น้อยชักหมั่นไส้ “ก็เดี๋ยวคุณนายกลับมา คุณนีย์ก็ถามเอาเองก็แล้วกัน” น้อยเดินตัวลีบ หน้าสยองออกไปทัศนีย์หน้าตา เลิ่กลั่ก เริ่มกังวล ใหญ่เดินมาที่หน้าเรือนใหญ่ เห็นรถกอล์ฟไฟฟ้าจอดอยู่แล้วขึ้นไปนั่ง ที่หลังรถมีเข่ง จอบ เสียม มีดพร้า ขวาน วางอยู่ ปิ่นอนงค์เดินมาขวางหน้ารถ “อะไรอีกล่ะ ปิ่นอนงค์” “คุณใหญ่ต้องรับปากกับปิ่นก่อน ว่าจะไม่ทำร้ายคุณนีย์” “แหม คติของฉัน มันตาต่อตา ฟันต่อฟันซะด้วย” ใหญ่กวน ระหว่างนั้นน้อยโผล่มามุมหนึ่ง แอบมอง แอบฟัง “ถ้าอย่างนั้น ปิ่นกราบขอโทษแทนคุณนีย์ก็แล้วกันนะคะ” พลางปิ่นอนงค์พนมมือไหว้ ทรุดตัวจะคุกเข่า “ปิ่นขอรับโทษแทนคุณนีย์เอง” ใหญ่ลุกพรวดเข้าจับแขนปิ่นอนงค์ทั้งสองข้าง “ได้ ชั้นลงโทษเธอแทนทัศนีย์ก็ได้ ไปขับรถไป” ใหญ่จับปิ่นอนงค์ขึ้นรถในอาการงงๆ ใหญ่นั่งข้าง ใหญ่หน้าดุ ปิ่นอนงค์สงสัย “ไปไหนคะ” “ไม่ต้องถาม ขับไป” ปิ่นอนงค์ขับรถกอล์ฟออกไป น้อยส่ายหน้าสงสาร ปิ่นอนงค์ขับรถผ่านทุ่งหญ้าสวยงาม ใหญ่แอบมองปิ่นอนงค์เป็นหย่อมๆ “ปิ่นอนงค์” ใหญ่เรียก ปิ่นอนงค์สะดุ้ง “คะ” สีหน้าเครียด “จะไม่อธิบายแนะนำอะไรบ้างเหรอ “ก็ ก็คุณใหญ่ให้ขับรถ” ปิ่นอนงค์ย้อน ใหญ่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะทำมิดีมิร้าย “หมายความว่า ฉันให้ทำอะไรเธอก็จะทำทุกอย่างเลยเหรอ” ปิ่นอนงค์ตกใจ เบี่ยงตัวหนีใหญ่ รถเลยแฉลบจะชนหิน “ระวัง” ใหญ่ร้อง รีบหักพวงมาลัย ปิ่นอนงค์เซมาปะทะอกแกร่ง ปิ่นอนงค์เหยียบเบรกดังเอี๊ยด รถหยุด ใหญ่กอดปิ่นอนงค์ไว้ ใบหน้าชิดใกล้ สองคนตกอยู่ในภวังค์นิดหนึ่ง ปิ่นอนงค์รู้สึกตัวผละตัวออกมา หน้าแดงทั้งอายทั้งกลัว “ขอโทษค่ะ คุณใหญ่” รีบขับรถไปต่อ ที่มุมทำงานในไร่เวลานั้น ถวิลนั่งอยู่บนกองฟาง จอม กะเปี๊ยกก่อกองฟางอยู่ น้อยเดินหน้ามุ่ยเข้ามานั่ง ถวิลถาม “มีอะไรนังน้อย หน้าตาบอกบุญไม่รับเลยนี่หว่า” “ก็เป็นห่วงพี่ปิ่นน่ะสิลุง โดนอีกแล้ว” จอมชะงัก วางคราดพิงจอมฟาง หน้าเครียดเดินมาหาน้อย “ปิ่นเป็นอะไรน้อย ใครทำอะไรปิ่น” เปี๊ยกตามมาฟังอย่างสนอกสนใจ “ก็คุณนีย์น่ะสิ ดันไปทะเลาะกับคุณใหญ่ พี่ปิ่นขอโทษ” น้อยเล่าออกท่าทางหน้าเครียด “แทนคุณนีย์ คุณใหญ่ไม่ฟัง ฉุดพี่ปิ่นขึ้นรถไปเลย” จอมนิ่งคิด แล้วเดินรี่ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ถวิลรู้ทันรีบห้าม “เฮ้ยๆ ไอ้จอม อย่าไปยุ่งกับเค้า” จอมไม่ฟัง