อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย. 55

{[['']]}

อ่านละคร ปิ่นอนงค์

อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย. 55

“ไม่มีอะไรตานะ ไม่มีอะไร มีลูกค้าวีไอพีมาที่รีสอร์ต น้าต้องรีบไปต้อนรับก่อน”
ครองสุขวางหู
ช็อปใหญ่ขายของแบรนด์เนมที่เมืองนอกเวลานั้น ทรรศนะมาแอบหลบมุมโทรศัพท์อยู่ อรสอางค์เดินตัวปลิวเข้ามา หิ้วเดรสสวยชุดหนึ่งมาด้วย “ถูกใจมั้ย” ทรรศนะถามเอาใจ “ที่สุดเลย ไม่น่าเชื่อ พอดีเป๊ะ มีตัวเดียวด้วย โชคดีจริงๆ ใช้การ์ดของนะนะ ของอรเต็ม
แล้ว” “ไม่มีปัญหาจ้ะ เท่าไหร่จ๊ะ” “แค่สี่พันเหรียญเอง” อรสองค์หันไปบอกพนักงานขาย “ไอ เทค ดิส วัน - ฉันเอาตัวนี้” “สี่พันเหรียญ!” ทรรศนะพึมพำคิดในใจ “แสนกว่าบาท!” ทรรศนะซีด คิดหาทางออก จับแขนอรสอางค์ “อร” อรสอางค์เหลียวมามอง “หือ” “เอ่อ.....คือว่า ผมว่าอย่าเพิ่งซื้อชุดนี้เลย” “เพราะอะไร อย่าบอกว่าลืมเอาการ์ดมา อรบอกแล้วไงว่าวันนี้อรจะขอใช้ของนะ” อรสอางค์ชักสีหน้า “ไม่ใช่จ้ะ ผมเพิ่งจำได้ว่าวันก่อนนะเห็นคุณนิตลูกสาว นายเจต เสี่ยค้าทองก็ใส่ชุดนี้ เดี๋ยวกลับเมืองไทยแล้วใส่ไปเจอกันอรจะเซ็งเปล่าๆ” “จริงเหรอ เบื่อเศรษฐีใหม่ พวกนี้จริงๆ สักแต่มีเงิน ไม่ดูสารรูปตัวเองว่าจะทำแบรนด์เค้าตกต่ำขนาดไหน” ได้ผล พนักขายถามขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ “จะใช้การ์ดหรือเงินสดคะ” อรสอางค์ตอบกลับเป็นอังกฤษ ตำหนิอย่างมีอารมณ์ “ฉันไม่ซื้อแล้ว ทีหลังยูจะขายของก็ควรจะเลือกลูกค้าด้วยนะ” อรสอางค์เดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย พนักขายงงยืนเซ่อ ทรรศนะโล่งอก พูดกับพนักงานขาย “ซอรี่” ตามแฟนสาวไป ครองสุขเดินนำหน้าน้อยมา บ่นอย่างเซ็งๆ “จะโดนโจรจับได้ยังไง คนของเราในไร่ตั้งกี่คน” แต่ต้องชะงัก ตาค้าง “ว้าย...” เห็นใหญ่ล็อกแขนธีระไพล่หลังหมดสภาพ ยืนมองนู่นนี่อยู่กลางโถง ครองสุขจับกระชากตัวน้อยมายืนบังหน้า แล้วร้องโวยวาย “เรียกพวกคนงานสิ ช่วยด้วยๆ” ธีระยังปากดี “เรียกพวกมันมาก็ไร้ประโยชน์ เรียกตำรวจเลยดีกว่าครับ” ครองสุขรีบกดโทรศัพท์ มือไม้สั่นไปมา ใหญ่ผลักธีระไปหาคุณนาย “คุณน้า รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอครับ” “ชั้นๆ ไม่ใช่น้าแก” ใหญ่เอาปืนธีระออกมา เทลูกปืนออกใส่มือ แล้วเอาไปวางที่โต๊ะทั้งปืนและลูก “ทำมาก้าวร้าวกับผม เพิ่งมาอยู่ใหม่ล่ะสิ ไม่เคยเห็นหน้า” “แก แกเป็นใคร” ใหญ่หันมามองครองสุข “น้าครองสุข นี่จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ” ธีระกล้าๆ กลัวๆ ชี้หน้าใหญ่ “มันบอกว่า ชื่อชาลิต มันคือใหญ่ คุณใหญ่” ครองสุขขบกรามแน่น แล้วหัวเราะ “ชาลิตเหรอ คุณใหญ่เหรอ เค้าหายสาปสูญไปตั้งนานแล้ว” พลางครองสุขมองใหญ่หัวจรดเท้า “แกไม่ต้องมาทำแอบอ้าง หน้าอย่างแก สภาพอย่างแกเนี่ยนะทายาทของคุณไพศาล” ระหว่างนั้นถวิลกระหืดกระหอบเข้ามาในมือถือปืนยาว เปี๊ยก หวานตาม “จะมากไปแล้ว จะเป็นคนบ้าคนดีไม่รู้ แต่ให้มันมาเหยียบจมูกคนไร่ไพศาลกันแบบนี้ไม่ได้ ไหนมันอยู่ไหน คุณนาย ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา ให้คนมาลากไอ้นี่ไปส่ง...” ถวิลมองใหญ่เอาเรื่อง “ตำรวจเดี๋ยวนี้” ถวิลจ้องปืน ใหญ่เดินเข้าหาแล้วจับปืนไว้ กดปลายปืนลง ถวิลงง “สวัสดี นายหวิน ไม่เจอกันตั้งนาน” ถวิลอึ้ง “รู้จักฉันได้ไง” “นายหวินจำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำนายหวินได้แม่น นายหวินสอนให้ฉันรีดนมวัว แต่ก็โดนวัวเตะซะเอง” ถวิลอ้าปากค้าง “พอฉันอยากขี่ม้า ฉันให้นายหวินสอน จนนายหวินถูกม้าเตะอีก” ถวิลทรุดนั่งคุกเข่ากับพื้นด้วยความตื่นตันใจ “คุณใหญ่ คุณใหญ่จริงๆ ด้วย” คุณนายหรี่ตาครุ่นคิดเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงเจิงอะไรกัน แกก็บ้าไปอีกคนแล้วเหรอ” ใหญ่หันกลับเดินเข้าหา คุณนายครองสุขถอยกรูดติดกำแพง “แก แกจะทำอะไร” “ถ้าคุณน้าไม่เชื่อก็ทดสอบผมมา ผมตอบคุณน้าได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคุณน้ากับคนงานที่ชื่อไอ้ผา” ครองสุขหน้าซีดมองตาค้าง ใหญ่ยิ้มเยาะ ขณะนั้นที่บริเวณหน้าเรือนใหญ่คนงานจับกลุ่มกันแบ่งเป็นสามกลุ่ม เจิดและก้าน นั่งอยู่มุมหนึ่ง ถวิลเดินขรึมออกมา ปิ่นอนงค์กับจอมเข้ามา รถตำรวจตามติดๆ เข้ามาจอดรถหน้าเรือน ปิ่นอนงค์กับจอม วิ่งไปดึงถวิลออกมา ตำรวจมองสำรวจประเมินสถานการณ์ “โจรอยู่ไหนลุงหวิน” ถวิลส่ายหน้ามองไปที่เรือน ระหว่างนั้นน้อยเดินออกมาแอบข้างประตูจอมบอก “ปิ่น ดูพ่อด้วย ไปครับคุณตำรวจ” จอมกับตำรวจท้องที่เตรียมพร้อมจะลุยเข้าบ้านถวิลบอก “ไม่ต้องไอ้จอม” จอมงงๆ จังหวะนั้นธีระเดินกุมอกกุมท้องออกมาฝืนยิ้ม โบกไม้โบกมือ “ไม่มีอะไรครับ คุณตำรวจ มีการเข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างคนงานเก่ากับคนงานใหม่เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วครับ” ปิ่นอนงค์มองหน้าจอม