อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 15 มิ.ย. 55

{[['']]}
 อ่านละคร ปิ่นอนงค์

อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 15 มิ.ย. 55

“ใช่ซิครับ แหม กลับมาบ้านทั้งที ก็อยากกินอะไรดี ดี กับเค้าบ้าง อดอยากปากแห้งมานาน...ปิ่นมา นั่งกินด้วยกัน”ใหญ่ไม่พูดเปล่าฉุดปิ่นลงนั่งข้างๆ ทุกคนมองหน้ากัน สรุปครองสุขนั่งนิ่งอยู่หัวโต๊ะ ข้างหนึ่งเป็นธีระ ข้างหนึ่งเป็นใหญ่กับปิ่นอนงค์ มีใหญ่กินนั่นนี่อย่างเอร็ดอร่อย แต่คนอื่นกินกันแบบฝืนๆ “เสียดายนะ ทรรศนะกับทัศนีย์ไม่อยู่กินด้วยกัน จะได้พร้อมหน้าพร้อมตา” ใหญ่ว่าขณะ
คำข้าวยังคาปาก “ความจริง คุณใหญ่ไม่น่าลำบากเสียเงินทองเลย อยากกินอะไรบอก น้าให้นังปิ่นทำให้ได้” “ไม่เอาหรอกครับ เดี๋ยวปิ่นอนงค์ใส่ยาพิษแก้แค้น ตอนเด็กๆ ผมชอบแกล้งเค้า” เจอมุกอำของใหญ่ปิ่นอนงค์สำลักน้ำพรวด “แหม คุณใหญ่ก็ ทำอย่างงั้นก็อกกตัญญูเต็มที ตั้งแต่คุณใหญ่ออกจากไร่ พวกเราก็ตามหาคุณใหญ่มาตลอดแต่ก็ไม่ได้ข่าวเลย” ครองสุขหวานใส่ “ก็ตอนนั้น ผมมันเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไปอยู่ชายแดนโน่น” “เอ้อ...แล้วที่ผ่านมาคุณใหญ่ทำอะไรบ้าง” ใหญ่ทำท่านิ่งคิด โพล่งขึ้น “โอ๊ย... หลายอย่างคุณน้า แต่ที่จำได้ไม่ลืมก็คือทำหมาส่งร้านอาหารที่ชายแดน” ปิ่นอนงค์งง กระแอมถาม “ยังไงเหรอคะ” “ก็เถ้าแก่เค้าจะหาหมาดำมาให้เรา หมาดำนี่ราคาดี เค้าว่าสรรพคุณทางการบำรุง สุดยอด” ใหญ่โว “ก็เคยได้ยินมาว่าอย่างนั้น” ครองสุขกับธีระตักข้าวเข้าปากมองสบตากัน ใหญ่คุยต่อ “ตอนฆ่ามันสิครับ สนุก ต้องจับใส่กระสอบ กดน้ำให้มันอ้วก ขี้ เอ๊ย... ขับถ่ายอุจจาระออกให้หมด พอเสร็จก็เอาขึ้น” ครองสุขฟังแล้วพะอืดพะอม ใหญ่ใส่ต่อ “มาจากน้ำ ล้างทำความสะอาดแล้วก็เอาใส่น้ำเดือดๆ ในปี๊บ ถอนขนเสร็จก็เอาขึ้นเขียง จับหงายตัดคอ แล่จากคอไปถึงก้น อู๊ย....” ใหญ่ซี๊ดน้ำลาย “เครื่องในนะครับ ต้มต้องใส่ตะไคร้เยอะๆ ไม่งั้นคาว” ถึงตรงนี้ครองสุขอ้วกแตก เอามือกุมปากวิ่งออกไป ปิ่นอนงค์มองตามอย่างเป็นห่วง “เห็นใจครับ เห็นใจ คนไม่เคยกินก็อย่างนี้แหละ” ใหญ่ตักกะเพราหมูสับพริกใบกะเพราเต็มช้อน “เออ จานเด็ดอีกอย่างก็ต้องกะเพราหมาสับ ต้องเอาลิ้นกับหูมันสับเข้าไปด้วย จะได้กรึบๆ” ใหญ่ตักเข้าปาก เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ธีระไม่ไหวเช่นกันขอตัว “ขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยว” ปิ่นอนงค์มองตาม