สตาร์ทรถขี่ออกไปฝุ่นคลุ้ง เปี๊ยกส่งภาษามือวุ่นวาย ถวิลมองตามจอมไปหน้าเครียด ปิ่นอนงค์พาใหญ่ นั่งรถไปตามมุมสวยๆ ของไร่ไพศาล ทั้งคอกสัตว์ ทุ่งเลี้ยงแกะ และส่วนของรีสอร์ต ปิ่นอนงค์ชี้ชวนนั่นนี่ ใหญ่มองปิ่นอนงค์เพลินเคลิ้มใจความสวยน่ารัก พอปิ่นอนงค์หันมา ใหญ่ก็ทำหน้าเข้มถามนั่นนี่กลบเกลื่อน ปิ่นอนงค์ขับรถผ่านต้นปีบ “จอดตรงนี้ซิ” ใหญ่บอก ปิ่นอนงค์จอดงงๆ “มีอะไรคะ” “ตรงนี้มันคุ้นๆนะ” ใหญ่ลงจากรถเดินไปที่ต้นปีบ ปิ่นอนงค์เพิ่งเก็ต วิ่งตาม “นี่ต้นอะไรนะ” ปิ่นอนงค์ไม่ค่อยอยากบอก “ต้นปีบค่ะ” ใหญ่นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต วันนั้นที่ตรงนี้ ปิ่นอนงค์เพิ่งปลูกต้นปีบเสร็จ กอบดินกลบรอบๆ โคนต้นปีบ ตบเบาๆ ใหญ่แอบมอง “โตเร็วๆ นะ ต้นปีบ เธอคือตัวแทนของคุณนะ ผู้ชายที่แสนดีของชั้น” ใหญ่เดินเข้ามาหน้าเครียดตามองจ้องที่ต้นปีบเขม็ง ปิ่นอนงค์ยืนตกใจ “คุณใหญ่ คุณใหญ่จะทำอะไร” ใหญ่ไม่ตอบตรงเข้าเตะต้นปีบจนเอนล้มลงแล้วเดินจากไป ปิ่นอนงค์ตกใจ ก่อนจะทรุดลงนั่งประคองต้นปีบ “อย่าตายนะต้นปีบ เธออย่าตายนะ” ปิ่นอนงค์ปลูกต้นปีบใหม่ ร้องไห้โฮ ใหญ่มองต้นปีบยิ้มๆ “เธอเก่งมากเลยนะปิ่นที่ดูแลต้นไม้ต้นนี้จนรอดโตมาได้ขนาดนี้ คงจะรักคนที่เค้าให้มากเลยสินะ” ปิ่นอนงค์เม้มปากมองใหญ่เขม็ง “แต่ชั้นว่าต้นปีบต้นนี้มันเกะกะ บดบังทิวทัศน์สวยๆ” ใหญ่ลงจากรถ “แถวนี้ซะหมด ตัดทิ้งเลยดีกว่า” ปิ่นอนงค์ตกใจ ใหญ่ลุกไปรื้อเข่งหลังรถ หยิบมีดกับขวานขึ้นมาดู ใหญ่โยนมีดลงเข่ง หยิบขวานเดินไปที่ต้นปีบ ปิ่นรีบลงจากรถวิ่งถลาไปที่ต้นปีบขวางใหญ่ “คุณใหญ่... คุณใหญ่จะทำอะไรคะ” “ก็โค่นต้นปีบทิ้งน่ะสิ ถามได้” ใหญ่เดินเลี่ยงปิ่นอนงค์ แล้วทำเป็นกะระยะ ทิ้งน้ำหนักลงเท้าไปมา ใหญ่เงื้อขวานช้าๆ ปิ่นอนงค์รีบเข้ามากอดต้นปีบไว้ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ น้ำตาไหลรินหลับตาปี๋ “ถ้าจะทำต้นปีบ ทำปิ่นแทนเถอะค่ะ” “นี่ถึงกับยอมตายพร้อมต้นปีบเลยเหรอ” จอมขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด รีบลงรถวิ่งมา “อย่านะครับ คุณใหญ่ ถ้าจะทำก็ทำผม” จอมมาประคองปิ่น ใหญ่โยนขวาน เดินไปขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปิ่นอนงค์ทรุดลงนั่งพับเพียบ ลูบต้นปีบไปมา ร้องไห้จอมจับไหล่ปิ่น มองอย่างห่วงใยทั่วร่างปิ่น “ปิ่น ปิ่นเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นผู้ชายภาษาอะไรวะ รังแกผู้หญิง” ปิ่นอนงค์ปาดน้ำตาส่ายหน้า “เปล่าจอม คุณใหญ่ไม่ได้ทำอะไรปิ่น” “แน่ใจนะ ไม่ต้องกลัวใครนะปิ่น จอมไม่ให้ใครรังแกปิ่นเด็ดขาด ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม” จอมมองไปคิดถึงใหญ่สีหน้าเคืองๆ ปิ่นอนงค์ค่อยๆ ลุก จอมช่วยประคอง ทัศนีย์เดินพล่านไปมาอยู่ในโถงเรือนหลังใหญ่ ทัศนีย์กดโทรศัพท์ไปมา ปากบ่นงึมงำ “ทำไมยังไม่กลับซะทีนะ คุณน้า” ครองสุขเข้ามาทันได้ยินเสียงบ่น ด่ารับขวัญ “เงินหมดหรือไง ถึงซานกลับมาบ้าน หรือถูกไอ้จิ้งเหลนนั่นมันทิ้ง” “คนอย่างหนูเหรอจะโดนทิ้ง หนูทิ้งมันต่างหาก แต่ตอนนี้ อย่าเพิ่งมาแดกดันกันเลย คุณน้า บอกหนูมาก่อนนังน้อยมันโกหกหนูใช่มั้ย ว่าไอ้ใหญ่มันกลับมาแล้ว” ครองสุขตกใจเหลียวซ้ายแลขวา “แกเจอกับมันแล้วเหรอ” ทัศนีย์ตกใจ ตาโต สองแม่ลูกที่อุปโลกน์เป็นน้าหลานจ้องตากัน แล้วทัศนีย์ก็วิ่งไป ครองสุขตะโกนเรียกก็ไม่เหลียวหลัง “เดี๋ยว นั่นแกจะไปไหน ทัศนีย์” ทัศนีย์วิ่งขึ้นมาบนห้องนอนเปิดประตูเข้าไป ลนลานเก็บของที่เอาออกกองไว้ที่เตียงเข้ากระเป๋า ครองสุข ตามเข้ามา สงสัย “แกทำอะไรของแก” “ก็เก็บข้าวเก็บของน่ะสิคะ” ครองสุขเครียดครุ่นคิด “หนูทั้งด่าทั้งตบหน้ามัน มันไม่ปล่อยเราเอาไว้แน่” ทัศนีย์เดินไป ครองสุขสั่ง “ทัศนีย์ หยุด แกจะไปไหนไม่ได้” “อะไรอีกล่ะคะ คุณน้า จะนั่งรอให้ มันมาฆ่าล้างครัวเราเหรอ รู้ก็รู้ว่าสันดานไอ้ใหญ่เป็นยังไง นี่มันแหกคุกมารึเปล่าก็ไม่รู้” ครองสุขหน้าเครียดเสียงเคร่งเข้ม “เราจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น ถ้าเราหนีมันก็ยึดทุกอย่างคืน เราก็จะไม่เหลืออะไรอีก เข้าใจมั้ย” ทัศนีย์สะบัดตัวพรืด “ช่างมันเถอะ หนูไม่สนอะไรแล้ว เอาชีวิตไว้ก่อน” ครองสุขตบหน้าทัศนีย์จนหน้ากัน ทัศนีย์อึ้ง หยุดกึก “แต่ฉันสั่งให้แกอยู่ แกต้องอยู่! ฟังให้ดี ไร่ไพศาลเป็นของฉัน ของนายนะ ของแก คนที่ต้องออกไปคือไอ้ใหญ่ไม่ใช่เรา แต่แกต้องใจเย็นๆ และเชื่อฟังฉัน เข้าใจมั้ย” ครองสุขเสียงกร้าว ส่งสายตาดุจ้องหน้าทัศนีย์ ทัศนีย์กะพริบตาครุ่นคิด ใหญ่เดินหน้ามุ่ยกลับมาที่หน้าเรือนใหญ่ เป็นจังหวะที่ครองสุขลากทัศนีย์ออกมาจากบ้าน เล่นละครว่าโมโหมาก “มานี่เลยแกมา” ทัศนีย์ร้องลั่น “โอ๊ย คุณน้า