อ่านเล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 1 วันที่ 20 มิ.ย. 55

{[['']]}
แสงแดดยามเช้าสาดส่องทั่วเมืองฟ้าอมร ภายในโรงแรมกลางกรุงเทพฯ ชายหนุ่มหลับอย่างสบายอารมณ์ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขา สะดุ้งตื่น พลางควานหาโทรศัพท์มือถือ ที่วางอยู่ข้างแหวนวงงาม เมื่อกดรับสายก็ได้ยินเสียงปรารภทนายความประจำตระกูลโทร.มาแจ้งว่า ตอนนี้มารออยู่ที่ล็อบบี้ข้างล่างแล้ว

ชายหนุ่มนั้นคือ อนาวิน เขาเด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ พลางหันไปบอกแม่สาวผมบลอนด์ที่นอนอยู่ข้างตัวเป็นภาษาอังกฤษว่า “DARLING THE TIME IS OVER YOU HAVE TO GO NOW” แล้วจุ๊บแก้มของเธอ ก่อนลุกไปแต่งตัว โดยไม่ลืมที่จะสวมแหวนประจำตระกูลติดนิ้วก้อยไปด้วย เพราะเป็นนิ้วเดียวที่สวมได้ พ่อหนุ่มมาดเข้มมองแหวนพลางส่งยิ้มมีเลศนัย

เวลา เดียวกัน บุญทันหนุ่มหน้าซื่อเดินเข้ามาในอาณาเขตบ้านวริทธิวรนันท์ เขาหยุดมองรอบๆบริเวณบ้านด้วยแววตาครุ่นคิด คำขู่ของชายลึกลับดังแว่วมา “ถ้าไม่อยากตาย อย่ากลับมาเมืองไทย”

“นายบุญทันใช่ไหม” ต้นหอมสาวใช้วัยรุ่นเข้ามาถามบุญทันจำต้องพักเรื่องคาใจไว้หันไปตอบรับ

แม่สาวใช้ว่าใช่ จะมาขอพบคุณนภา ต้นหอมกระดี๊กระด๊าเพราะหล่อเข้าตา เธอรีบพาชายหนุ่มไปพบนภาที่ตึกใหญ่

นภา หญิงวัยห้าสิบท่าทางเจ้าระเบียบนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร บุญทันยกมือไหว้ เห็นเธอกวาดตามองอย่างสำรวจก่อนมอบหมายหน้าที่ประจำให้ทำ นั่นคือขับรถให้คุณปู่ และถ้ามีเวลาว่างก็ให้ช่วยล้างรถ ทำสวน พรวนดินด้วย บุญทันรับคำอย่างว่าง่าย นภาพอใจสั่งให้ต้นหอมพาบุญทันไปที่บ้านพักคนงาน

“ค่ะ” ต้นหอมพยักหน้าให้บุญทันเดินตามไป แต่ไม่ทันพ้นประตู ปารมีลูกสาวของนภาก็เดินสวนเข้ามา เธอเหลือบมองบุญทันแล้วตั้งคำถามกับแม่ว่า เขาเป็นใคร

นภาว่าเป็นคนขับรถคนใหม่ของคุณปู่ ปารมีรีบติงกลัวจะไว้ใจไม่ได้ นภาถอนใจบ่นกับลูก

“สมัยนี้บอกไม่ได้หรอกลูก ว่าใครไว้ใจได้หรือไม่ได้ มันต้องอยู่กันไปก่อนถึงจะรู้ว่าไว้ใจได้แค่ไหน”

ooooooo

ด้านอนาวิน เขาเดินเข้ามามองหาปรารภในล็อบบี้ แล้วปรารภที่นั่งรออยู่ก็ลุกเดินมาถามชายหนุ่ม

“ขอโทษครับ คุณภูบดีรึเปล่าครับ”

“ใช่ครับ คุณคงเป็น...”

“ผมปรารภ ทนายของคุณท่าน”

“สวัสดีครับ คุณลุงปรารภ ขอโทษทีนะครับที่ตื่นสายไปหน่อย มันเจ็ทแลคน่ะครับ นอนผิดเวลาเลยงง” อนาวินยกมือไหว้

“ไม่ เป็นไรครับ ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทย ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคุณภูจะโตเป็นหนุ่มขนาดนี้ ผมจำได้ว่าเคยไปพบคุณพ่อคุณแม่คุณที่อเมริกาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคุณภูแค่ขวบเดียวเอง แต่น่าเสียดายนะครับคุณพ่อคุณแม่คุณไม่น่าอายุสั้น เลยไม่ได้กลับมาพบคุณท่าน”

“ครับ ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ท่านก็คงคิดถึงคุณปู่เหมือนกัน”

“แล้วนี่คุณภูจะเข้าไปพบคุณท่านวันนี้เลยไหมครับ”

“ผมขอเวลาซักสองสามวันได้ไหมครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องเคลียร์นิดหน่อย”

