อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 8/2 วันที่ 7 พ.ค. 55

{[['']]}
อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 8/2 วันที่ 7 พ.ค. 55
ทรงเผ่ารออยู่หน้าห้องน้ำอย่างเป็นห่วง เมียวดี ฟ้าลั่น เชอรี่ยืนแอบๆกันห่างออกมา ทรงเผ่าตะโกนถาม
“เป็นไงบ้างอั๋น”
“ดีขึ้นแล้วครับพี่...”
เสียงโอ้กอ้ากของอั๋นตามมาอีกรอบ พร้อมเสียงชักโครก อั๋นออกมา ทรงเผ่ารีบถาม
“ไหวมั้ย”
“โอเคครับ”
“เป็นตำรวจแต่กลัวหนูตัวนิดเดียวแล้วจะจับคนร้ายยังไง ต้องใจแข็งกว่านี้นะหมวด”
เมียวดีตบไหล่อั๋น ทำนองให้กำลังใจ ทรงเผ่าปรามๆ
“เมียวดี!”
เมียวดีเงียบลง แต่ยังหน้าเป็นยิ้มให้อั๋น

ค่ำนั้น...ทรงเผ่า นั่งทำงานอยู่ในห้อง เอาพวกรูปกล้วยไม้มาคัดเลือก พอเมื่อยคอเมื่อยตาก็หยุด มองออกไป นอกหน้าต่าง เห็นเมียวดีนั่งอยู่ที่สนามหญ้า เหลือบมองนาฬิกา ปรากฏว่าตีสองแล้ว...ทรงเผ่าลงมามองเมียวดีที่นอนมองฟ้าอยู่ที่สนามก่อนจะ ผุดลุกขึ้นนั่งท่าทางหงุดหงิด
“ตีสองแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอเมียวดี”
เมียวดีหันไป
“แล้วนายล่ะทำไมไม่นอน”
ทรงเผ่ายักไหล่ เมียวดีเหมือนไม่รอฟังคำตอบพูดต่อทันที
“ทำไมฟ้าที่กรุงเทพมันไม่มืดเลยละนาย มองไปก็เห็นสว่างตลอด ไม่เห็นดาวเลย”
ทรงเผ่ามองอยู่ชั่วขณะ
“ท้องฟ้ากรุงเทพ ไม่เหมาะกับการดูดาวหรอก แสงสี ไฟจากที่ต่างๆ มันเยอะ จนท้องฟ้ากรุงเทพไม่เคยมืดพอ หรือไม่ตึกมันก็ขึ้นบังจนมองไม่เห็นท้องฟ้า”
เมียวดีนั่งเอาคางเกยเข่าเซ็ง ๆ
“ป่าคอนกรีตของนายไม่เห็นเหมือนป่าของเราซักอย่าง แต่คนก็ชอบเข้ามาป่าที่มีแต่แสงไฟกันมากกว่าป่ามืดๆบนเขา เหมือนแมงเม่าที่ชอบเล่นไฟใช่มั้ยนาย”
“เข้าใจเปรียบเทียบดีนะ แล้วเราล่ะชอบมั้ย”
“ไม่รู้ซิ เราเพิ่งเข้ามาไม่นาน แต่ที่แน่ๆ ที่นี่เสียงดังกว่าที่บ้านเรา มีเสียงอะไรก็ไม่รู้ดังตลอดเวลา เยอะไปหมด แต่ยกเว้นเสียงสัตว์ ดูซิดึกขนาดนี้ยังมีเสียงรถวิ่งเลย นายได้ยินมั้ย คนที่นี่เค้าไม่นอนกันเลยเหรอนาย”
ทรงเผ่าเงี่ยหูฟังแล้วก็ส่ายหน้า
“ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงอะไร”
เมียวดีไม่รู้จะพูดต่อยังไง ได้แต่นั่งกอดเข่าไปเหมือนเดิม ทรงเผ่าพิจารณาเธอซักครู่ แล้วก็พอเดาออก
“นี่เธอนอนไม่หลับเพราะเสียงมันดังเกินไปสำหรับเธอใช่มั้ย จริงซิ เธอคงยังไม่ชิน เพราะ ตอนอยู่ในป่า กลางคืนป่ามันเงียบจนเราได้ยินแม้กระทั่งใบไม้ตก”


“เสียงนายกรนด้วย”
“ฮะๆๆ” ทรงเผ่าหัวเราะแล้วก็นึกขึ้นได้ “ขอโทษจริงๆเมียวดี ฉันลืมไปสนิทเลย ไปเถอะ...”
ทรงเผ่าดึงมือเมียวดีลุกขึ้น ลากเดินเร็วๆไป
“จะไปไหนนาย”
ทรงเผ่าพาเมียวดี ขับรถวนขึ้นมาจอดบนลานลานจอดรถบนดาดฟ้าตึกสูง
“นี่อาจจะไม่ใช่ตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพ แต่ฉันว่าบนนี้เธอน่าจะพอเห็นดาวบ้าง”
ทรงเผ่ากดซันรูฟ เปิดออก เมียวดีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นดาวอยู่บ้าง เธอดีใจมองใหญ่
“ดาวคันไถอยู่ตรงไหนนะนาย”
ทรงเผ่าชี้ไปบนท้องฟ้า
“อยู่นั้นไง สามดวงที่เรียงติดกันนั้นใช่มั้ย”
เมียวดียิ้มอย่างดีใจ
“อ๋อ...เห็นแล้ว”
“ถ้าเป็นฝรั่ง เค้าจะเรียกว่ากลุ่มดาวนายพราน สามดวงนั้นจะเป็นเข็มขัดของนายพราน”
เมียวดีแปลกใจ
“ดาวนายพรานเหรอ”
“ใช่”
“พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเราเกิด พ่อเห็นดาวเล็กๆ เหนือดาวสามดวงนั้นส่องประกายวาบขึ้นมา พ่อบอกว่าเป็นดาวประจำตัวเรา”
“อืม...ตำแหน่งตรงนั้นคงเป็นหัวใจของนายนายพรานพอดี เธอคือแก้วตาดวงใจของตาจั่น”
“เรารู้”
เมียวดีเริ่มแอบมีน้ำตาคลอ รีบปิดตาไม่ให้น้ำตาไหล ทรงเผ่ามองแล้วก็เอื้อมมือเอาหูฟังมาใส่ให้ เมียวดีลืมตางงว่ามันคืออะไร
“เราไม่หนาว ไม่ต้องเอาอะไรมาปิดหูหรอก”
ทรงเผ่ายิ้มๆ
“เฉยๆเถอะน่า”
เสียงทุกอย่างหยุดนิ่งเงียบชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆได้ยินแต่เสียงจังหวะหัวใจเต้นตึกๆๆ เมียวดียิ่งงงใหญ่
“แม้ว่าเสียงของเมืองมันจะหนวกหูเกินไปสำหรับเธอ แต่คนในเมืองก็ยังพอทำสิ่งประดิษฐ์ดีๆไว้บ้าง เค้าบอกว่า การฟังเสียงหัวใจเต้นจะทำให้นอนหลับสบาย ไม่รู้จริงมั้ยแต่ฉันก็เอามาฟังบ่อยๆ เวลาที่ฉันนอนไม่หลับ”
เมียวดียิ้มให้เขาอย่างสดใส
“ขอบใจนะนาย นอกจากพ่อก็มีนายนี่แหละที่ดีกับเราแบบนี้”
ทรงเผ่ามองเธอนิ่งก่อนจะยิ้มตอบ สองคนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกดีๆต่อกันแต่ด้วยสถานะ เขาทำได้แค่จับหัวเธอเขย่าเบาๆอย่างเอ็นดู สองคนดูดาวกันอย่างมีความสุข

ทรงเผ่าขับรถกลับบ้านก็เกือบเช้าแล้ว เขาเผ่าอุ้มเมียวดีที่นอนหลับลงจากรถหูของเธอยังใส่เฮดโฟนอยู่ เชอรี่หาวเดินออกมา ปวดท้องจะเข้าห้องน้ำ แต่เห็นทรงเผ่าอุ้มเมียวดีมาพอดี
“อุ๊ย”
เชอรี่จะร้องโวยวาย วงศ์เข้ามาปิดปากไว้
“เห็นอะไรก็ไม่ต้องเอาไปพูดมากนะเรา เราเป็นลูกจ้างไม่ควรยุ่งเรื่องของเจ้านาย”
“แต่ว่า...”
วงศ์ขึงตาใส่อีกที
“ไปนอนได้แล้ว แต่ถ้าตาสว่างนอนต่อไม่หลับก็ไปหุงข้าวให้คุณบัวคลี่ตักบาตรก็ได้”
“ง่วงค่ะ เชอรี่ยังง่วงอยู่ ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเท่านั้น”
เชอรี่รีบทำเป็นหาว แล้วเดินออกไป วงศ์ตัดสินใจว่าจะทำยังไงดี