คนงานมองหน้ากัน งงไปทั้งแถบ ปิ่นอนงค์ลากน้อยเข้ามาในครัวถามทันควัน “มันยังไงกันน้อย ไหนบอกว่าโจรบุกไร่ไพศาล แล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่” “ก็ตอนแรกเป็นโจร ตอนหลังกลายเป็นคุณชาคริต เอ๊ย ชาลิตทายาทไร่ไพศาล” ปิ่นอนงค์ตกตะลึงตาค้าง “คุณใหญ่ คุณใหญ่กลับมาที่นี่” ด้านใหญ่เดินเอามือไพล่หลัง สำรวจห้องหับดูโน่นดูนี่ในตู้โชว์ ครองสุขเดินตามเลิ่กลั่ก “ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยนะครับ” ใหญ่เดินไปหยุดมุมห้อง ชี้ไปตรงที่ว่างๆ เหน็บอยู่ในที “ตู้ฝังมุกตรงนี้ ชั้นไม้ฉลุลายตรงนั้น แล้วงาช้างคู่มันหายไป” ครองสุขบอก ก่อนจะย้อนถามอย่างคาใจ “ก็...ก็มันหลายปีแล้วนี่ อะไรๆ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป คุณ....คุณใหญ่กลับมาทำไม” “อ้าว....ก็นี่บ้านผม ผมออกไปผจญเวรผจญกรรมมาตั้งนานก็คิดถึงบ้านเป็นธรรมดา” ครองสุขยิ้มเยาะ “เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว เราควรจะลืมอดีตไปซะ ต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว ไปจากที่นี่ซะเถอะคุณใหญ่ อย่าลืมซิคุณใหญ่ยังมีคดีฆ่าคนตายติดตัวอยู่นะ” “ขอบคุณ คุณน้าที่เป็นห่วงผม” ใหญ่หยิบซองเอกสารที่พับอยู่ขอบหลังกางเกงออกมา โยนตรงหน้า ครองสุขงงปนตกใจ ใหญ่ชี้ซองเอกสารที่พื้น พูดเย้ย “ว่างๆ ก็เอาไปอ่านดู แล้วคุณน้าจะรู้ว่า ผมน่าจะกลับมาไร่ไพศาลตั้งนานแล้ว” ครองสุขมองซองใบนั้นงงๆ เก็บขึ้น “วันนี้ผมเหนื่อยมามากพอแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนที่ห้องก่อน” “นี่ เดี๋ยว...” ครองสุขเรียกแต่ใหญ่เดินขึ้นชั้นบนแล้ว ปิ่นอนงค์เข้ามา “คุณนายคะ คุณใหญ่กลับมาไร่ไพศาลจริงเหรอคะ” “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวจริงหรือเปล่า แกขึ้นไปเฝ้ามันไว้” ครองสุขสั่งเสร็จก็เดินถือซองออกไป ปิ่นอนงค์เหวอ ปิ่นอนงค์เดินมา ท่าทีหวาดกลัว มองๆ ไม่รู้ว่าใหญ่อยู่ห้องไหน “อยู่ห้องไหนนะ” ปิ่นอนงค์เปิดห้องนั้น ห้องนี้ก็ไม่เจอ แล้วสายตามองเห็นว่าห้องทรรศนะ แง้มไว้ เลยค่อยๆ ส่องหน้าไปดู แต่ในห้องไม่มีใคร ปิ่นเปิดประตูเข้าไป มองรอบๆ ชะโงกไปดูในห้องน้ำ ไม่มีคนอีก ปิ่นหันกลับมาใหญ่ยืนอยู่ ถอดเสื้อนอกออก เหลือแต่เสื้อกล้าม ปิ่นตะลึง “นะ นะนาย” ใหญ่กะลิ้มกะเหลี่ยใส่ “ไง สาวน้อย...” สองคนเถียงกัน “นายเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง” “คราวนี้เดินเข้ามาทางประตู” “นายย่ามใจมากไปแล้ว นายคงหนีออกไปได้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อคืนแน่” “ฉันคงไม่หนีแล้วละ คงจะอยู่ที่นี่เลย” ใหญ่บอก “อย่าบอกนะ ว่า...