“ได้ ครับ เอาเวลาที่คุณภูสะดวก นี่ถ้าคุณท่านรู้ว่าคุณภูอยู่เมืองไทยแล้ว ท่านต้องดีใจแน่ เดี๋ยววันนี้ผมจะเข้าไปบอกท่าน เอาล่ะครับ ผมไม่รบกวนเวลาคุณภูแล้ว”

“สวัสดีครับ” อนาวินยกมือไหว้อีกครั้ง

ปรารภ ชะงักเมื่อเห็นแหวนที่นิ้วก้อยของชายหนุ่ม เขาเปรยว่า ดีใจที่แหวนประจำตระกูลยังอยู่ อนาวินบอกว่ามันเป็นแหวนแต่งงานที่คุณพ่อให้คุณแม่

“รักษาให้ดีนะครับ มันเป็นแหวนสำคัญที่จะใช้ยืนยันว่าคุณเป็นทายาทของวริทธิวรนันท์”

อนาวินยกแหวนในมือขึ้นมองพลางอมยิ้มอย่างมีนัย

ครั้น ปรารภกลับไปแล้ว อนาวินก็โทร.หาภูบดีหรือบุญทันเจ้าของแหวนตัวจริง บุญทันที่จัดเสื้อผ้าอยู่ในห้องพัก เห็นเบอร์ของเพื่อนรักโชว์ท่ีหน้าจอก็กดรับพร้อมกับรายงานว่า เข้ามาอยู่ในบ้านวริทธิวรนันท์เรียบร้อยแล้ว

อนาวินเบาใจบอกต่อว่า อีกสองวันตนถึงจะเข้าไปที่บ้านหลังนั้น แล้วนัดหมายให้บุญทันออกมาพบเพื่อซักซ้อมแผนการก่อนเริ่มงาน ภูบดีรับปากว่า จะออกไปพบในตอนบ่าย เพราะวันนี้ยังไม่ได้เริ่มงาน

“โอเค เดี๋ยวเจอกัน ระวังตัวด้วยล่ะ” อนาวินกดปิดโทรศัพท์ แล้วสไลด์หน้าจอไอโฟนเปิดหาข่าวจะอ่าน แต่จู่ๆก็มีสาวสวมแว่นดำนางหนึ่งเข้ามานั่งในฝั่งตรงข้าม และทำเหมือนไม่เห็นอนาวินที่นั่งอยู่ก่อน

อนาวินบอกกับเธอว่า โต๊ะนี้มีคนนั่งแล้ว แต่แม่สาวกลับยืนกรานว่าเป็นโต๊ะของเธอแถมยังพาลหาเรื่อง เมื่อทั้งสองเถียงกันได้สักพัก อนาวินก็รู้ว่าเธอตาบอด เขาเห็นใจแม่สาวตรงหน้าจึงอาสาจูงออกไปส่งข้างนอก

แม่สาวคนสวยเล่า เรื่องราวของตัวเองว่า ตาบอดมาตั้งแต่เด็กจึงถูกคนแกล้งอยู่เป็นประจำ และครั้งหนึ่งเคยมีคนหลอกให้ยืนคุยกับเสาไฟฟ้าอยู่ตั้งนาน กว่าจะรู้ตัวก็อายคนอื่นแทบแย่ จึงทำให้เธอไม่ยอมไว้ใจใคร

อนาวินสงสารจับใจ เขาจูงมือเธอไว้แน่นเพื่อจะพาข้ามถนน ทันใดนั้นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามา

“ระวัง” อนาวินรวบตัวสาวไว้

เจ๊ อ้อยคนขี่มอเตอร์ไซค์หันมาตะโกนด่า อนาวินฉุนเข้าไปเอาเรื่อง และขู่ว่าจะโทร.เรียกตำรวจมาเคลียร์ เจ๊อ้อยเห็นท่าไม่ดีรีบขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป

อนาวินกลับมาดูแลแม่สาว ตาบอด เห็นเธอมีแผลถลอกก็ตกใจ ส่วนแม่สาวเมื่อรู้ว่าตัวเองมีบาดแผลก็หน้าเสียบอกว่า เธอเป็นเบาหวาน หมอห้ามมีแผล เห็นทีจะต้องรีบล้างแผล

ชายหนุ่มอาสาพาไปโรงพยาบาล แม่สาวลอบยิ้มอ้างว่าแผลนิดเดียวคงไม่เป็นไร แล้วอ้อนให้อนาวินช่วยทำแผลให้ อนาวินติดกับพาเธอกลับไปที่ห้องพัก

ooooooo

“คุณนั่งตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมล้างมือก่อน” อนาวินเดินเข้าไปในห้องน้ำ

แม่ สาวตาบอดมองตาม เมื่อเห็นอนาวินลับตาไปแล้วก็ถอดแว่นออก และเห็นชัดว่าเธอไม่ได้ตาบอด ตาลหรือญาดาสาวสิบแปดมงกุฎมองสำรวจทั่วห้องพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่ออนาวินเดินออกมาเธอก็แสร้งทำเป็นตาบอดเช่นเดิม

“มาแล้วครับ” อนาวินเข้ามานั่งข้างๆตาล แล้วหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าปฐมพยาบาลมาช่วยทำแผลให้ ตาลลอบยิ้มแล้วชวนชายหนุ่มคุยจนได้รู้ว่าเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา

เมื่อ ทำแผลเสร็จ อนาวินก็เตรียมจะสานสัมพันธ์ต่อตามประสาคนเจ้าชู้ ตาลทำซึ้งเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าชายหนุ่มช้าๆ พลางลูบไปที่ตา จมูก และริมฝีปาก อนาวินชักเคลิ้มค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบตาล แต่อยู่ๆก็สติดับวูบไป

“ไอ้ผู้ชายชีกอ หน็อย คิดว่าเราตาบอดจริงกะจะลวนลามเรางั้นหรือ” ตาลลุกขึ้นค้นตามตัวชายหนุ่มเพื่อหาของมีค่า จากนั้นก็หอบทรัพย์สินที่ขโมยมาได้ ออกไปหาเจ๊อ้อยแม่ของเธอที่สตาร์ตมอเตอร์ไซค์รออยู่ข้างโรงแรม แล้วสองแม่ลูกก็ซิ่งรถหายไป

ในตอนบ่าย บุญทันหรือภูบดีมารอพบอนาวินที่โรงแรมตามนัด แต่เพื่อนตัวดีไม่ยอมลงมาสักที แถมโทร. ตามก็ไม่รับสาย เขานึกห่วงจึงเดินไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์และแจ้งชื่อแขกที่เข้าพักว่า อนาวิน แต่พนักงานหาไม่พบ บุญทันนึกขึ้นได้รีบแจ้งชื่อใหม่ว่า ภูบดี วริทธิวรนันท์

พนักงานกดดูรายชื่อแขกอีกครั้ง แล้วแจ้งหมายเลขห้องให้บุญทันทราบ เขารีบขึ้นไปหาเพื่อนรัก แต่ต้องแปลกใจเพราะประตูไม่ได้ล็อก และเมื่อเปิดเข้าไปก็พบอนาวินนอนไม่ได้สติ

“เฮ้ย ไอ้วิน ไอ้วิน” บุญทันเขย่าตัวเรียกอนาวินค่อยๆลืมตา เขาทบทวนเรื่องราวที่เกิดก็รู้ตัวว่าถูกมอมยารูดทรัพย์ไปจนหมด แถมแหวนประจำตระกูลของเพื่อนรักก็ถูกขโมยไปด้วย เขาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้บุญทันฟัง พร้อมรับปากจะตามแหวนคืนมาให้ได้

ooooooo
ตาลนำเงินสดที่ขโมยมาแบ่งกับแม่ และเก็บอีกส่วนไว้เป็นกองกลางเพื่อใช้หนี้พนันให้แม่และจะไว้เปิดร้านเบเกอรี่อย่างที่ฝันไว้

เจ๊ อ้อยไม่พอใจในส่วนแบ่งที่ได้รับ นางมองไปที่ของมีค่าอื่นๆที่ตาลจิ๊กมา และจะขอแบ่งไปขายบ้าง แต่ตาลไม่ยอม เพราะจะเอาของไปปล่อยในวันรุ่งขึ้น เพื่อนำเงินมาเข้ากองกลางจะได้ทำตามฝัน

เจ๊อ้อยเบะปาก แต่มือแอบหยิบแหวนออกมา ตาลรู้ทันรีบทวงแหวนคืนพลางบ่นว่า นึกเห็นใจชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน เพราะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกก็โดนดีเข้าแล้ว

“เอ็งไม่ต้องไปสงสารมัน หรอก ท่าทางมันจะเป็นคนมีเงิน ดูซิ มีแต่ของใช้แพงๆทั้งนั้น เราขอแบ่งมาใช้แค่นี้ คนรวยมันไม่เดือดร้อนหรอก แล้วเอ็งจะงกอะไรกับแม่กับเชื้อวะ เหนื่อยก็เหนื่อยมาด้วยกัน”

“แต่เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าต้องเก็บเงินไว้ใช้หนี้ที่แม่สร้างเอาไว้คนเดียว” ตาลจ้องหน้าแม่

เจ๊อ้อยเจอไม้นี้ก็เถียงไม่ออก ได้แต่นั่งมองลูกสาวถือของทั้งหมดเดินเข้าห้องไป

ooooooo

ปรารภ กลับมารายงานพิพัฒน์ชายวัยเจ็ดสิบกว่าๆ เจ้าของบ้านวริทธิวรนันท์ ว่าภูบดีหลานชายเพียงคนเดียวของท่านกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว และจะมาพบในอีกสองสามวันข้างหน้า พิพัฒน์ดีใจถามย้ำกับทนายว่า ใช่หลานเขาแน่หรือ ปรารภยืนยันหนักแน่นเพราะจำแหวนได้