เชอรี่รู้สึกคันปากมากจนกระทั่งต้องเกาปาก ขณะที่เดินผ่านหน้าห้องฟ้าลั่น ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าฟ้าลั่นเดินละเมอออกมาทั้งๆที่หลับตา
“นั้นแน่ น้องเชอรี่ คิดถึงพี่ฟ้าใช่มั้ยจ๊ะ”
ฟ้าลั่นตรงเข้ากอดทันที
“บ้านะ ปล่อยนะเดี๋ยวใครมาเห็น”
“ไม่มีใครเห็นหรอกขอชื่นใจหน่อยนะ”
เชอรี่ดิ้นฟ้าลั่นหอมแก้ม
“จักกะจี้น่า เดี๋ยวพอก่อน พี่รู้มั้ยเมื่อกี้ลำไย เอ๊ย...เชอรี่เห็นคุณเผ่าอุ้มคุณเหมียวมาด้วยล่ะ ดึกดื่นค่อนคืนไม่รู้หายไปไหนกันมา โอ๊ย ไม่อยากคิดอกุศลเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คิดไปแล้ว พี่ฟ้าว่าคุณเหมียวกับคุณเผ่านะมีอะไรกันมั้ย นี่...ได้ยินที่เชอรี่พูดหรือเปล่า”
เชอรี่มอง อีกทีเห็นว่าฟ้าลั่นหลับตายืนยิ้ม แล้วก็เปิดประตูกลับไปนอน เชอรี่หน้าเหวอ
“ทั้งหมดนี่ละเมอเหรอ พี่ฟ้า ตื่นซิ พี่ฟ้าลั่น ไอ้ฟ้าลั่น!”
ฟ้าลั่นไม่ตื่น เชอรี่เดินออกมาอย่างหงุดหงิด
“บ้าที่สุด...ปล่อยให้พูดอยู่คนเดียว คันปากจริง ๆ จะเมาท์เรื่องนี้กับใครดีนะคันๆๆ อ๋อ รู้แล้วว่าควรจะเมาท์เรื่องนี้กับใคร”
เชอรี่ยิ้มออกเมื่อนึกได้

ทรงเผ่าวางเมียวดีบนที่นอน กำลังจะถอดหูฟังออก เสียงวงศ์ดังเข้มๆเข้ามา
“คุณเผ่า!”
“ป้าวงศ์มาพอดีเลยครับ ช่วยหน่อย ยายตัวแสบนี่ตัวหนักไม่ใช่เล่น เห็นตัวเล็กแบบนี้เถอะ”
วงศ์ช่วยห่มผ้าให้เมียวดี แล้วหันมาถามทรงเผ่า
“พาคุณเหมียวไปไหนมาค่ะ ถึงกลับมาป่านนี้”
“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะครับ เหมือนผมทำอะไรผิด”
“แล้วทำหรือเปล่าล่ะคะ”
“โธ่...ป้าครับ เมียวดีเค้านอนไม่หลับ ผมก็เลย...พาไปนั่งรถเล่นแค่นั้นเอง”
วงศ์โล่งใจ
“งั้นเหรอค่ะ แต่...แค่นั้นแน่นะคะ”
“ป้าครับ...วางใจได้ ผมนะไม่ใช่พวกสมภารชอบกินไก่วัดหรอกนะครับ โดยเฉพาะไก่ป่าแบบนี้ ดีไม่ดี ได้โดนไล่จิกกันตาบอดแน่ ผมไม่อยากเสี่ยงหรอกครับ...”
วงศ์ลากเสียงยาวบนหมั่นไส้
“ค่ะ...นี่ถ้าคุณเหมียวได้ยิน คงต้องมีคำถามต่ออีกยาวแน่” วงศ์ยืนมองเมียวดี อย่างเอ็นดู “ดูซิคะ หลับอุตุ ไม่รู้เรื่องรู้ราวเชียว แม่คุณ”
“ถูกครับ แล้วก็ต้องเป็นคำถามกวนประสาทมากด้วย เช่น ทำไมต้องเป็นสมภารเป็นอย่างอื่นได้มั้ย” ทรงเผ่าหาวดูนาฬิกา “จะเช้าแล้วเหรอเนี่ยมิน่าง่วงชะมัด”
“ไปค่ะ งั้นคุณเผ่าไปนอนเถอะ”
วงศ์เดินออกไป ทรงเผ่าเอื้อมมือปิดไฟอดหันมามองเมียวดีที่นอนหลับอยู่ไม่ได้ เขายิ้มให้นิดๆ ก่อนจะปิดประตู เมียวดีที่นอนอยู่ยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะได้ยินทุกอย่าง ก่อนจะคว้าเฮดโฟนมาใส่ นอนต่อเหมือนเดิม