นี่นายมาแอบอ้างว่าเป็นคุณใหญ่เหรอ” “เฮ้อ ความจำเธอนี่มันใช้ไม่ได้เลยนะ จากกันแค่สิบปีก็ลืมฉันซะแล้ว ขนาดฉันยังจำเธอได้แม่นเลย ปิ่นอนงค์” ปิ่นอนงค์ส่ายหัว ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ นายเป็นโจร นายปล้นฉัน” “ฉันคืนของให้เธอครบทุกอย่างจะเรียกปล้นได้ไง” ว่าแล้วปิ่นอนงค์คว้าเชิงเทียนหลังตู้ออกมาขู่ “ออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะร้องตะโกนเดี๋ยวนี้” “แผลจากมีดของเธอยังไม่แห้งเลย จะเพิ่มแผลให้ฉันอีกแล้วเหรอ ใจร้ายจริงๆ” ใหญ่เดินเข้าหา ปิ่นอนงค์เงื้อเชิงเทียนฟาด ใหญ่จับไว้แล้วอีกมือกระชากร่างปิ่นอนงค์เข้ามา บิดมือจนเชิงเทียนตกไป ยื่นหน้าไปใกล้ ปิ่นอนงค์ร้องลั่น “อย่า…” “ฉันเป็นโจรนะ เธอยั่วโมโหฉันแบบนี้ฉันคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแล้วละ อยากให้ลงโทษยังไงดี ข่มขืน หรือฆ่าหมกศพในช่องแอร์” ใหญ่กำมือทำท่าจะบีบคอ ปิ่นอนงค์หลับตาปี๋น้ำตาไหล ใหญ่สงสารคลายมือ “เธอนี่มันหลอกง่ายตามเคยนะ ยัยปิ่น ปอดแหก” ปิ่นชะงักลืมตามองใหญ่เขม็ง พร้อมๆ กับที่ภาพจำสมัยวัยเด็กผุดขึ้นมาในหัว ตอนกลางวัน วันนั้น ใหญ่ซึ่งตอนนั้นเป็นวัยรุ่น นั่งหน้าเครียดอยู่ที่ศาลา ปิ่นอนงค์เดินถือถาด มีข้าว กับแกงถ้วยหนึ่งกลัวๆ “คุณใหญ่คะ แม่ให้เอาข้าวมาให้คะ” “ฉันไม่กิน” “แต่คุณใหญ่ไม่กินข้าวมาทั้งวันแล้วนะคะ แม่บอกว่า ถ้าโมโหด้วย หิวด้วยจะเป็นโรคกระเพาะ” ใหญ่มองปิ่น นึกเอ็นดูนิดนึง แล้วคิดจะแกล้ง “ฉันจะรู้ได้ไง ว่าพวกเธอไม่ใส่ยาพิษมาในอาหารนี่” “ไม่หรอกค่ะ แม่ไม่ใส่ยาพิษหรอก เมื่อกี๊แม่ก็ให้ปิ่นชิม ปิ่นยังไม่ตายเลย” ใหญ่หรี่ตาแกล้งต่อ คว้าข้าวมาตักแกงใส่กินเคี้ยวแล้วทำท่าชะงักพ่นข้ามา กุมท้องลงไปชักดิ้นชักงอ “คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรคะ” ใหญ่บอกเสียงกระท่อนกระแท่น “เธอ วาง ยา พิษ ฉัน ...