ใหญ่แอบยิ้มสะใจ ครองสุขซับปากหน้ากระจกห้องน้ำ น้ำตาคลอ ธีระเข้ามาเร่งรีบไปที่อ่างล้างหน้า เช็ด ปัด ล้างหน้า เสื้อผ้าไปมา สีหน้าขยะแขยง ธีระกระซิบกระซาบ “นี่เหรอ ทายาทไร่ไพศาล โคตรถ่อยเลยพี่” “มันถ่อย มันร้ายอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ที่เห็นนะ ออกจะหนักกว่าเก่าเยอะเลย คงไปสะสมสันดานสกปรกโสมมมาจากป่าเขา” “ดูแล้วมันจงใจแกล้งเราชัดๆ มันคงคิดว่าถือไพ่เหนือกว่า” “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันมีไพ่อะไรอยู่ในมือ ตอนนี้ต้องทำดีกับมันไปก่อน รอดูท่าทีมัน” ที่ข้างเรือนพักคนงานเวลาต่อมา ทุกคนล้อมวงกินข้าวปิ่นโตกัน คุยกันเบาๆแต่เคร่งเครียด เปี๊ยกส่งท่าทางวุ่นวายกับคนงาน ถวิลนั่งขรึมมองกองไฟ เปี๊ยกสะกิดหวานหวานแปลทันที “ไอ้เปี๊ยกมันว่า พวกคนงานสงสัยว่าใช่คุณใหญ่จริงๆ รึเปล่าที่มาก่อเรื่องวันนี้” “ข้าแน่ใจว่าเป็นคุณใหญ่แน่ๆ” ถวิลบอกจริงจัง จอมสงสัย “แล้วคุณใหญ่หายไปไหนมาพ่อ ทำไมถึงเพิ่งกลับมา” “พ่อก็ไม่รู้ ตั้งแต่วันที่แกแทงคนงานแล้วหนีไป ก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย” ถวิลว่า “ฉันอยากเห็นหน้าคุณใหญ่จริงๆ อยากรู้ว่าหน้าตาท่าทางจะเป็นยังไง” ถวิลเสียงอ่อยๆ “คุณใหญ่เปลี่ยนไปมาก มากจนข้าจำแทบไม่ได้” หวานรีบเสริม “นั่นน่ะซิ คุณใหญ่ที่ฉันนึกภาพไว้ก็ไม่ใช่แบบนี้เลย” ถวิลไม่ตอบ ดูเครียดๆ กินข้าวเฉย ใหญ่ตบพุงเรอเสียงดังเอิ้ก แถมเอานิ้วแคะขี้ฟัน ปิ่นอนงค์เมิน “อิ่มจริงๆ” ปิ่นอนงค์ลุกขึ้น “งั้นปิ่นเก็บโต๊ะ คุณนายกับผู้จัดการก็คงอิ่มแล้ว” “ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ค่อยเก็บก็ได้” ใหญ่บอก “ไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่ แมลงเยอะ มาน้อยมาช่วยกัน” ปิ่นอนงค์ท้วง พยักหน้าเรียกน้อยมาช่วย น้อยเก็บเดินไป “รู้สึกเธอจะไม่อยากสู้หน้าฉันเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า” ใหญ่แซว “ไม่มีนี่คะ” ปิ่นอนงค์ยกถาดจานจะเข้าไปที่ครัว ใหญ่ทำนิ่วหน้าเอามือกุมท้อง “โอ๊ย ปวดท้อง” ปิ่นอนงค์งง ใหญ่ล้มลงไปนอนดิ้นพราด คราวนี้ปิ่นอนงค์ตกใจรีบวางจาน “คุณใหญ่ เป็นอะไรคะ” ใหญ่ยิงมุกเก่า “เธอ...วางยาพิษฉัน” ปิ่นอนงค์ฉุกกึก “นี่คุณใหญ่ แกล้งปิ่นอีกแล้วใช่มั้ย” “ไม่ได้แกล้ง โอย” ครองสุขกับธีระเดินออกมาเห็นครองสุขร้องลั่น “ว้าย อะไรกันน่ะ” “คุณใหญ่ไม่ทราบเป็นอะไรคะ เรียกรถพยาบาลเถอะค่ะ” ใหญ่พูดกระท่อนกระแท่น “ในอา..