“ขอบใจมากนะ คุณปรารภ เฮ้อ ฉันจะได้ตายตาหลับซะที” พิพัฒน์มองรูปภูวดลและภาคินลูกชายทั้งสอง พลางรำพึง “ภูวดล พ่อขอชดใช้ความผิดทั้งหมดให้กับลูกชายแกนะ”

เช้าวันใหม่ พิพัฒน์เรียกประชุมสมาชิกในบ้าน อันประกอบด้วย นภากับปารมีสองแม่ลูก และอเนกกับลูกชายหญิงคือ เอและเมย์

เมื่อ สองครอบครัวมาเจอกัน อเนกก็เปิดฉากแขวะนภาด้วยระแวงว่า เธอจะเข้ามามีส่วนแบ่งในมรดก เพราะเป็นแค่ลูกบุญธรรมของน้องชายพิพัฒน์ แต่ท่านเมตตาให้มาอยู่ในฐานะแม่บ้าน ขณะที่นภาเองก็ตอกกลับอเนกว่าเป็นแค่ญาติห่างๆ ที่พิพัฒน์สงสารรับมาเป็นลูกบุญธรรมไม่ได้สืบสายเลือดโดยตรง

“แต่ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นญาติ ย่อมมีสิทธิ์ในมรดกมากกว่าคนนอกอย่างเธอ” อเนกฮึดฮัดจะเอาเรื่อง

เอ กับปารมีรีบปรามพ่อกับแม่ของตนเพราะเห็นพิพัฒน์เดินเข้ามา แล้วปารมีก็สวมบทหลานสาวคนดีเข้าไปดูแลคุณปู่ พิพัฒน์ส่งยิ้มให้พลางมองหาเมย์หลานสาวคนโปรด

“มาแล้วค่ะ คุณปู่ขา” เมย์แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข้ามาหอมแก้มปู่

นภา มองอย่างหมั่นไส้ ขณะที่ปารมียิ้มทำเหมือนเอ็นดูกับท่าทางของเมย์ พิพัฒน์ตำหนิเมย์ที่มาสายแล้วแจ้งกับทุกคนว่า  ทนายปรารภได้พบกับภูบดีทายาทโดยตรงคนเดียวที่เหลืออยู่แล้ว และอีกไม่นานภูบดีจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อสานต่อธุรกิจทุกอย่างแทนท่าน

นภา อเนก และเอหน้าเจื่อนรีบคัดค้านด้วยกลัวชวดสมบัติ แต่พิพัฒน์ยังยืนกรานว่า ภูบดีคือทายาทเพียงคนเดียวของท่าน แล้วสั่งให้อเนกช่วยดูแลสอนงานให้กับภูบดีด้วย
อเนกจำใจรับคำอย่างเสีย ไม่ได้ เมย์ไม่อยากรับรู้เรื่องสมบัติอีกแล้วจึงจะขอตัว แต่พิพัฒน์เรียกไว้พร้อมออกคำสั่งว่าจะให้เมย์แต่งงานกับภูบดี ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน

ooooooo

ปารมีตามมาคุยกับนภาในบ้าน เธอขอร้องแม่ว่าอย่าเครียด เพราะอาการป่วยอาจกำเริบ แต่นภายังทำใจไม่ได้ที่ต้องชวดสมบัติ เธอว่าพิพัฒน์ลำเอียง เห็นเมย์ที่เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆดีกว่าลูกสาวของเธอที่ขยันทำการทำงาน แถมยังจะให้เมย์แต่งกับภูบดีอีก

“ทำไงได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณปู่รักน้องเมย์มากกว่าปา แต่อย่างว่าล่ะค่ะเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่คะแม่ แม่อย่าลืมนะคะ เราเป็นแค่คนอาศัย คุณปู่ให้ที่อยู่ ที่กิน ให้การศึกษากับลูกมันก็มากพอแล้วค่ะ”

“แต่ลูกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ เกิดนะ ลูกก็เหมือนลูกหลานแท้ๆ ยังไงแม่ก็จะไม่ยอมให้มรดกของคุณปู่ตกเป็นของคนอื่นหรอก” นภาหันไปหยิบขวดยามาเปิดแล้วเทใส่มือ

ปารมีร้องห้ามเพราะแม่เพิ่งกินยาไป แต่นภาว่า ถ้าไม่กินเธอก็คงปวดหัวตาย ปารมีได้แต่ถอนใจ

เวลา เดียวกัน เอบ่นกับพ่อถึงเรื่องคุณปู่จะยกสมบัติทั้งหมดให้ภูบดี เพราะที่บริษัทอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะเขากับพ่อช่วยกันบริหาร อเนกรีบแย้งว่า ไม่ใช่ฝีมือตนคนเดียวแต่ยังมีภาคินด้วย

“แต่คุณลุงก็ตายไปแล้ว พ่อควรได้เป็นซีอีโอแทน ไม่ใช่ให้ไอ้ภูบดีเข้ามาชุบมือเปิบแบบนี้”

“อย่า พูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะ ถึงยังไงบริษัทนี้มันก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี ถ้าคุณปู่จะยกให้ทายาทโดยสายเลือด ก็ไม่ใช่เรื่องผิด” อเนกตัดบท แล้วหันไปมองเมย์ที่แต่งตัวสวยเดินลงมา
เอถามน้องว่าจะออกไปไหน เมย์สวนว่าเรื่องของเธอ พี่ไม่เกี่ยวแล้วเข้าไปอ้อนพ่อให้ช่วยปฏิเสธคุณปู่ เพราะเธอไม่มีวันแต่งงานกับคนที่ไม่รักเด็ดขาด

อเนกหนักใจบอกกับลูก ว่า ไม่มีใครขัดใจคุณปู่ได้ เอได้ทีเย้ยว่า น้ำหน้าอย่างเมย์คงหาผู้ชายดีไม่ได้ จึงควรทำตามคำสั่งของคุณปู่ เมย์หันขวับจะเอาเรื่องพี่ชาย อเนกร้องห้ามลูกทั้งสอง เอตัดพ้อว่าที่น้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อให้ท้าย

เมย์ไม่พอใจเดินหน้า ตูมออกไปสตาร์ตรถและเกือบจะชนบุญทันที่เดินคุยมากับต้นหอมถึงเรื่องราวของคน ในบ้านว่า ทุกคนล้วนแต่เป็นแค่ญาติห่างๆของคุณท่านเท่านั้น

“เดิน ประสาอะไรเนี่ย ไม่เห็นหรือว่ารถวิ่งมา” เมย์ลงมาต่อว่า แต่กลับโดนบุญทันสวนกลับอย่างไม่กลัว แถมยังเรื่องมารยาทในการขับรถอีกชุดใหญ่

เมย์แทบควันออกหูประกาศว่า เธอคือเจ้าของบ้าน

“แน่ใจหรือครับ เพราะเท่าที่ผมรู้เจ้าของบ้านคือคุณพิพัฒน์” บุญทันส่งยิ้มเยาะ

“แก นี่มันปากดีจริงๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ วันนี้ฉันรีบหรอกนะ” เมย์เดินกลับไปขึ้นรถปิดประตูปังแล้วขับออกไปเกือบจะเฉี่ยวบุญทันที่ยังยืน ขวาง

บุญทันถอนใจเฮือกร้องถามต้นหอมว่า เธอคือใคร ต้นหอมตอบว่า เธอคือคุณเมย์ ลูกสาวคุณอเนก เฮี้ยวที่สุดในบ้าน

ooooooo

เมื่อ สืบข้อมูลเบื้องต้นเรื่องคนในบ้านจากต้นหอมได้แล้ว บุญทันก็เริ่มทำหน้าที่เป็นครั้งแรก ด้วยการขับรถพาพิพัฒน์ไปสนามกอล์ฟ และด้วยความผูกพันทางสายเลือดทำให้พิพัฒน์รู้สึกคุ้นเคยกับบุญทันเป็นอย่าง มาก ท่านพยายามสอบถามเรื่องราวของชายหนุ่ม แต่เขาก็เอาตัวรอดไปได้

เวลา เดียวกัน ธาวินท่ียังข้องใจว่า ตัวเองถูกสาวมอมยารูดทรัพย์ได้อย่างไร เขาตัดสินใจไปพิสูจน์ความจริงที่ห้างสรรพสินค้า โดยแอบซุ่มอยู่ในโซนซื้อขายอุปกรณ์มือถือ ด้วยหวังว่าแม่สาวคนนั้นจะนำของที่ขโมยมาขาย

ในที่สุด ธาวินก็ได้พบกับตาลอีกครั้ง เพราะเธอนำของมาขายจริงๆ เขาเข้าไปจับตัว แต่สาวเจ้ากลับร้องโวยวายเรียกให้ รปภ.ช่วยแถมใส่ความว่า ธาวินเป็นพวกโรคจิตเอาของลับออกมาโชว์

รปภ.ตรงเข้ามาจับตัวธาวินไว้ ตาลจึงหนีไปได้อย่างหวุดหวิด

แม่ สาวแสบวิ่งหน้าตื่นกลับไปบ้าน พลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังและชวนหนีไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะกลัวถูกจับ แต่เจ๊อ้อยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทำมาตั้งหลายหนยังไม่เคยถูกจับได้สักที และครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญ

“เจ้าประคู้น ขออย่าให้ลูกถูกจับเลย ลูกสัญญาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลูกตุ๋นคน” ตาลยกมือท่วมหัว

ooooooo

ธา วินเจ็บใจที่ตาลรอดตัวไปได้ เขาโทร.บอกบุญทันและรับปากว่าจะเอาแหวนมาคืนให้ได้ เพราะตอนนี้ตนจ้างนักสืบออกตามหาแม่ตัวแสบแล้ว บุญทันแนะนำให้เพื่อนรักโทร.หาปรารภเพื่อเลื่อนเวลาที่จะเข้าพบคุณปู่

“ฉันจะโทร.บอกเขาเย็นนี้ แล้วแกเป็นไงบ้าง เจอใครที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรรึยัง”

“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ฉันยังเจอคนในบ้านไม่ครบเลย”

“ยังไงแกก็ระวังตัวด้วยนะ”

“อืม แกก็เหมือนกัน” บุญทันปิดโทรศัพท์พลางถอนใจนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
หลายเดือนก่อน ภาคินโทร.ทางไกลหาหลานชาย เพราะอยากรู้ว่าจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ภูบดีบอกกับลุงว่า อีกประมาณสองอาทิตย์ เพราะตั้งใจจะกลับไปให้ทันวันเกิดปู่ และบ่นเสียดายที่พ่อกับแม่ของเขาไม่มีโอกาสได้กลับไปกราบคุณปู่ด้วยกัน
“เอาน่ะ คิดซะว่าพ่อกับแม่เราเค้าไปสบายแล้ว แค่หลานกลับมาคุณปู่ก็มีความสุขแล้ว” ภาคินปลอบใจ
ภูบดี อมยิ้มชวนลุงคุยต่อ แต่ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงลุงร้องถามใครบางคนว่าเข้ามาทำไม จากนั้นก็ได้ยินเสียงภาคินร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกของบางอย่างฟาดใส่ ตามด้วยเสียงการต่อสู้
“คุณลุงครับ เกิดอะไรขึ้นครับ คุณลุง”
“ระ...วัง ตัว...ปกป้อง...ปู่ด้วย...” ภาคินสั่งหลานชายก่อนสิ้นลม
“คุณลุง ใครทำอะไรคุณลุง บอกผมสิครับ คุณลุง”
คนร้ายที่ไม่เห็นว่าเป็นใครคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับภูบดี “ถ้าไม่อยากตาย อย่ากลับมาเมืองไทย”
“แกเป็นใคร แกทำอะไรลุงฉัน ฮัลโหลๆๆ...” สัญญาณถูกตัดไป
ภูบดีพยายามต่อโทรศัพท์แต่ไม่มีสัญญาณ
เช้าวันใหม่ ภูบดีเห็นข่าวจากเว็บไซต์ ลงภาพนิ่งภาคิน พร้อมพาดหัว “CEO บริษัทในเครือวรารมย์ โดดตึกตายหนีเครียด”
ภูบดี ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง เขาโทร.ตามธาวิน มาปรึกษา เพราะต้องการกลับเมืองไทยเพื่อหาตัวฆาตกรที่ฆ่าลุง และดูแลคุณปู่ที่อยู่ในอันตราย
ธาวินเป็นห่วงเพื่อนจึงวางแผนสลับตัว ด้วยการให้ภูบดีปลอมเป็นคนงานชื่อบุญทันเข้าไปทำงานในบ้านวริทธิวรนันท์ เพื่อหาตัวคนร้าย ส่วนเขาจะสวมรอยเป็นภูบดีเข้าไปล่อให้คนร้ายออกมา
“แต่ฉันไม่อยากลากให้แกมาเดือดร้อนด้วย”
“ไอ้ภู เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันนะ เรื่องของแกก็เหมือนเรื่องของฉัน ถ้าแกมีทุกข์ฉันคงไม่มีความสุขหรอก”
“ขอบใจแกมากวิน แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” ภูบดีโผเข้ากอดธาวิน ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน
ooooooo
“บุญทัน ฉันจะกลับบ้านแล้ว” พิพัฒน์เดินมาบอก
บุญ ทันที่นั่งเหม่อตื่นจากภวังค์ เขาเดินนำพิพัฒน์ไป ที่หน้าประตูทางเข้าล็อบบี้ แล้วหันมาบอกให้ท่านยืนรอจะไปเอารถมารับ พิพัฒน์พยักหน้ามองตามบุญทันที่เดินออกไป