ฉันจะฆ่าเธอ” ใหญ่ยื่นมือตะเกียกตะกายน่ากลัว “ไม่ อย่านะคะ ปิ่นไม่รู้เรื่อง ฮือๆๆ ปิ่นกลัวแล้ว” ปิ่นหลับตาไหว้ปลกๆ ใหญ่ทนไม่ไหวระเบิดหัวเราะออกมา ปิ่นงง “ยัย ซื้อบื้อ หลอกอะไรก็เชื่อ ยัยปิ่น ปอดแหกฮ่าๆๆๆ” คำพูดล้อนั้นดังก้อง ดึงปิ่นอนงค์กลับมา และเชื่อว่าเป็นใหญ่จริง “คุณใหญ่” “จำฉันได้แล้วเหรอ ยัยปิ่นปอดแหก ดีงั้นก็มาผสมน้ำให้อาบหน่อย เหนียวตัวมาก” ใหญ่หันหลังให้ทำท่าจะถอดเสื้อ ปิ่นอนงค์ถอยกรูดไปที่ประตูแล้วเปิดวิ่งออกไปเลย ใหญ่เรียกตามหลัง “ปิ่น” ใหญ่หันไปมองปิ่นอนงค์หายไปแล้ว ใหญ่รู้ว่าหนี ยิ้มออกมา ชอบใจนัก ปิ่นอนงค์วิ่งกระเซอะกระเซิงลงมาชนโครมจนน้อยหงายท้อง “อู๊ย พี่ปิ่น วิ่งหนีอะไรมาเนี่ย” “ขอโทษ น้อย ขอโทษ” ปิ่นหน้าตาตื่น น้อยมองสังเกตจับกิริยา “หรือว่า พี่ปิ่นถูกคุณใหญ่ไล่ปล้ำ” “บ้าเหรอน้อย ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย” “ก็เห็นสภาพยู่ยี่แบบนี้...พูดจริงๆนะ คุณใหญ่เนี่ยยังกะพวกโจรในหนังไทย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกชายเจ้าของไร่” ปิ่นอนงค์จุ๊ปาก “ชู้ว์ น้อยอย่าพูดแบบนี้อีกนะ” ปิ่นอนงค์ออกอาการกลัวมาก “ถ้าไม่อยาก...” ใจจริงอยากจะบอกว่าเจ็บตัว แต่ไม่กล้าพูด “เดือดร้อน...” น้อยพลอยกลัวไปด้วย พูดกระซิบเสียงเบาๆ “พวกคนงานบอกว่าคุณนายกับคุณใหญ่เกลียดกันอย่างกะอะไร แล้วคุณใหญ่ยังจะให้พวกเราอยู่ที่นี่เหรอพี่ปิ่น” นั่นสินะ...ปิ่นอนงค์เองชักเป็นกังวล ครองสุขหอบซองเอกสารมาโผล่ที่บ้านพักธีระ อ่านหลักฐานที่ใหญ่ให้มา แล้วต้องตกใจ “อะไรกันเนี่ย นี่มันสืบเรื่องไอ้ผาขนาดนี้เชียวเหรอ” ธีระงง “อะไรพี่” ครองสุขโยนไปบนโต๊ะ ธีระเก็บมาดู อ่าน “หลักฐานการตายของนายผา พากเพียร เอ๊ะ นี่มันคนงานที่ไอ้คุณใหญ่ฆ่าตายไม่ใช่เหรอ ทำไมในนี้บอกว่า มันถูกรถชนตาย” ธีระมองหน้าครองสุขเขม็ง “พี่มีอะไรปิดบังผมรึเปล่า” ครองสุขนิ่ง นึกถึงเหตุการณ์หลังตนบอกว่าผาตาย จนใหญ่หนีเตลิดไป แท้จริงแล้วผายังไม่ตาย ภายในห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลคืนนั้น ครองสุขนำผามารักษาตัว โดยบอกไพศาล และให้การกับตำรวจว่าตนถูกใหญ่ทำร้าย และผาเข้ามาช่วยจึงถูกแทง ตำรวจ 2 นาย ยืนคุยกันอยู่ ขณะที่ครองสุขสะอื้นซับน้ำตา ส่วนผานอนอยู่บนเตียง เห็นชัดว่ามีผ้าพันแผลที่ซอกคอ พยาบาลให้เลือด และน้ำเกลือ หน้าตาอิดโรย นายตำรวจยศ ร.ต.