หาร..มี..ยาพิษ” แล้วม่อยไปในอ้อมกอดปิ่นอนงค์ ครองสุขอึ้งมองหน้าธีระ พูดเสียงแผ่ว “ฝีมือเธอเหรอ” ธีระส่ายหน้าอาการงง “เปล่านะพี่” น้อยเดินออกมาในมือถือถาด ปิ่นอนงค์บอกอย่างร้อนใจ “น้อย โทรเรียกรถพยาบาลเร็ว” น้อยลนลานปล่อยถาดดังเพล้ง หน้าตื่น วิ่งไปที่โทรศัพท์ “เบอร์อะไรคะ” ครองสุขจับมือน้อยไว้ “ไม่ต้อง” ครองสุขมองธีระแล้วเก็ต ขณะที่ปิ่นอนงค์กับน้อยงง ธีระแบกใหญ่มาในห้องทรรศนะ ปิ่นอนงค์เข้ามาจัดหมอนอย่างเร่งรีบ ธีระปล่อยใหญ่นอนแน่นิ่ง ครองสุขตามมามอง “คุณใหญ่แน่นิ่งไปอย่างนี้ อาจจะเป็นอะไรมาก เราตามหมอเถอะนะคะ” ปิ่นอนงค์กังวลไม่หาย “ก็คงแค่อาหารเป็นพิษธรรมดา คนมันไม่เคยกินของดีดีแกเฝ้าไว้ เดี๋ยวฉันจะไปเอายาให้คุณใหญ่”ครองสุขพยักหน้าให้ธีระ ทั้งคู่เดินออกไป ปิ่นอนงค์มองใหญ่อย่างเป็นห่วง พอสองคนเดินเข้าห้องนอนครองสุข ประตูปิดลง “พี่ว่าไอ้ใหญ่ มันเป็นอะไร” ธีระถามทันที “อาจจะเพราะอาหารเป็นพิษอย่างพี่บอก แต่เราจะสนใจทำไม ตอนนี้เราก็ทำให้มันไม่มีโอกาสฟื้นมาอีกก็สิ้นเรื่อง” ครองสุขว่า “แต่ถ้ามันตาย ตำรวจอาจจะสงสัยเรานะพี่” “นั่นน่ะเราฆ่ามัน แต่นี่มีพยานเห็นว่ามันตายเอง..เอาเถอะ ฉันมีวิธี” ครองสุขเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบเอากล่องใส่ยาพิษออกมา เปิดกล่องมีหลอดยาเล็กๆ เก็บอยู่หลายหลอด “แค่หลอดเดียว หัวใจมันจะหยุดเต้นทันที” ธีระอึ้งที่ครองสุขเก็บซ่อนยาพิษไว้ ด้านใหญ่นอนนิ่งอยู่ ปิ่นอนงค์ร้อนใจ “คุณใหญ่สลบจริงหรอคะเนี่ย” ตัดสินใจจับมือใหญ่ พยายามคลำชีพจร แต่ไม่ชัด ปิ่นอนงค์จึงก้มลงเอาหัวแนบอกใหญ่ “หัวใจยังเต้น” ปิ่นอนงค์โล่งอกหลับตาพนมมือ “ขอให้วิญญาณคุณไพศาลคุ้มครองคุณใหญ่ ให้คุณใหญ่ ปลอดภัยด้วยเถอะ” ใหญ่แอบหรี่ตามองปิ่น พอปิ่นอนงค์ลืมตาใหญ่รีบหลับต่อ ครองสุขนวยนาดเข้ามา ถือถาดแก้วน้ำเล็กๆ ผสมยาพิษเข้ามา ธีระตามมา “เป็นไง” ครองสุขถาม “ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ” “งั้นแกป้อนยานี่ให้คุณใหญ่เร็ว” ครองสุขยื่นถาดในมือให้ ปิ่นอนงค์ถามพาซื่อ “นี่ยา อะไรคะ” “บอกชื่อไปแกก็ไม่รู้จัก” ปิ่นอนงค์ประคองหัวใหญ่ขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะใหญ่ตัวหนัก ธีระเข้าช่วยอีกข้าง ครองสุขส่งแก้วให้ปิ่นอนงค์ ใหญ่ทำทีดื่มเข้าไปแล้วอมไว้ ครองสุขกับธีระมองกันยิ้ม ทันใดนั้นเองใหญ่ก็ทำผะอืดผะอม