นีย์เจ็บนะ” ถึงจะเชื่อน้ำยา แต่ใหญ่หยุดมองๆ ว่าจะมาไม้ไหน “คุณใหญ่ๆ กลับมาพอดี ยัยนีย์กราบขอโทษคุณใหญ่เดี๋ยวนี้” “เรื่องอะไรกันครับ” ใหญ่เล่นตามบท “ก็ที่มันล่วงเกินตบหน้าแล้วก็สามหาวใส่คุณใหญ่น่ะซิคะ เร็วเข้ายัยนีย์ฉันบอกให้กราบ” ครองสุขรีบไปดึงข้อมือทัศนีย์เข้ามา ทัศนีย์กลัวหลบหน้าหลบตา “โธ่ คุณน้า แค่เข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยๆ ผมไม่ถือหรอกครับ” ครองสุขหยิกแขนทัศนีย์ จนทัศนีย์พนมมือไหว้ใหญ่ “นีย์ขอโทษค่ะ นีย์จำคุณใหญ่ไม่ได้จริงๆ” ใหญ่ยิ้ม เดินเข้าไปกอดทัศนีย์ซะแน่น ลับหลังทัศนีย์ทำหน้าตารังเกียจ เบ้ปากให้ครองสุข “โถ... เธอเป็นหลานน้าครองสุข ก็เหมือนเป็นน้องสาวของชั้น อโหสิๆ” ทัศนีย์พยายามดันตัวออก ใหญ่ปล่อยทัศนีย์ ครองสุข ยิ้มกริ่ม “แหม เห็นพี่น้องรักกันแบบนี้น้าก็ชื่นใจ เราน่าจะจัดฉลองต้อนรับคุณใหญ่กลับบ้าน” ใหญ่งงบ้าง “โอ๊ย ไม่ต้องหรอกครับ เอาไว้ฉลองใหญ่ตอนทรรศนะกลับมาดีกว่า” ครองสุขไม่ยอม “อุ๊ย ... ตานะมาก็ค่อยฉลองอีกทีก็ได้ สำหรับทายาทคนสำคัญอย่างคุณใหญ่ ฉลองกันทั้งปียังได้ จริงมั้ยยัยนีย์” ทัศนีย์รีบรับ “ค่ะ จริงค่ะ” ปั้นหน้าฝืนยิ้มสุด ใหญ่ยิ้มให้ในใจระแวง วันต่อมา ขณะที่ปานเทพจิบกาแฟอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมหยิบเค้กเข้าปาก เสียงโทรศัพท์ดัง ปานเทพดูหน้าจอ รูปพ่อขึ้นหราที่ในจอโทรศัพท์ ปานเทพตกใจเค้กหล่น ไอกระแอม ตั้งสติ กดรับสาย “ครับพ่อ ... เนี่ยครับ ดูไม่ได้คลาดสายตาเลย ... พ่อ คุยตอนนี้ไม่ได้ครับ ไอ้คุณใหญ่มันเข้าห้องน้ำอยู่ แล้วผมโทร.กลับนะครับ สวัสดีครับ” ก้มหน้ากดโทร.ด่วนจี๋ แต่หน้าเม้งสุดขีด “ไอ้คุณใหญ่ ไอ้เลว ไม่รับโทรศัพท์อีกแล้ว” พยายามโทร.ต่อ “ไอ้คุณใหญ่ ถ้าแกไม่โทรมาวันนี้ ฉันจะตัดหางแกปล่อยวัด ทางใครทางมัน” ปานกดวางสาย อย่างยัวะ เวลาเดียวกันจินตนาอยู่ในตลาด มือถือถุงส้ม รอรับเงินทอนจากแม่ค้าผลไม้ที่อุ้มหมากระเป๋าบนตัก จินตนาแหย่หมาด้วยความเอ็นดู “น้องกี่ขวบแล้วคะ” “ไม่รู้เหมือนกัน มีคนเอาไปทิ้งไว้แถววัด ป้าเลยเอามาเลี้ยง” แม่ค้าบอก “ว่างๆ เดี๋ยวหนูมาตรวจให้เผื่อต้องฉีดวัคซีน” ปานเทพเดินเข้ามาหน้าแผง หยิบกล้วยหอมส่งให้แม่ค้า แม่ค้าเอากล้วยใส่ถุง ปานเทพถามราคา “หวีเท่าไหร่ครับ” จินตนาได้ยินเสียงหันไปมองจำได้ ภาพตอนปานเทพเอาหมามารักษาแล้วหนีไป