ท. เจ้าของคดีจดบันทึกในสมุดโน้ต ขณะฟังคำให้การไป “นายผาให้การกับผมว่า คุณใหญ่จะทำร้ายคุณครองสุข” จดไปเป็นระยะ “นายผาเข้าห้ามปราม เลยถูกแทง” ไพศาลสวนออกมา “ถึงไอ้ใหญ่มันจะอารมณ์ร้อน แต่มันไม่ใจร้ายถึงกับฆ่าคนหรอกผมเชื่อ” ครองสุขได้โอกาสสร้างภาพ “ฉันเองก็ไม่ถือสาหรอกค่ะ เราไม่เอาเรื่องคุณใหญ่ไม่ได้เหรอคะ” “ไม่ได้หรอกครับ นี่เป็นคดีอาญา ผมอยากให้ทางคุณร่วมมือกับตำรวจด้วย ถ้าลูกชายคุณติดต่อมา ขอให้แจ้งผมทันที” หลังผู้หมวดหนุ่มออกไปแล้ว ไพศาลหันมามองครองสุขหน้าเครียด สลับกับมองผาที่เตียง “ถึงใหญ่มันจะเกเรยังไง ผมก็รู้จักลูกของผมดี ไอ้ผามันต้องปิดบังอะไรแน่ๆ” “คุณ... คุณไม่ไว้ใจชั้น คุณใหญ่เกลียดชั้น จะฆ่าชั้น” ครองสุขร้องไห้ฟูมฟายโมโห “คุณยังมาสงสัยอะไรอีก ใช่ซิเลือดมันต้องข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว ฮือๆๆ” “ไม่เอาน่า ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย” ไพศาลอึ้ง จุกอก ซวนเซ ครองสุขหน้าตื่นเข้าประคอง “คุณ... คุณไพศาล เป็นอะไรไปคะ เรียกหมอมั้ยคะ” ไพศาลฝืนตัว โบกมือ “ไม่... ไม่ต้อง” ขณะที่ครองสุขโอบเอวไพศาล หันไปสบตาสะใจกับผา อีกคืนหนึ่ง กลิ่นคาวโลกีย์คละคลุ้งอยู่ในโรงนาที่ถูกแปรเป็นรังรัก ครองสุขเสร็จกามกิจแล้ว ยืนแต่งตัว ติดกระดุม สอดส่องสายตาหวาดระแวง ใช้มือจับแต่งผมให้เหมือนปกติ ผานั่งใส่เสื้อ เห็นผ้าปิดแผลเลิกลง ครองสุขรีบบอก “หลบไปอยู่ที่อื่นสักพักก่อน ให้แน่ใจว่าไอ้ใหญ่ไม่กลับมา แล้วค่อยว่ากัน” ผาเข้ากอดข้างหลังพูดเสียงแผ่ว “ได้เป็นเจ้าของไร่เต็มตัวเมื่อไหร่ อย่าลืมผัวเก่าคนนี้นะจ๊ะ” “รีบๆ เข้าเถอะ เงินซ่อนเอาไว้ที่แทงค์น้ำหลังไร่ อย่าลืมล่ะ เดินอ้อมเขาไป เดี๋ยวใครเห็น” ผาจูบไซ้ซอกคอ ครองสุขยิ้มสะใจ ไม่นานต่อมา ผาเดินมาตามถนน ผ่านโค้ง ก้าวลงเนิน ขณะที่แลเห็นแสงไฟหน้ารถคันหนึ่งค่อยๆ โผล่จากโค้ง แต่แล้วรถคันนั้นก็เร่งความเร็วเต็มที่พุ่งเข้าหาผาทางด้านหลัง ผายินเสียงเร่งเครื่องรู้สึกตัว หันไปมอง ไฟสูงหน้ารถส่องเต็มหน้า ผาตกใจ พอชนจนร่างผากระเด็นหายไป รถเบรกเอี๊ยด ผานอนกระตุก ตะเกียกตะกาย ห่างจากหลังรถราวสิบเมตรเห็นจะได้ รถถอยหลังทับผาซ้ำ ด้วยฝีมือครองสุขที่กำลังจับพวงมาลัยรถแน่น สีหน้าเหี้ยม มองอย่างสะใจ ครองสุขใส่เกียร์ขับรถออกไป โดยมีซากผานอนผิดรูปร่างแน่นิ่ง ตายอย่างน่าอนาถอยู่ตรงนั้น ธีระฟังแล้วอึ้งๆ ที่รู้ว่าครองสุขนั้นเหี้ยมโหดกว่าที่คิด “นายผาเป็นพ่อของทรรศนะกับทัศนีย์” ธีระเดาเอา “ใช่” ธีระเดาต่อ “แต่พี่ก็ฆ่าปิดปากนายผา ทั้งๆ ที่มันเป็นพ่อของลูกพี่” “ไอ้ผามันไม่เคยทำหน้าที่พ่อ ตั้งแต่พี่ได้กับมัน มันเอาแต่กินเหล้าเข้าบ่อน ผลาญสมบัติตระกูลพี่จนหมด พี่ถึงต้องซานมาเกาะไอ้ไพศาลไงล่ะ” ครองสุขคร่ำครวญ “แล้วจะทำยังไง ถ้าไอ้ใหญ่มันรู้ว่าเป็นฝีมือพี่ คนที่ต้องติดคุกก็คือพี่นะ” “มันจะไม่มีวันรู้” ครองสุขคำรามในลำคอ “ถ้าพี่คิดจะเก็บมัน ผมว่ายากแล้วล่ะ ตอนนี้ผมลงหนังสือพิมพ์ประกาศหาตัวมันตามขั้นตอนแล้ว ถ้ามันเกิดเป็นอะไรไป ตำรวจสงสัยเราแน่ ครองสุขขัดใจนัก “ไอ้ใหญ่...ไอ้ตัวมาร” โมโหระเบิดอารมณ์ปัดของกระจาย “ฉันไม่มีวันยอมแพ้มันหรอก” เดินพล่านไปมา ธีระดูหลักฐานในมือ “ที่สำคัญ ผมสงสัยว่าจะมีคนที่มีฝีมือมาช่วยมัน ไม่งั้นมันจะไปได้เอกสารพวกนี้มาจากไหน” ปานเทพขับรถไปบนทางเบื้องหน้าอย่างกลุ้มใจ “ทำไงดีวะ ถ้าเข้าไปในไร่ ก็ต้องโดน ไอ้คุณใหญ่ด่า แต่ถ้าไม่ไปก็โดนพ่อด่า” บ่นไม่ทันขาดคำโทรศัพท์ดัง หน้าปลอดขึ้นมาหน้าจอ “พูดถึงก็มาตามคำเรียกร้องเลย...โทษนะพ่อ โทรศัพท์ขณะขับรถมันผิดกฎหมาย” ปานเทพไม่รับ เสียงชนหมาโครม ร้องเอ๋งๆๆๆๆ ปานเทพเบรกกึกทันที มองไปที่หน้ารถแล้วรีบลงไป ปานเทพบ่นอุบ “เวรแล้วไง” ปานเทพพาตัวเองและน้องหมา มาอยู่ในคลินิกรักษาสัตว์ ที่ตั้งอยู่ในสำนักปศุสัตว์อำเภอ ที่ทำงานของจินตนานั่นเอง แต่แยกส่วนออกมาต่างหาก สภาพไม่ต่างจากคลินิกรักษษสัตว์ของเอกชนทั่วไป เห็นอุปกรณ์ และรูปสัตว์ต่างๆ ติดบนผนังคลินิค ระหว่างนั้นปานเทพนั่งร้อนใจอยู่ ขณะที่จินตนาเดินอุ้มน้องหมาออกมา พันหาง พันขาแล้วหน้าตาจินตนาบูดบึ้ง อยู่ในเคาน์เตอร์ ปานรีบเดินยิ้มเข้ามาหา จินตนาหน้าดุถามหาเจ้าของ “สุนัขใครคะ” ปานเทพรีบรับ “ผมครับ ไม่ตายใช่มั้ย ค่อยยังชั่ว ค่ารักษาเท่าไหร่ครับ” “ที่ถูกคุณขับรถทับน่ะ ไม่เท่าไหร่ แค่หางเป็นแผล แล้วก็ขาหัก แต่อาการอื่นนี่ซิ” ปานเทพหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาหน้ามุ่ย “อาการอื่นอะไรครับ” “คุณเลี้ยงน้องหมายังไง ทั้งพยาธิ เห็บหมัด ครบเลย ดีนะยังไม่มีขี้เรื้อน” ปานเทพอ้าปากจะเถียง จินตนาร่ายอาการต่อ “เลือดจาง แถมยังอาจจะเป็นลำไส้อักเสบ แสดงว่าอาหารการกินแย่มากๆ” ปานเทพเอ้ออ้า “คือ...” ยกมือพยายามจะขออธิบาย “สุนัขเค้ารักเจ้าของแค่ไหนคุณรู้มั้ย” จินตนาปัดมือปานเทพลง “เค้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เลยนะถ้าไม่รักเค้าจริงก็อย่าเลี้ยงเค้าเลยคุณ” ปานเทพไม่ไหว ถูกสวดฝ่ายเดียว “หยุด” ปานเทพแค้นควักเงินพันหนึ่งวางให้เจ้าหน้าที่ที่เก็บเงินอย่างเหลืออด “ค่ารักษา แค่ขาหัก แค่นี้คงพอนะครับ” จากนั้นปานเทพก็รีบออกไป จินตนางงชะเง้อชะแง้ ร้องเรียกตามหลัง “อ้าว คุณๆ” ปิ่นอนงค์ กับน้อยกำลังจัดโต๊ะอาหาร มีจานเปลจากภัตตาคาร อาหารคาวหวานหลายจานห่อพลาสติค “แปลกจริงนะพี่ปิ่น ในเมื่อคุณนายกับคุณใหญ่ไม่ถูกกัน ทำไมคุณนายถึงสั่งอาหารจากภัตตาคารมาเลี้ยงคุณใหญ่ขนาดนี้” ปิ่นกระซิบกระซาบ ตั้งข้อสังเกตปนสังกา “ยังไง คุณใหญ่ก็เป็นลูกเจ้าของไร่นี้ คุณนายท่านทำถูกแล้วละ” ครองสุขกับธีระเดินเข้ามา ครองสุขถาม “ทำอะไรกัน” น้อยรีบบอก แล้วถามต่อ “อาหารที่คุณนายสั่งเพิ่งมาถึงค่ะ คุณนายจะให้จัดกี่ทีคะ” “ฉันไม่ได้สั่ง เธอสั่งเหรอธีระ” ครองสุขหันมาถามธีระ “เปล่านี่ครับ” ครองสุขเหลียวขวับมาทางปิ่นอนงค์ “เอาอีกแล้วนังปิ่น แกใช่มั้ย นี่แกเป็นบ้าอะไร” “ปิ่น...” ปิ่นอนงค์อึกอัก “ทำไม แกดีใจมากเหรอที่ไอ้ใหญ่มันกลับมา ถึงกับจะจัดฉลองเนี่ย ฮะ ไปเลยเอาไปทิ้งให้หมด” ครองสุขด่าอย่างโมโหโกรธา “ทิ้งทำไมคะ ของดีดีทั้งนั้นเสียดาย” ครองสุขตวาด ทำท่าจะร่อนจาน “นังน้อย” เสียงใหญ่ร้องขัดขึ้นก่อน “โอ๊ย หิวๆ ๆๆๆ” ทุกคนหันไปทางเสียง ใหญ่ถอดเสื้อ นุ่งกางเกงเล ตัวเดียว เดินมาจากชั้นบน “โห อาหารมาแล้วก็ไม่บอก” ครองสุขยกจานค้าง ใหญ่เข้ามาดูๆ ยิ้มแฉ่ง “น่าสวาปามทั้งนั้น” ใหญ่รับจานมาจากมือครองสุข แล้วกระชากพลาสติคใสที่หุ้มจานออก เอาขาไก่มากัดกิน เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย “อ้าว กินกันเลยซิ นั่งๆ ไม่ต้องเกรงใจ ของดีดีทั้งนั้น” ใหญ่เชื้อชวน “เอ้อ คุณใหญ่เป็นคนสั่งอาหารพวกนี้มาเหรอ” ครองสุขจ๋อย “ใช่ซิครับ แหม กลับมาบ้านทั้งที ก็อยากกินอะไรดี ดี กับเค้าบ้าง อดอยากปากแห้งมานาน...ปิ่นมา นั่งกินด้วยกัน” อ่านละคร ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย. 55 ละคร ปิ่นอนงค์ บทประพันธ์โดย : รจเรข ละคร ปิ่นอนงค์ บทโทรทัศน์โดย : ดลกมล คนหลังม่าน ละคร ปิ่นอนงค์ แนวละคร : โรแมนติก ดราม่า ละคร ปิ่นอนงค์ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด โดย อ๊อด ธีรศักดิ์ พรหมเงิน ละคร ปิ่นอนงค์ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ละคร ปิ่นอนงค์ เริ่มออกอากาศตอนแรก วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายนนี้ ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