ท่าทีขยักขย่อน แล้วก็หันหน้าไปพ่นน้ำใส่หน้าธีระเต็มๆ ใหญ่วิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วก ธีระยืนขึ้นลูบหน้าตา ปิ่นอนงค์ก็ตกใจ สักครู่หนึ่งใหญ่ออกมา “ขอโทษนะ โอ๊ย มันผะอืดผะอม อาหารร้านนี้ผมคงเข็ดแล้ว เมื่อกี๊ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่คุณน้าวิ่งไปอ้วกแล้ว” “คุณใหญ่ ไม่เป็นไรแล้วเหรอคะ” ครองสุขทำทีเป็นห่วง “เป็นซิครับ มวนท้องยังไม่หายเลย ต่อไปผมไม่ไว้ใจกินอาหารนอกบ้านแล้วละ ปิ่นเธอต้องทำให้ฉันกินเองทุกมื้อนะ โอ๊ย สงสัยจะไม่ใช่แค่ออกทางปากอย่างเดียวซะแล้ว ขอเวลานอกนะ” ใหญ่ทำท่าหนีบตูด ผลุบเข้าห้องน้ำปิดประตู ธีระโมโหสุดๆ เดินออกไป “ธีระๆ” ครองสุขตามออกไป ปิ่นอนงค์สงสัยใหญ่ ใหญ่นั่งบนบนโถส้วมปิดฝาลงยิ้มสะใจ รุ่งเช้าวันต่อมา ปานเทพดีดตัวเด้งขึ้นมาจากเตียงนอน โวยลั่นใส่โทรศัพท์ “ไอ้ใหญ่ ไอ้เจ้านายเฮงซวย แกปิดโทรศัพท์ทำไม วะ” ใหญ่ยืนมองวิวที่ระเบียง ขณะคุยกับปานเทพ “เมื่อวานเล่นสนุกมากไป ลืมเปิดโทรศัพท์ ฉันไม่เป็นไร แกไม่ต้องห่วง” “ฉันไม่ได้ห่วงแก ฉันขี้กียจฟังพ่อด่า เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหาแกที่ไร่” “เฮ้ย ยังไม่ต้องมา รออยู่ที่โรงแรมก่อน เดี๋ยวฉันจะโทร.หาอาปลอดเอง” “เฮ้ย ไอ้คุณใหญ่ อย่าเพิ่งวางหูนะโว้ย ฮัลโหลๆ” ปานเทพก้มกดโทรศัพท์ท่าทางเซ็งโครต วางสายปานเทพแล้วใหญ่เดินลงมาเห็นน้อย กำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า ใหญ่แกล้งตบโต๊ะ อย่างไร้มารยาท “ไปไหนกันหมด” น้อยหันมาสะดุ้ง คุกเข่าพนมมือแต้ “คุณใหญ่ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” “ก็ถ้าไม่ตอบคำถามฉัน ก็ไม่แน่” “คุณนายออกไปกับผู้จัดการตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับค่ะ” ใหญ่ไม่สนรู้ว่าไปไหน “แล้วปิ่นอนงค์ล่ะ” “พี่ปิ่นมาต้มข้าวต้มแล้วก็ไปแต่งตัวไปโรงพยาบาลค่ะ คุณใหญ่จะกิน เอ๊ย รับประทานเลยมั้ยคะ” ใหญ่สนใจแต่เรื่องปิ่นอนงค์ “โรงพยาบาลไป ทำไม” ปิ่นอนงค์พยายามค้นหาของมีค่า ได้สร้อยทองเส้นหนึ่งประมาณสองสลึง กับแหวนเงินสองสามวง “เอาไปให้แค่นี้ก่อนคงได้” ปิ่นอนงค์เอาของใส่กระเป๋า ปิดประตูจะออกข้างนอก ใหญ่ผลักเข้ามา “คุณใหญ่” “เธอยังไม่ได้ทำกับข้าวให้ฉันกินเลยจะไปไหน” “ปิ่นทำข้าวต้มเครื่องไว้ให้คุณใหญ่แล้ว ตอนนี้แม่ผ่าตัดหัวใจอยู่ที่โรงพยาบาล ปิ่นต้องรีบไปเยี่ยม” ใหญ่ยึกยัก “แต่ฉันไม่ได้อยากกินข้าวต้ม