เช้าวันใหม่...บัวคลี่คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขกน้ำเสียงตกใจ
“วันนี้หมวดอั๋นลาหยุดงั้นเหรอคะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ...ไม่ทราบ อ้าวแล้วทำไมจ่าไม่ถามละคะ...ไม่กล้าถาม...อ๋อ ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
บัวคลี่วางหู โวยวายกับวงศ์ที่ยืนรออยู่ทันที
“คุณอั๋นไม่ไปทำงาน ต้องไม่สบายแน่ๆ ป่านนี้คงนอนซมเพราะได้รับเชื้อโรคเข้าไป ตายจริงหรือว่า...จะติดโรคฉี่หนูเข้าให้แล้ว”
“เดี๋ยวค่ะ คุณบัวคลี่ทราบได้ยังไงค่ะว่าคุณอั๋นเธอป่วย”
“อ้าว ก็แม่วงศ์บอกฉันเอง ว่ายายเหมียวแกล้งให้คุณอั๋นยืนจับหนู จนอาเจียรหน้าเขียวหน้าเหลืองไปตาม ๆ กัน”
“ดิฉันก็รายงานไปตามที่เชอรี่บอกนะคะ ไม่ได้เห็นเองกับตา”
“ก็เหมือนกันนั้นแหละ...ไม่ได้การแล้ว แม่เหมียวอยู่ที่ไหนเนี่ยไปตามมาหาฉันด่วน”
บัวคลี่บอกอย่างกังวลใจมาก

สายๆวันนั้น...เมียวดี ยืนถือกระเช้าผลไม้อยู่กับบัวคลี่ ที่หน้าคอนโดของอั๋น
“หมวดก้านยาว อยู่ที่นี่เหรอเมียพ่อนาย ทำไมถึงไม่อยู่บ้านล่ะ ดูไปเหมือนจอมปลวกเลยนะ”
“เค้าเรียกว่าคอนโดจ๊ะ คุณอั๋นเค้าเป็นหนุ่มโสดชอบอิสระ ก็เลยแยกออกมาอยู่คนเดียว เห็นห้องเล็กๆแบบนี้รู้มั้ย ซื้อบ้านได้ทั้งหลังเลยนะ เอ๊ะๆ เดี๋ยวนะเมื่อกี้ฉันได้ยินเธอเรียกคุณอั๋นว่าอะไรนะ”
“หมวดก้านยาว”
“หมวดก้านยาว...นี่หมวดเค้าไม่ใช่ทุเรียนนะ ไปเรียกอย่างนั้นได้ยังไง แม่เหมียว”
“ไม่เห็นเค้าว่าไงนี่ แล้วหมวดเค้าอยู่ชั้นไหนล่ะ”
บัวคลี่ชี้ขึ้นไป
“ชั้นสิบแปด”
เมียวดีตะลึง
“โอโห้ เมียพ่อนายจะปีนไปไว้ไหวเหรอ แก่แล้วนะ”
บัวคลี่ตาโต หันมาค้อนทันที เมียวดีมองตึกสูงอย่างอึ้งๆ
“มันสูงพอๆกับปีนขึ้นภูเขาเลยนะ เอางี้แล้วกัน” เมียวดีป้องปากตะโกน “วู้ ๆๆ หมวดเพื่อนนาย”
บัวคลี่รีบห้าม
“นี่ตะโกนทำไมแม่เหมียว อายเค้า”
“ก็จะให้หมวดโยนเชือกลงมา เดี๋ยวเราดึงเมียพ่อนายขึ้นไปเอง รับรองไม่ตกแน่”
บัวคลี่เหนื่อยใจ
“ที่นี่เค้าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอ คนที่นี้ เค้ามีลิฟท์ย่ะ”
เมียวดีงงๆไม่เข้าใจ
“ลิฟท์?”