ระหว่างเดินไปที่รถ บุญทันนึกสังหรณ์ใจหันกลับมามองพิพัฒน์ เขาเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับสวนเข้ามา แล้วคนที่ซ้อนท้ายก็ชักปืนออกมาเล็งไปที่พิพัฒน์
“คุณปู่...ระวัง” บุญทันตะโกนออกไป
พิพัฒน์ หันมาเห็นคนร้ายยกปืนก็พุ่งไปหลบข้างเสา คนร้ายเหนี่ยวไกแต่พลาดไป มันจะยิงซํ้า แต่บุญทันวิ่งเข้ามาพาออกไปเสียก่อน คนร้ายเห็นท่าไม่ดีซิ่งรถหนีออกไป
“คุณปู่ เป็นยังไงบ้างครับ” บุญทันลืมตัวร้องถาม ออกไป
พิพัฒน์ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ช่วยสกัดจับคนร้ายแต่ไม่ทัน
เวลา ต่อมา สารวัตรสมยศกับลูกน้องมาสอบปากคำพิพัฒน์กับบุญทันที่บ้านเพื่อหาตัวคนร้าย แต่ทั้งสองให้การว่า จำคนร้ายไม่ได้เพราะไม่เห็นหน้า สมยศทำท่าถอดใจบ่นว่า คงหาตัวคนร้ายได้ยาก แต่ก็จะพยายามแล้วขอตัวกลับ
บุญทันจะตามสมยศกับ ลูกน้องออกไปด้วย แต่พิพัฒน์เรียกไว้ ท่านถามเขาว่าใช้ปืนเป็นไหม บุญทันว่าพอได้ พิพัฒน์จึงยื่นปืนกระบอกหนึ่งให้ พลางกำชับว่า ถ้าตนออกไปไหนให้บุญทันเอาปืนติดตัวไปด้วย
“ครับ เอ่อ ท่านครับ มีใครที่ท่านสงสัยบ้างไหมครับ”
“นึก ไม่ออก ฉันแก่ป่านนี้ไม่น่ามีศัตรูที่ไหนเหลืออยู่แล้ว แต่ต้องขอบใจแกอีกครั้งนะ ที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้แกเรียกเตือนล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงไปนอนวัดแล้ว”
“ไม่หรอกครับ ผมจะไม่ยอมให้ท่านเป็นอะไรไปง่ายๆ” บุญทันเดินออกไปสวนกับอเนกและเอที่เข้ามาสอบถามเรื่องราวจากพิพัฒน์ด้วยความเป็นห่วง
บุญทันแอบมองสองพ่อลูกอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางครุ่นคิด
ooooooo
สม ยศเดินนำลูกน้องมาที่หน้าตึก ลูกน้องข้องใจเอ่ยถามสมยศว่า เป็นไปได้ไหมที่พิพัฒน์จะถูกฆ่าเพื่อชิงมรดก สมยศรีบปฏิเสธ แล้วยกประเด็นความขัดแย้งเรื่องธุรกิจมาอ้าง ลูกน้องจำต้องเชื่อตามนั้น แล้วนภากับปารมีก็เดินเข้ามาสอบถามสมยศว่า ใครเป็นคนร้ายและคุณปู่สงสัยใครที่สุด
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ เจอคุณปารมีก็ดีแล้วครับ ผมอยากสอบปากคำเพิ่ม ถ้าคุณปารมีว่างรบกวนโทร.หาผมด้วยนะครับ” สมยศทำเสียงเข้ม แล้วขอตัว
ปารมี มองตาม นภาร้อนใจดึงลูกสาวเข้าไปเยี่ยมพิพัฒน์ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ทันเห็นบุญทันที่แอบมองสองแม่ลูกอยู่ เพราะยังนึกไม่ออกว่า ใครคือคนร้ายกันแน่
ในคํ่าคืนนั้น บุญทันนัดธาวินออกมาพบที่ผับแห่งหนึ่ง เพื่อปรึกษาเรื่องคนร้าย แต่ยังไม่ทันได้คำตอบเขาก็เหลือบไปเห็นเมย์เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อน ชาย จึงไล่ให้ธาวินกลับไปก่อน เพราะถ้าเมย์เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันอาจเสียแผน
“ตามใจ แล้วพรุ่งนี้โทร.หากันอีกที” ธาวินเดินออก
บุญ ทันมองไปที่โต๊ะเมย์ เห็นเพื่อนชายพาเธอไปนั่งสั่งเครื่องดื่มแล้วแอบผสมยาบางอย่างลงไป ไม่นานนักเมย์ก็หมดสติ บุญทันรีบเข้าไปช่วยเมย์ออกมาได้ แต่เมื่อเธอได้สติ เขากลับโดนตวาดใส่
“ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วย แล้วคราวหน้าคราวหลังไม่ต้องมาสะเออะเรื่องของฉัน” เมย์สะบัดเดินลงจากรถ
“โอ้โห แรงได้อีก” บุญทันมองตามแล้วส่ายหน้า
ooooooo
คืน เดียวกันนั้น เจ๊อ้อยแอบเข้ามาขโมยของมีค่าในตู้เซฟของตาล เพื่อนำไปเล่นพนันที่บ่อนเฮียเสก แต่สุดท้ายกลับเป็นหนี้เพิ่มอีกสองล้าน ร้อนถึงตาลต้องลุกไปเจรจา และทั้งเนื้อทั้งตัวเธอก็มีแค่สองหมื่นเท่านั้น
เฮียเสกเสนอเงื่อนไขให้เอาตาลมาขัดดอกแล้วทำท่าจะเข้ามาลวนลาม เจ๊อ้อยปรี่เข้ามาขวางพลางต่อรอง ขอเวลาไปหาเงิน
“ได้ ฉันให้เวลาเดือนหนึ่ง แต่บอกก่อนนะ อย่าคิดหนี เพราะถ้าฉันเจอ ฉันไม่ปล่อยเจ๊กับลูกสาวแน่”
“จ้ะ เจ๊ไม่หนีไปไหนหรอก เล่นกันมาตั้งกี่ร้อยครั้งเจ๊ก็หาเงินมาคืนเฮียเสกได้ทุกที เจ๊ไปได้แล้วนะ ไปลูก”เจ๊อ้อยดึงแขนตาลออกไป แต่เฮียเรียกไว้เพราะสนใจแหวนที่ตาลสวมอยู่
เฮีย เสกสั่งให้ตาลถอดแหวนออกมา แต่ถ้าไม่ยอมเขาจะถอดผ้าเธอแทน ตาลจนใจยอมถอดแหวนให้ แล้วหันไปดึงแม่เดินออกไป เสี่ยยกแหวนในมือขึ้นส่องกับไฟแล้วโยนใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน
ตาลเดินบ่น เข้ามาในบ้าน เพราะเสียใจที่แม่ไม่รักษาสัญญาไปเข้าบ่อนอีก แถมยังขโมยของมีค่าไปจนหมด เจ๊อ้อยสลดไปนิด ก่อนปลอบลูกว่า แขนขายังมีไม่เห็นต้องกลัว
“แหม แม่เนี่ยทำพูดดี แขนขาที่มีเนี่ยเอาไว้หลอกต้มตุ๋นคนอื่นน่ะสิ หนูจะบอกให้รู้นะว่าหนูไม่ร่วมมือกับแม่แล้ว เฮ้อ อิจฉาพ่อจริงๆเลยที่ชิงหนีตายไปก่อน ไม่ต้องมาทนลำบากแบบนี้” ตาลเดินกระแทกเท้าเข้าห้องไป
“ถ้าเอ็งรักมันนักก็ตามไปอยู่กับมันเลยไป แต่ข้าขอบอกไว้เลยนะ ถึงมันไม่ตาย วันๆมันก็กินแต่เหล้าอยู่ดี” เจ๊อ้อยด่าตามหลัง
ooooooo
สาย วันใหม่ ธาวินได้รับข่าวดีจากนักสืบว่าตามหาแม่สิบแปดมงกุฎพบแล้ว และถ้าอยากจะได้ตัวก็ต้องซ้อนแผนให้อยู่หมัด ธาวินอมยิ้มเห็นดีด้วย
บ่าย วันนั้น ธาวินปลอมเป็นเสี่ยพุงพลุ้ย ทำตัวเป็นตู้ทองเคลื่อนที่เข้าไปซ้อนแผนตาลกับเจ๊อ้อยที่ทำทีเป็นคนตาบอด เข้ามาตีสนิท ในที่สุดสองแม่ลูกก็ถูกธาวินจับตัวได้
ตาลสารภาพว่าเธอนำของทั้งหมดไปขายใช้หนี้พนันแล้ว ส่วนแหวนถูกเจ้าของบ่อนยึดไป
“เธอรู้รึเปล่าว่าแหวนนั่นมันสำคัญแค่ไหน”
“ฉันไม่รู้ ฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ” ตาลยกมือท่วมหัว
“ได้ ฉันจะยกโทษให้เธอ ถ้าเธอมาไปเอาแหวนฉันคืนมา แต่ถ้าไม่เธอก็ติดคุก”
ตาลนั่งอึ้งคิดหนัก ก่อนตอบตกลงอย่างจำใจ ธาวินมองหน้าเธอนิ่งอย่างไม่ไว้ใจ
เวลา ต่อมา ตาลกับเจ๊อ้อยพาธาวินมาที่หน้าบ่อนเฮียเสกเพื่อจะเอาแหวนคืน แต่สองแม่ลูกยังลังเล หันมาบ่นกับธาวินว่า ถ้าเฮียเสกรู้ว่าพวกเธอขโมยแหวน คงถูกฆ่าหมกส้วมเป็นแน่
“ถ้ากลัวไอ้เสกอะไรนั่นมากกว่าตำรวจก็ตามใจ ดี ติดคุกทั้งแม่ทั้งลูกจะได้ไม่เหงา” ธาวินขู่
ตาลสบตากับเจ๊อ้อยแล้วถอนใจอย่างเซ็ง ก่อนจะหลบเข้าไปปลอมตัวเพื่อลอบเข้าไปในบ่อน แต่ธาวินไม่วางใจจึงปลอมตัวตามทั้งคู่เข้าไปด้วย
source:  thairath.co.th

Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