ฉันอยากกินอาหารฝรั่ง” ปิ่นอนงค์อึดอัด ใหญ่ดึงกระเป๋าสะพายปิ่นอนงค์ยึดไว้ “ไปทำให้ฉันไม่งั้น ฉันก็ไม่ให้เธอไป” “ค่ะ” ปิ่นอนงค์เดินออกไป ใหญ่เปิดกระเป๋าดูเห็นมีเงินสดสองพัน กับถุงใส่สร้อยกะแหวน นึกถึงเรื่องที่น้อยรายงานละเอียดยิบเมื่อครู่ที่โต๊ะอาหาร “ก็ป้าอุ่น แกผ่าตัดหัวใจน่ะค่ะ แล้วตอนนี้โรงพยาบาลก็ทวงเงินตั้งสามแสน พี่ปิ่นเลยต้องรีบไปจัดการ” “โอ้โฮ รวยไม่ใช่เล่นนะ เข้าโรงพยาบาลตั้งสามแสน” “รวยเรยอะไรละคะ ตอนนี้พี่ปิ่นยังหาเงินไม่ได้เลย เพราะคุณนายไม่ยอมจ่าย แถมด่าให้ต่างหาก อุ๊บ” น้อยรีบเอามือปิดปาก ใหญ่ควักเอาซองเงินที่โกงแกมปล้นมาจากบ่อนเสี่ยตง ยัดใส่ในกระเป๋าปิ่นอนงค์ ใหญ่ยิ้มหน้าบานอย่างสุขใจ “คงผ่อนไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่ไม่มีนโยบาย” เจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลหน้าเคร่งเสียงเครียดแต่ยังฝืนยิ้มขณะบอก ปิ่นอนงค์ซีด “แต่ตอนนี้ดิฉันยังไม่มีเงินสด ขอเวลาอีกวันนึงนะคะ ตอนนี้ดิฉันขอเอาสร้อยกับของมีค่าบางส่วนวางเป็นประกันไว้ก่อน” พลางปิ่นล้วงกระเป๋า แล้วเจอซองเงินที่ใหญ่แอบใส่ไว้งวยงง ล้วงออกมาดู เปิดออกดูเห็นเงินสามมัด ก็ยิ่งงง “นั่นไงคะ เงินสด” จินตนาพาอุ่นเรือนออกมาพอดี อุ่นเรือนทักเสียงขุ่น “ปิ่น” “แม่ แม่ออกมาทำไมจ๊ะ” อุ่นเรือนโวยลั่น “ค่าผ่าตัดตั้งสามแสน เนี่ยเหรอนิดหน่อยของแก แล้วคุณนายจะเอาที่ไหนมาให้” จินตนาหน้าเสีย “ป้าจะออกจากโรงพยาบาลให้ได้ เราเลยต้องบอกว่าเรายังไม่ได้จ่ายค่าผ่าตัด” อุ่นเรือน หันไปทางเจ้าหน้าที่ “คุณคะ ฉันไม่มีเงินหรอกค่ะ เอาชีวิตฉันไปแทนเถอะนะคะ “แม่คะ แม่ฟังปิ่นก่อน นี่ไงคะเงิน คุณนายเพิ่งให้ปิ่นมา” ปิ่นอนงค์ชูเงินให้ดู อุ่นเรือนอึ้ง จินตนากับปิ่นอนงค์พาอุ่นเรือนมาที่ห้องพักคนไข้ “ตอนที่บอก คุณนายไม่ว่าอะไรซักคำให้เงินมาเลย แต่ปิ่นบอกท่านว่า ถ้าปิ่นมีเมื่อไหร่จะใช้คืนทันที” อุ่นเรือนตื้นตันจนน้ำตาไหล ปิ่นอนงค์ตะลึง “แม่ แม่ร้องไห้ทำไมจ๊ะ” อุ่นเรือนตื่นเต้น ตาโต “โถ คุณหนูของอุ่น ยามทุกข์” อุ่นเรือนยกมือไหว้ท่วมหัว “ยามสุข ยามมียามยาก ก็ไม่เคยทิ้งบ่าวคนนี้ ขอให้พระคุ้มครองเจ้าประคู้น ปิ่น แกพาแม่กลับบ้าน แม่จะไปกราบท่าน” “ไม่ได้จะแม่ กลับตอนนี้ไม่ได้” “ทำไมไม่ได้ ที่ไร่มีอะไร” “ไม่มีจ้ะ แต่ว่าคุณนายอยากให้แม่พักอีกสองสามวัน” “ถ้าแม่กลับไปตอนนี้ปิ่นโดนดุแน่ ท่านเป็นห่วงแม่มาก” อุ่นเรือนยิ่งซึ้งใหญ่ “ปิ่นแกจะต้องทดแทนบุญคุณของคุณนายท่าน แม้แต่ชีวิตก็ต้องให้ท่านได้ จำเอาไว้นะปิ่น” “ค่ะ” ปิ่นอนงค์เข้ามาล้างแก้ว ล้างถ้วย จินตนาเข้ามากระซิบถาม “คุณนายให้เงินมาจริงเหรอ” ปิ่นอนงค์โกหก “จริงซิ ไม่งั้นเราจะเอาที่ไหนมาจ่าย” “แต่หน้าเธอมันน่าจะดีอกดีใจกว่านี้นะ หรือว่าที่เธอไม่อยากให้ป้าอุ่นกลับไร่ เพราะมีปัญหา” ปิ่นอนงค์พยักหน้า “คุณใหญ่ลูกชายคุณไพศาลกลับมา” จินตนาตาค้าง “หา” ปิ่นอนงค์ชู้ว์ปาก ใหญ่เดินเข้ามาในโรงนาเก่า กวาดสายตามองรอบๆ ภาพการต่อสู้กับผาในอดีตผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ จอมแบกจอบเข้ามาจากด้านหน้า ได้ยินเสียงในโรงนา จอมค่อยๆ แง้มดู เห็นร่างใหญ่ตะคุ่มๆ อยู่ “ใครน่ะ” ใหญ่หันมาจอมไม่เคยเห็นหน้า “แกเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในนี้” ใหญ่ไม่ถือสา “ก็มาสำรวจอะไรนิดหน่อย” ใหญ่จะเดินออก จอมขวาง “ไร่ไพศาลไม่ใช่ที่เดินเล่น” ใหญ่กวนอีก “เหรอ แหมกำลังคิดจะไปเดินเล่นพอดี” จอมเอาจอบในมือกระแทกใหญ่อัดกับกำแพง ใหญ่จับจอบดันออกแล้วเบี่ยงตัวกระชากจอบ จนจอมหน้าถลำ แล้วถีบเข้าขาพับจอมทรุดลง ใหญ่งัดจอบเข้าหน้าจอมหงายเงิบไปจอบกลายมาเป็นอาวุธในมือใหญ่แทน จอมยัวะ คว้าคราดใกล้มือมาสู้กับใหญ่ สองหนุ่มเปิดคิวบู๊ผลัดกันรุกผลัดกันรับ อย่างตื่นเต้น จอมถูกถีบกระเด็นออกมา ใหญ่ตาม เวลานี้อาวุธหลุดจากมือไปแล้วทั้งคู่ จอมเข้าแลกกำปั้น ใหญ่เน้นหลบแล้วเตะ เปี๊ยกเข็นอุปกรณ์และกระถางต้นไม้มา เห็นก็ตกใจ จัหวะนั้นเป็นคิวที่จอมได้เปรียบคร่อมอยู่บนใหญ่พอดี เงื้อมือหมายจะชก เปี๊ยกเข้าจับมือไว้ จอมโวย “เฮ้ย พี่เปี๊ยก ปล่อย ไอ้นี่มันบุกรุกไร่เรา” เปี๊ยกพูดบอกตามประสา “อ่า อ่า อ๊า” เปี๊ยกพยายามบอกจอมว่าใหญ่เป็นคุณใหญ่ จอมไม่ฟังสลัดเปี๊ยกร่างกระเด็น ใหญ่ได้ทีถีบจอมผงะ แล้วกลิ้งตัวยืนขึ้น จอมเอากระถางในรถเข็นทุ่มใส่ใหญ่ แต่เปี๊ยกเข้ามาห้ามโดนเต็มๆ กระถางแตก ดินเต็มหัว ล้มลง ถวิล หวานได้ยินเสียงเอะอะตามเข้ามา “เฮ้ย หยุดๆเดี๋ยวไอ้จอม” “พ่อ ช่วยกันจับไอ้นี่เร็ว มันแอบเข้ามาขโมยของในโรงนา” “ไม่ต้องเลย ไอ้จอม เอ็งกราบขอโทษ คุณใหญ่เดี๋ยวนี้” ทุกคนมารวมหมู่อยู่ที่ศาลาแถวเรือนพัก จอมคุกเข่าพนมมือไหว้ใหญ่ไม่ยอมกราบ “ผมขอโทษครับ” ถวิลฉุนกึก “ข้าบอกให้กราบ” จอมไม่เต็มใจแต่ก็ต้องกราบใหญ่ห้าม “ไม่ต้องๆ เรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันไม่ถือ ลูกชายฝีมือดีนี่” “ไอ้นี่มันมุทะลุครับ อึกอักอะไรก็จะต่อยจะตี” “ชื่อจอมใช่มั้ย ฉันคลับคล้ายคลับคลาว่านายหวินจะมีลูกชาย แต่ก็เลือนรางเต็มที” “ผมแยกกับแม่มันตั้งแต่มันสองขวบ พอแม่มันตายผมเลยไปรับมันมาอยู่ที่ไร่ อยู่ได้ไม่เท่าไหร่ คุณใหญ่ออกไปจากไร่” ถวิลบอก “ก็อย่างว่า ฉันไปซะหลายปี คนงานเก่าๆ ของพ่อคงแทบไม่เหลือแล้ว” ใหญ่ว่า “ครับ อย่างไอ้เปี๊ยกผัวนังหวาน มันเป็นใบ้เพราะถูกลูกหลงของพวกขี้เมา ผมสงสารก็เอาเข้ามาทำงาน ทั้งผัว ทั้งเมีย เออ แล้วคุณใหญ่เข้าไปในโรงนาทำไมครับ” “ก็แค่อยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนบ้าง” “แต่คุณใหญ่ก็เปลี่ยนไปมากเลยนะครับ” ถวิลบอกไปอย่างที่รู้สึก “หึ ทำไม มันไม่สมฐานะกับทายาทคนดียวของไร่ไพศาลใช่มั้ย” น้ำเสียงใหญ่หยันอยู่ในที ทุกคนอึกอักหลบๆ ตา จอมมองๆใหญ่ไม่ศรัทธา ครองสุขนั่งใส่แว่นดำ แต่ดูออกว่าเครียดจัด รออยู่ที่ร้านอาหารในตัวจังหวัด ธีระเข้ามา “ทำไมไปนานนัก” “คดีมันนานมาแล้วนะครับ ต้องใช้เวลาค้น” “แล้วตกลงมีวิธีเล่นงานไอ้ใหญ่มั้ย” “ไอ้ใหญ่มันโดนตั้งข้อหาพยายามฆ่า อายุความมันสิบห้าปี ตอนนี้ผ่านไปแค่สิบสอง” ครองสุขหูผึ่ง “หมายความว่า เรายังจับมันเข้าคุกได้ซิ” “เราแจ้งตำรวจได้ แต่ไม่แน่ว่าจะเอามันเข้าคุกได้ อย่างที่รู้ นายผาตายเพราะถูกรถชน ไอ้ใหญ่มันอาจจะให้การว่ามันทำไปเพราะขาดสติ ต้องสู้กันในศาลอีก” ครองสุขเม้ง “พูดอย่างงี้หมายความว่าหมดปัญญาสู้รึไง จะให้ฉันเอาสมบัติทั้งหมดถวายคืนให้มันใช่มั้ย” “ใจเย็นๆซิครับพี่ ขอผมคิดก่อน” ธีระมองๆ ไปเจอหนังสือพิมพ์วาง มีพาดหัวข่าวคดีคนฆ่ากันตายหรา “ในเมื่อคดีเก่าเล่นงานมันไม่ได้ เราก็ก่อคดีใหม่ให้มันก็ได้นี่พี่” สองคนสบตากันครองสุขเก็ตทันควัน เวลานั้นทัศนีย์ขับรถเข้ามาจอด กดแตร ไม่เห็นใครมาจึงเปิดประตู ลงจากรถ เปิดประตูหลังยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาวาง เกาะหลังคารถ “น้อย นังน้อย ปิ่นหายไปไหนกันหมดนะ” โหวกเหวกอีกรอบ ใหญ่เดินกลับมาพอดี ทัศนีย์เห็นนึกว่าเป็นคนงานไร่ เรียกจิกใหญ่ “นี่แก... แก” ใหญ่ทำเป็นหลียวหลังล่อกแล่ก “แกนั่นแหละ” ทัศนีย์บอก ใหญ่ชี้หน้าตัวเอง “เรียกผมเหรอเจ๊” ทัศนีย์ปรี๊ด “ฉันไม่ใช่เจ๊แก ระวังปากหน่อย มานี่” ใหญ่เดินเข้าไปหา ทัศนีย์เปิดประตูรถอีกข้าง ชี้ข้าวของในรถ “ยกของพวกนี้ตามชั้นมา” ใหญ่หิ้วถุงเครื่องสำอาง ถุงข้าวของสามสี่ใบเพิ่งซื้อใหม่ๆ กับกระเป๋าเดินทาง เดินตามทัศนีย์ไปเก้ๆ กังๆ ทัศนีย์หันไปมอง ดุใหญ่ “เร็วๆ สิ งุ่มง่ามอยู่ได้” “ครับ เจ๊ครับ” “เจ๊ บ้าบออะไร เรียกชั้นคุณนีย์จำเอาไว้” ทัศนีย์มองค้อน แล้วเดินนำใหญ่เข้าบ้านไป ใหญ่เดินตามทัศนีย์เข้าห้องมา ทัศนีย์ชี้นิ้วสั่งการ “กระเป๋าเดินทางเอาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าพวกถุงเครื่องสำอาง เอาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง” ใหญ่ลากกระเป๋าไปวางหน้าตู้เสื้อผ้า ทัศนีย์จัดแจงเปิดกระเป๋า ใหญ่เดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เหลือบมองทัศนีย์แวบหนึ่ง หันมาดูของในถุง ใหญ่ยกถุงใบหนึ่งโยนสูงๆ แกล้งปล่อยถุงหล่นลงพื้น เสียงขวดในถุงแตกกระจาย ทัศนีย์เหลียวขวับหันไปมอง ตกใจ ใหญ่แกล้งตกใจร้อง “อุ๊ย” ทัศนีย์ลุกขึ้นร้องกรี๊ด รีบไปหยิบถุงมาดู แล้วเขวี้ยงใส่ใหญ่ “ตาย ตายแล้ว น้ำหอม โลชั่น โทนเนอร์ของชั้น แตกพินาศหมดแล้ว แกๆ ไอ้เซ่อ ไอ้บ้านนอก” “ของมันหล่นกันได้ เดี๋ยวผมซื้อมาใช้คืนให้ก็ได้ “หน้าอย่างแกน่ะเหรอจะมีปัญญาไปซื้อมาใช้ชั้น” ใหญ่รีบเอาถุงมาเปิดดูสอดส่องไปมา หยิบขวดโรลล์ออนที่ก้นขวดแตก มาส่องดู “ทำไมจะไม่มีปัญญา นี่อะไร อ๋อ ... โรลล์ออน ไวท์เทนนิ่ง ที่ทาดับกลิ่นจักกะแร้ขาว โธ่ เดี๋ยวผมไปซื้อสารส้มมาให้สองก้อน ชุบน้ำถูกับเท้าก่อนนะ ลบความคม แล้วค่อยทาจักกะแร้ ได้ผลเหมือนกัน แต่ต้องระวังบาดจักกะแร้เป็นแผล” ทัศนีย์บันดาลโทสะตบใหญ่จนหน้าหัน “นี่แน่ะ ไอ้บ้า สารส้มถูกับเท้า เอาไว้ถูหน้าแกเถอะ ชั้นจะให้คุณน้าไล่แกออก” ปิ่นอนงค์นั่งรถรับจ้างมาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ เห็นรถทัศนีย์จอดอยู่ น้อยถือกระจาดผ้าที่เก็บจากราวเดินจากข้างบ้านมา “น้อย คุณนีย์กลับมาแล้วเหรอ” “อ้าว ไม่รู้ซิพี่ น้อยไปเก็บผ้ามา” อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 15 มิ.ย. 55 ละคร ปิ่นอนงค์ บทประพันธ์โดย : รจเรข ละคร ปิ่นอนงค์ บทโทรทัศน์โดย : ดลกมล คนหลังม่าน ละคร ปิ่นอนงค์ แนวละคร : โรแมนติก ดราม่า ละคร ปิ่นอนงค์ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย อ๊อด ธีรศักดิ์ พรหมเงิน ละคร ปิ่นอนงค์ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ละคร ปิ่นอนงค์ เริ่มออกอากาศตอนแรก วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายนนี้ ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