ผุดมากระตุกต่อมโมโหจินตนาชี้หน้าต่อว่าปานเทพเป็นชุด “คุณนี่เอง ทำไมใจร้ายขนาดนี้ ทิ้งหมาตัวเองไปได้ลงคอเค้าร้องหาคุณทุกวัน ตอนนี้ก็หนีไปแล้ว กลายเป็นหมาจรจัดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตามท้องถนน ถ้าเค้าเป็นอะไรไป จำเอาไว้เลย ว่าเป็นความผิดของคุณ” “ใจเย็นๆ นะ ฟังผมก่อน หมาตัวนั้นมันไม่ใช่หมาผม ผมอุตส่าห์อุ้มมันไปรักษาไม่ปล่อยให้ชักตายกลางถนนก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ปานเทพแจง จินตนาหรือจะเชื่อ “ฉันเจอมานักแล้ว พวกอยากทิ้งหมาแล้วมาอ้างว่าไม่ใช่เจ้าของเนี่ย เสียดายหน้าตาท่าทางก็ดี แต่ไร้น้ำใจ” ปานเทพฉุนกึก “โว้ย ขี้เกียจอธิบายแล้ว อยากจะเข้าใจยังไงก็ช่างคุณ” ปานเทพหงุดหงิด ยื่นเงินให้ป้าแม่ค้า “เอาไปเลยป้าไม่ต้องทอน” แต่แล้วป้าแม่ค้าจ้องปานเทพจะกินเลือดกินเนื้อ ด่าเต็มๆ เพราะเชื่อจินตนา “ไม่ขายแก ไอ้คนใจร้าย” ปานเทพอึ้ง “หะ” “หมาก็มีหัวใจ เป็นคนซะเปล่า แต่ดันใจหมา” ด่าอีก-ดอก “โห ป้า พูดแบบนี้ผมแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทได้เลยนะ” ปานเทพชี้หน้า น้องหมาในอ้อมกอดป้าแม่ค้า เห่าปานเทพเสียงดัง แถมขู่คำรามฟ่อๆ ปานเทพรีบหดนิ้วที่ชี้ จู่ๆ ผักไร้ที่มาก็พุ่งใส่หัวปานเทพ ตามด้วยออฟชั่นเส้นก๋วยเตี๋ยวมาอีกทาง ขนมครกตามมาติดๆ “เฮ้ยๆๆ อะไรวะเนี่ย ทำร้ายร่างกายมันผิดกฎหมายนะ โอ๊ย” แม่ค้าอีกรายตะโกนก้องตลาด “ไอ้คนใจร้าย ไอ้คนทารุณสัตว์” “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ปานเทพรีบเผ่นหนีไป จินตนามองตาม ปานเทพกัดฟัน พูดพึมพำ “เพราะแกคนเดียว ไอ้คุณใหญ่” ปานหันไปชี้หน้าจินตนา แล้ววิ่งหนีไป จินตนาสะใจ มองตามไป “สมน้ำหน้า” ปิ่นอนงค์เดินนำคนเข็นรถกับข้าว รวมทั้ง ผักสารพัด หมู ไก่ ที่จะทำอาหารจัดเลี้ยงใหญ่ เข้ามาเห็นจินตนามองใครอยู่ ปิ่นอนงค์มองตาม “จิน มีอะไรกันเหรอ” จินตนาเหลียวมองรถเข็นกับข้าว “สั่งสอนคนไม่มีความรับผิดชอบน่ะ แล้วนี่ ซื้อกับข้าวไปทำอะไรเยอะแยะ” สองสาวสบตากัน ไม่นานต่อมา สองสาวพาตัวเองมาอยู่ที่ทางเดิน มุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักอุ่นเรือนในโรงพยาบาล ปิ่นอนงค์ขรึมๆ จินตนานึกสงสัย “คิดแล้วมันไม่น่าเชื่อ คุณนายครองสุขเนี่ยนะ ลงทุนปิดไร่เลี้ยงฉลองให้ คุณใหญ่ ซึ่งจะกลับมายึดทุกอย่างไปจากคุณนาย” ปิ่นอนงค์มองครองสุขในแง่งามเสมอ “คุณใหญ่เป็นเจ้าของไร่ไพศาล คุณนายทำอย่างงี้ก็ถูกแล้ว” “เออ แล้วคุณใหญ่นี่ หล่อล่ำมั้ย เท่เหมือนพวกทายาทที่เป็นพระเอกในหนังในละครหรือเปล่า” จินตนาถามตามวาว “ก็ไม่เชิง” จินตนาขมวดคิ้ว “ดูเธอเครียดๆ นะปิ่น มีอะไรรึเปล่า” “คือเรากำลังคิดน่ะ ว่าอยากให้แม่อยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกหน่อย ตอนนี้ที่ไร่มีเรื่องยุ่งๆอยู่ ถ้ากลับไปตอนนี้กลัวแม่ไม่ได้พัก” ถึงหน้าห้อง ปิ่นอนงค์เอานิ้วชี้แตะปาก เปิดประตู สองสาวเข้าห้องมาแล้วชะงักมองเห็นอุ่นเรือนเปลี่ยนชุดเตรียมกลับบ้านนั่งรอที่เก้าอี้ จ้องปิ่นอนงค์หน้าดุ “ปิ่น ทำไมไม่บอกแม่ว่าคุณใหญ่กลับมาแล้ว” ปิ่นอนงค์งง ปิดซะมิด แม่รู้ได้ไง “ใคร ... ใครบอกแม่ล่ะจ๊ะ” “ชั้นโทร.ไปที่ไร่ นังน้อยเล่าให้ฟังหมดแล้ว” สองแม่ลูกสบตากันไปมา ปิ่นอนงค์ก้มหน้าหลบตาอุ่นเรือน ที่หน้าสำนักงานธีระ เจิดกับก้าน ยกลังเหล้าสี่ลังลงจากรถ ธีระยืนมองยิ้มๆ “ไอ้ใหญ่เอ๊ย อยู่ป่าเขาคงไม่เคยฟาดของดี ของนอกเห็นอย่างนี้คงยั้งไม่อยู่แน่” ก้านยกลังเหล้าเข้าสำนักงานเจิดบอก “ท้ายรถ ยังมีสำรองอีกนะนาย” ธีระส่งเงินให้เจิดกะก้านคนละสองหมื่น “แกกับไอ้ก้าน ทำตามแผนก็แล้วกัน ถ้าสำเร็จ ชั้นจะจ่ายให้อีกเท่านึง” สองทรชน ตาลุก ใหญ่พิงต้นไม้แอบมองอยู่มุมหนึ่งไกลๆ สงสัยว่าพวกธีระจะทำอะไรกัน ใหญ่สะดุ้ง โทรศัพท์สั่น ใหญ่เดินออกไปจากตรงนั้น ปลอดพูดโทรศัพท์อยู่ที่เหมือง “กะแล้ว ไอ้ปานต้องโกหกอา” “โธ่อา... อย่าไปดุไอ้ปานมันเลย ไม่ต้องห่วงผม ผมเอาตัวรอดได้แน่” “อย่าประมาทนะคุณใหญ่ ขนาดคุณไพศาลว่าแน่ๆ แล้วยังเสียท่าครองสุขได้” ปลอดเตือน ใหญ่เครียด “ผมไม่ลืมหรอกอา เรื่องการตายของพ่อ ผมต้องสืบหาความจริงให้ได้” เวลานั้นปลอดนั่งเก้าอี้หวายที่ระเบียง ในบ้านพักที่โรงโมหิน ถือโทรศัพท์คุยกับใหญ่อยู่ พงษ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา “เกิดเรื่องแล้วนาย คนงานมันเมาทะเลาะกันอีกแล้ว ผมเอาไม่อยู่จริงๆ” ปลอดลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง พูดกับพงษ์ “แอบต้มเหล้ากินกันอีกแล้วใช่มั้ย” “ครับ” ปลอดรู้สึกตัว รีบยกโทรศัพท์พูดต่อ “ขอโทษคุณใหญ่ ไอ้พวกคนงานมันต้มเหล้าเถื่อนกินกันอีกแล้ว คุณใหญ่ก็รู้ดีนี่ครับ ว่าฤทธิ์ไอ้เหล้านี่ มัน...