บัวคลี่พาเมียวดีเข้ามาในลิฟท์ เธอยืนตัวเกร็งๆ จับผนังเอาไว้
“ลิฟท์ก็เหมือนรอกนั้นแหละ เราอยู่ในกล่อง รอกก็จะชักเราขึ้นไป”
เมียวดีพูดไม่ออกได้แค่พยักหน้ารับรู้
“แค่กดปุ่มเราก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นลง”
บัวคลี่กดบุ่ม ยิ้มสบาย ๆแต่พอลิฟท์ขึ้น เมียวดีรู้สึกเสียววูบในท้อง หายใจแรง บัวคลี่แปลกใจ
“เป็นอะไรเมียวดี”
“เรารู้สึกเหมือน...ขนหัวตั้ง ไส้มันก็เหมือนจะหลุดออกมาเลย...เหวอ”
เมียวดีร้องออกมา บัวคลี่มองเป็นห่วง
“โธ่...กลัวเหรอแม่เหมียว ไม่เป็นไรน่า กลั้นใจไว้แบ๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
เมียวดีค่อยๆหันหน้ามามอง นิ่งไปนิดก่อนจะกลายเป็นหัวเราะเสียงดัง
“ฮะๆๆ สนุกดี เอาอีกรอบได้มั้ยเมียพ่อนาย เค้าเก็บเงินมั้ย”
บัวคลี่ถอนหายใจที่ประเมินเมียวดีผิดอีกแล้ว ได้แต่ส่ายหน้า

เมื่อถึงห้องอั๋น บัวคลี่เอากระเช้าผลไม้ให้อั๋น
“น้าขอโทษแทนแม่เหมียวด้วยจริงๆค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวน้าจะรับผิดชอบเอง”
อั๋นงงๆ
“ค่าใช้จ่ายอะไรครับ”
“ก็ค่ายา แล้วก็ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่คุณอั๋นไม่สบายเพราะไปช่วยจับหนูนะซิคะ”
“ผมสบายดีครับ พอดีเมื่อเช้าตื่นสายนะครับ ก็เลย...โทรไปลางาน”
บัวคลี่หน้าแตกเล็กน้อย เมียวดียิ้มๆ
“เราบอกเมียพ่อนายแล้ว ว่าหมวดไม่เป็นไรหรอก แถวบ้านเราเด็กมันจับหางแกว่งเล่นกัน”
อั๋นรีบโอ่ทำเก่งทันที
“ใช่ ครับ หนูตัวเล็กนิดเดียว สบายมากครับ”
“เฮ้ย นั้น...”
เมียวดีชี้ไปทันที อั๋นตกใจรีบกระโดดยกขาจากพื้นเกาะบัวคลี่อย่างรังเกียจ เมียวดีทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าแกล้งอำอั๋น
“อ๋อ...เศษด้ายตก เราดูผิด คิดว่าหางหนู”
อั๋นเสียฟอร์ม ค่อยๆเอาขาลงรีบพูดแก้เก้อ
“ก็เอ่อ ผมไม่ได้กลัวนะครับ แต่ไม่ชอบใกล้ชิด...เอ๊ะ แล้วพี่เผ่าละครับ”
“ออกกันมาแต่เช้า ดูเหมือนคุณเผ่ายังไม่ตื่นเลยค่ะ”
“นายนอนไม่หลับ”
อั๋นฟังแล้วสะดุ้งรู้สึกเอะใจ
“เป็นอะไรครับ”
“โอ๊ย...อย่าไปฟังยายเหมียวเลย แกก็พูดเรื่อยเจื้อยไปงั้นเองค่ะ”
อั๋นตัดสินใจหาข้ออ้าง
“เอ่อ คุณน้าครับ...วันก่อนผมได้ยินคุณพ่อบ่นเรื่องอยากหาทุนช่วยเหลือเด็กที่เกิดในคุกอะไรทำนองนี้แหละ อยากเชิญทางสมาคมช่วยเป็นแม่งานแต่...เกรงใจคุณน้า...”

อ่านละคร แก้วกลางดง ตอนที่ 8/2 วันที่ 7 พ.ค. 55
ติดตามละคร แก้วกลางดง ได้ทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 7.30 ,10.30 ,20.00 และ 23.00 ทาง ช่อง 8
ละคร แก้วกลางดง ประพันธ์ โดย ทมยันตี
ละคร แก้วกลางดง บทโทรทัศน์โดย ธนินทร อุชุภาพ
ที่มา manager.co.th
Share this game :

No comments:

Post a Comment

 

Copyright ©2011- 2013 เรื่องย่อละคร ดูละครย้อนหลัง ดูทีวีออนไลน์ 3,5,7,8,9,tpbs ดูละคร, ละครย้อนหลัง, ซิทคอม, รายการ