ขนาดไหน จากคนกลายเป็นหมาได้เลย เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการพวกมันหน่อย ระวังตัวนะครับ” “ขอบคุณครับอา คำพูดของอาทำให้ผมเพิ่งคิดอะไรออก” ใหญ่กดวางสาย นิ่งคิดแล้วยิ้ม คิดแผนออกแล้ว “ไม่เลวนี่ คิดจะพึ่งน้ำเปลี่ยนนิสัยเหรอ เดี๋ยวจัดให้” ปิ่นอนงค์ขับรถกระบะเข้ามาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ อุ่นเรือนรีบลงจากรถ น้อยวิ่งเข้ามาไหว้ รับ “สวัสดีป้าอุ่น ดีใจจังเลยป้ากลับมาแล้ว พี่ปิ่น คุณนายบ่นอยู่ว่า พี่จ่ายกับข้าวกลับมารึยัง” อุ่นเรือนพยักหน้ารับไหว้น้อย แล้วรีบเดินเลี่ยงไป “คุณนายอยู่ไหน” อุ่นเรือนถาม “ในห้องจ้ะ” อุ่นเรือนเดินไป ปิ่นอนงค์บอกน้อย “งั้นเร็วน้อย ขนของเข้าครัวกันเถอะ” สองสาวหยิบจับถุงกับข้าวหลังรถวุ่นวาย ใหญ่เดินผ่านมา “โอ้โห ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” “ของที่จะทำกับข้าวเลี้ยงกันเย็นนี้ค่ะ” ปิ่นอนงค์บอก “ท่าทางจะเป็นงานใหญ่น่าดู” ใหญ่แซว “ใหญ่ซิคะ คุณนายบอกเลยว่าทุ่มไม่อั้น พวกคนงานคงดีใจกันตายเลย กินผัดถั่วงอกกับเต้าหู้กันมาเป็นเดือนๆ แล้ว” น้อยเหลืออดบ่นอุบ ปิ่นอนงค์ปราม “น้อย” น้อยหุบปากรีบถือของไป ปิ่นอนงค์ก้มหน้าก้มตา รวบของที่เหลือจะไป แต่พอก้าวทางนี้ใหญ่ก็ก้าวมาดัก ก้าวอีกทางใหญ่ก็ดักอีก ปิ่นอนงค์ถอยหนีจนหงายเงิบ ใหญ่คว้าตัวไว้ทันปิ่นอนงค์ตกใจ เงยหน้ามอง ใหญ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาพราว ปิ่นอนงค์รีบผลักใหญ่ออก “ขอโทษค่ะ” ใหญ่ดมตัวเอง “ชั้นเหม็นสาบมากหรือไง ถึงต้องโดดหนีขนาดนั้น” “ไม่ใช่นะคะ คุณใหญ่” “อืม ไม่ได้แล้ว คุณน้าอุตส่าห์เลี้ยงให้ชั้นทั้งที ชั้นจะงอมืองอเท้าได้ยังไง ต้องแสดงฝีมือมั่ง ขอกุญแจรถหน่อย” อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 16 มิ.ย. 55 ละคร ปิ่นอนงค์ บทประพันธ์โดย : รจเรข ละคร ปิ่นอนงค์ บทโทรทัศน์โดย : ดลกมล คนหลังม่าน ละคร ปิ่นอนงค์ แนวละคร : โรแมนติก ดราม่า ละคร ปิ่นอนงค์ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย อ๊อด ธีรศักดิ์ พรหมเงิน ละคร ปิ่นอนงค์ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ละคร ปิ่นอนงค์ เริ่มออกอากาศตอนแรก วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายนนี้ ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